วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 746 ทุ่มสุดตัว



บทที่ 746 ทุ่มสุดตัว

นั่นก็คือหากจะเปรียบเทียบช่วงเวลาปกติภายในครอบครัว แล้ว น้องชายเป็นคนที่ถูกพ่อสั่งสอนและเคี่ยวเข็ญมาตลอด แต่ พ่อกลับปล่อยเธอมากจริงๆ

ปล่อยเธอไม่ว่าเธอจะยโสโอหังแค่ไหน ต่อให้เธอไม่มีเรียนรู้ ไม่มีทักษะติดตัววันๆ เอาแต่ชื่อของฟุ่มเฟือยและความงามที่ไม่ ตามดารา พ่อก็ไม่เคยจะมีความเห็นอะไร

เมื่อก่อนเธอยังคิดไปว่านี่เป็นเพราะพ่อนั้นรักและเอ็นดูตนเอง

แต่หลังจากออกมาแล้วและพบเจอเรื่องราวต่างๆ ตนเองจึงได้ ค้นพบว่า เธอไม่สามารถจะตอบกลับหรือรับมือพวกมันได้เลยใน สถานการณ์เช่นนั้น

เธอจึงพบว่า บางที พ่อทำแบบนี้ แท้จริงแล้วอาจจะไม่ใช่

เพราะพ่อรักตนเองเลย

แต่ในสายตาของเขานั้น ตนเองไม่ใช่คนที่จำเป็นจะต้องถูก เลี้ยงดูสั่งสอน

เธอเป็นลูกสาวของเขาแต่กลับเป็นเพียงเบี้ยตัวหนึ่งในตระกูล หลิน

เป็นเพียงเบี้ยที่มีเพียงความสวยแต่ไม่จำเป็นจะต้องมีความ สามารถของตัวเอง
เบียตัว ปกติต้องใช้เงินเล็กน้อย ในการเลี้ยงดู เมื่อถึงเวลา วิกฤตก็สามารถนำออกมาใช้เพื่อเป็นประโยชน์อย่างมากต่อ ครอบครัว

อย่างเช่น ในตอนนี้ ธุรกิจตระกูลหลินกำลังอยู่ในช่วงวิกฤต พ่อจึงบังคับให้เธอแต่งงานกับคนแก่คราวพ่อ

การรับรู้สิ่งที่ทำให้หลินเยว่เอ๋อร์รู้สึกเศร้ามาก

แต่เธอไร้หนทาง

ตอนนี้เธอทำได้เพียงพยายามที่จะคว้าทุกโอกาสที่อยู่ตรงหน้า จากนั้นก็ให้พ่อเธอเห็นว่าเธอเองก็ไม่ใช่คนที่ไม่มีประโยชน์อะไร ขอเพียงให้โอกาสเธอสักครั้ง เธอจะคว้ามันไว้ให้มั่น จากนั้น จะทำให้พ่อเธอต้องทึ่งในตัวเธอ

เมื่อคิดถึงตรงนี้ หลินเยวเอ๋อร์ก็ปรับสีหน้าแล้วยิ้มเล็กน้อย

“คุณกู้คะ…”

“ใครให้เธอเข้ามา?”

ยังพูดไม่จบก็ถูกกู้ซื้อเฉียนขัดแล้ว หลินเยว่เอ๋อร์นิ่งไปและคำพูดที่เหลือก็ติดอยู่ในลำคอ

เพียงเห็นหน้าที่เย็นชาสุดขีดของกู้ซื้อเฉียน ดวงตาที่แหลมคม ของเขาบริสุทธิ์ราวกับน้ำแข็ง และน้ำเสียงของเขาผสมกับความ โกรธที่น่าสะพรึงกลัว

เขาไม่คิดแม้แต่จะมองหลินเยว่เอ๋อร์ด้วยซ้ำ แล้วตะโกน “ลุงโอว!”

ลุงโอวเป็นชายแก่แขนขาอ่อนล้า เขาไม่สามารถจะขวางหลิน เยว่เอ๋อร์เอาไว้ได้ ตามก็ตามไม่ทัน เขาใช้เวลานานกว่าจะตาม เธอทัน

เมื่อเห็นสถานการณ์ตรงหน้าก็รู้แล้วว่าเกิดเรื่องแย่แน่ สีหน้า เขาเปลี่ยนไปและรีบอธิบาย “ขอโทษครับคุณชาย ผมไม่ สามารถจะขวางเธอได้ทัน

“เอาเธอออกไป!”

