วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 802 จู่ๆ ก็เจอหล่อน



บทที่ 802 จู่ๆ ก็เจอหล่อน

เฉียวไม่ได้เดินไปไหนไกล เธอเพียงแค่นั่งอยู่ที่สวนดอกไม้ ด้านหน้าที่กรองครู่หนึ่งเท่านั้น

แสงอาทิตย์อันอบอุ่นสาดส่องลงมากลางศีรษะ ราวกับสำลีผืน

ใหญ่ที่อ่อนนุ่ม และห่อหุ้มด้วยความอบอุ่นเป็นชั้นๆ

เสี่ยวเยว่เดินตามเธออยู่ข้าง ๆ หล่อนกลัวว่าเธอจะถูกลมพัด ปลิว หล่อนจึงเอาผ้าห่มผืนบางออกมาคลุมให้เธอ

“คุณเฉียวดอกบัวในสระทางโน้นกำลังจะบาน คุณอยากจะไป ดูสักหน่อยไหมคะ?”

ด้านนอกสุดของสวนดอกไม้ที่ปราสาทมีสระน้ำขนาดใหญ่อยู่

โดยปกติแล้วลุงโอจะเป็นคนดูแลมัน ส่วนกู้ซื้อเฉียนไม่ค่อยได้ไป

ดูมันเท่าไหร่นัก

ลุงโอคิดว่าสวนตรงนั้นมันว่างเปล่าและรกร้าง ดูไม่ค่อยสวย เท่าไหร่นัก ดังนั้นเขาจึงสั่งให้คนเอาดอกบัวไปปลูก

ตอนนี้ยังไม่ถึงเดือนเมษายน ถ้าจะพูดตามหลักแล้ว มันก็ยัง ไม่ใช่ฤดูที่ดอกบัวจะบาน

แต่อาจจะเป็นเพราะสภาพอากาศช่วงนี้เริ่มอุ่นขึ้น หรืออาจจะ เป็นเพราะดอกบัวพันธุ์ที่ลุงโอสั่งให้คนเอาไปปลูกไม่เหมือนกับ ดอกบัวทั่วๆ ไป เพราะอย่างนั้น ในเวลานี้ จึงมีดอกบัวตูมผุดขึ้น มาจํานวนมาก
เฉียวนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง เธอคิดว่าเธอก็ไม่ได้มีธุระอะไรที่จะ ต้องไปทํา เพราะอย่างนั้นไปดูหน่อยก็ได้

เธอจึงตอบตกลง

เสี่ยวเยวจึงผลักวีลแชร์ของเธอด้วยความดีใจ

เมื่อมาถึงสระน้ำและทอดมองออกไป มันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เพราะตอนนี้มีดอกบัวสีชมพูและสีขาวน้อยใหญ่เรียงรายกันอยู่ บนใบบัว กําลังบานไม่น้อยเลยทีเดียว

บางส่วนยังเป็นดอกตูม แต่ส่วนใหญ่ก็กำลังจะบาน

เสี่ยวเยว่รู้สึกประหลาดใจและดีใจไม่น้อย

“ไอ้หยา เมื่อสองวันก่อนฉันยังเห็นว่า พวกมันยังเป็นดอกตูม อยู่เลย ทำไมมันถึงบานเร็วขนาดนี้ล่ะ?”

ขณะที่หล่อนพูด หล่อนก็วิ่งไปดึงมันมาหนึ่งดอก

เฉียวมองดูดอกไม้สีขาวราวกับหิมะ มันดูละเอียดอ่อนและ สวยงามเมื่อตัดกับฉากหลังของใบไม้สีเขียว การที่ได้มองมัน เพียงครั้งเดียวก็ทำให้ในใจของผู้คนรู้สึกหลงใหล และก็อดไม่ ได้ที่จะกระตุกริมฝีปากและยิ้มออกมา

“เธอไปดึงดอกไม้ของลุงโอมาแบบนี้ ระวังถ้าเขารู้ เขาจะมาว่าเธอนะ”

เธอพูดติดตลกออกไป

เสี่ยวเยวจึงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “คงจะไม่เป็นแบบนั้นหรอกค่ะ ลุงโอดีจะตายไป ดอกไม้ที่เขาปลูกคราวก่อน พอมันบานแล้ว เขาก็ยังสั่งให้คนไปตัดบางส่วนเอามาให้เราเลย แล้วเขาก็ยังบอกอีกว่าห้องของผู้หญิงต้องมีดอกไม้ เพราะมันจะ ทำให้ผู้คนที่ได้เห็นรู้สึกมีชีวิตชีวามากขึ้น เพราะอย่างนั้นเขาไม่ ว่าอะไรเราแน่นอนค่ะ”

เมื่อเฉียวได้ยินดังนั้น เธอก็คลี่ยิ้มออกมา

ลุงโอเป็นแบบนี้มาโดยตลอด เขาเป็นคนใจดี และมีน้ำใจให้ กับทุกคน

ทั้งสองกำลังพูดคุยและหัวเราะกันอยู่ แต่จู่ๆ เสี่ยวเยวก็หยุด ชะงักขึ้นมาดื้อๆ

หล่อนออกตัววิ่งไม่กี่ก้าว ก็มาหยุดอยู่ที่ด้านหลังของเฉียว จากนั้นหล่อนก็พูดกระซิบกระซาบออกไปเสียงเบาว่า “คุณเฉียว