กู้ซื้อเฉียนกลับไม่ฟังคำอธิบายของเขาและออกคำสั่งในทันที

ลุงโอวหรี่ตาลงและรู้ว่าเขาโกรธแล้วจริงๆ จึงรีบตอบกลับ “ครับ” พูดแล้วก็หันไปหาหลินเยว่เอ๋อร์แล้วพูดกับเธอ: “คุณหลินคุณ

ก็เห็นแล้ว เชิญคุณออกไปกับผมเถอะครับ

อันที่จริงแล้วไม่เพียงแต่กู้ซื้อเฉียนที่โกรธ ลุงโอวเองก็รู้สึก โกรธมากในใจ

เรียกได้ว่าพูดไม่ออกกับการกระทำที่ไร้มารยาทของหลินเยว่ เอ๋อร์เลยทีเดียว

แต่เขาเป็นพ่อบ้านมืออาชีพที่ยอดเยี่ยมและคุ้นชินกับการไม่ แสดงสีหน้าใดๆ ไม่ว่าจะในสถานการณ์แบบไหนก็ตาม ดังนั้น สีหน้าของเขายังถือว่าสงบนิ่ง
คิดไม่ถึงว่าหลินเยว่เอ๋อ จะไม่ขยับ

เธอยังคงยืนอยู่ตรงนั้น และไม่ได้ฟังสิ่งที่เขาพูดเลย และ

เอาแต่มองไปที่กู้ซื้อเนียน

“ฉันไม่ไป ลุงโอวคะ คุณออกไปก่อนเถอะค่ะ ฉันมีเรื่องจะคุย กับคุณกู้”

ลุงโอวได้ยินแล้วขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว

จนถึงตอนนี้แม้แต่ชายที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดีอย่างเขายัง อดทนไว้ไม่ไหว

เขาเงยหน้าขึ้นแล้วมองเธอด้วยความรำคาญและพูด: “ไม่ ทราบว่าคุณหลินมีอะไร พูดกับผมก็ได้ ผมจะช่วยบอกกับคุณชาย ให้ครับ แต่ไม่ใช่การบุกเข้ามาในห้องหนังสือของคนอื่นโดยไร้ มารยาทแบบนี้ ดังนั้นเชิญคุณออกไปกับผมเถอะครับ! ไม่อย่าง นั้นหากต้องเรียกพนักงานรักษาความปลอดภัย เกรงว่าคงจะ ต้องเสียหน้ากันหมด”

คำพูดนี้ฟังดูจริงจังและหนักมากแล้ว

ท้ายที่สุดแล้ว ในสายตาคนอื่น หลินเยว่เอ๋อร์คือผู้หญิงคนแรก ที่กู้ซื้อเฉียนพากลับมาปราสาทจึงถือได้ว่าเป็นแขกคนสำคัญ

ถึงแม้กู้ซือเฉียนจะไม่สั่งอะไร แต่เพราะทุกคนไม่เคยเห็นเขา พาผู้หญิงกลับบ้านมาก่อน ในใจจึงอดคิดไปโดยอัตโนมัติไม่ได้ ว่าเธอจะต้องแตกต่างสำหรับกู้ซื้อเนียน

ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่แบบนั้น ดังที่กู้ซื้อเฉียนได้อธิบายกับลุงโอไปเมื่อก่อนหน้านี้แล้วก็ตาม

แต่เรื่องนี้มีเพียงลุงโอวเท่านั้นที่รู้

หากไม่มีคําสั่งของกู้ซื้อเฉียนไม่มีทางกล้าปากโป้งเอาเรื่อง ที่มาของหลินเยว่เอ๋อร์ไปบอกคนอื่นแน่นอน และเมื่อเขาไม่พูด อะไรแบบนี้ ทุกคนจึงได้แต่คิดว่าพวกเขายอมรับไปโดยปริยาย

จึงได้มีท่าทีและทัศนคติต่อหลินเยว่เอ๋อร์ด้วยความเคารพและ ระแวดระวัง

และนี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมหลินเยว่เอ๋อร์ถึงเข้ามาได้ถึงตรงนี้ เมื่อหลินเยว่เอ๋อ ได้ยินของเขาสีหน้าก็เปลี่ยนไป เธอรู้ว่าลุงโอวกำลังให้เกียรติเธอเป็นครั้งสุดท้าย หากตนเอง

ยังดึงดันคงจะต้องเกิดการหักหน้ากันแน่

แต่ขณะเดียวกันเธอเองก็รู้ด้วยเช่นกันว่าการกระทำของ ตนเองในตอนนี้ทำให้ผู้ซื้อเฉียนไม่พอใจแล้ว

หากไม่ฉวยโอกาสไว้ก็กลัวว่าเขาจะไม่ได้เจอกับตนเองอีกแล้ว อย่างนั้นแม้แต่โอกาสเพียงน้อยนิดก็จะไม่เหลือเลย

เมื่อคิดถึงจุดนี้ หลินเยว่เอ๋อร์ตัดสินใจไม่ยอมไปแล้วพูดอย่าง ตรงไปตรงมา: “ทำไมคุณกู้จะต้องปฏิเสธคนอื่นอย่างไร้เยื่อใย แบบนี้ด้วยคะ? หรือว่าตระกูลหนึ่งในสี่ตระกูลยิ่งใหญ่แห่งเมือง หลวงต้อนรับแขกกันแบบนี้? ยังไม่ทันที่แขกจะพูดจบก็ไล่กันเสีย แล้ว?”
เมื่อคำพูดนี้ถูกพูดออกไป ทั้งลุงโอวและกู้ซื้อเฉียนต่างก็ตก ตะลึง

กู้ซือเฉียนหรี่ตาลง แสงอันตรายที่ส่องประกายในดวงตาของ

เขา และมองดูเธออย่างเย็นชา

รอบตัวพวกเขาเงียบสงัดมีบรรยากาศที่แปลกประหลาดและ ตึงเครียดแผ่กระจายไปทั่วห้องอย่างเงียบๆ

ครู่หนึ่งจึงได้ยินเสียงที่เย็นเยียบจากเขา “เธอรู้ว่าฉันเป็น ใคร?”

เสียงอันเย็นเยียบนั้นทำให้หลินเยว่เอ๋อร์หนาวสั่นไปทั้งตัว สีหน้าของผู้ชายคนนั้นมีแต่ความเย็นชาอยู่ตลอด ทำให้เธอรู้สึก อยากจะก้าวเท้าหนี

แต่สุดท้ายเธอก็อดทนไว้

เธอยืดคอเล็ก้อนย เงยหน้าขึ้นมองเขาแล้วพูดว่า “รู้ค่ะ”

เสียงหัวเราะเบา ๆ ราวกับดาบที่ออกจากลำคอ

ความโกรธบนใบหน้าของเขาเลือนหายไปและถูกแทนที่ด้วย รอยยิ้มขี้เล่นที่ดูเหมือนจะไม่ยิ้ม

ราวกับว่านักล่าที่โหดเหี้ยมเห็นเหยื่อที่ขี้เล่นและน่าสนใจ เขา ค่อยๆ เดินไปนั่งบนโซฟา ยกขาเรียวข้างหนึ่งขึ้นทับอีกข้างหนึ่ง เพื่อที่เขาจะได้มองดูเธออย่างผ่อนคลาย
“น่าสนใจดีนะ”

เขาพูด นิ้วของเขาเล่นกับแหวนระหว่างนิ้วของเขาโดยไม่รู้ตัว และพูดว่า “ลุงโอว คุณออกไปก่อน”

ลุงโอวเห็นเช่นนั้นจึงหันไปมองเขาแล้วมองกลับไปที่หลินเยว่ เอ๋อร์

ในขณะที่มองหลินเยว่เอ๋อร์ก็ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ แต่ สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร เขาตอบรับและถอยออกไปจากห้องอย่าง สุภาพ

เมื่อเป็นแบบนี้ในห้องหนังสือจึงเหลือเพียงหลินเยว่เอ๋อร์และกู้ อเจียนเพียงสองคน

เมื่อหลินเยว่เอ๋อเห็นเขาสั่งให้ลุงโอวออกไป ก็รู้ได้เลยว่าการ เดิมพันของตนเองในครั้งนี้ ทำถูกแล้ว

แม้ว่าถนนเบื้องหลังจะคาดเดาไม่ได้ ตราบใดที่คุณเข้าใจจุด

นั้น คุณไม่ควรผิดพลาด

เมื่อคิดแบบนี้ เธอก็ถอนหายใจแล้วเดินเข้าไป

“คุณ คุณคงยังไม่ได้กินข้าว นี่คืออาหารที่ฉันตั้งใจเลือกมา ให้คุณ และไม่รู้ว่าจะถูกปากคุณรึเปล่า คุณลองดูก่อน หากไม่ ถูกใจ ฉันจะทำให้คุณ ทักษะการทำอาหารของฉันเป็นเลิศนะคะ ไม่เชื่อลองดูก็ได้”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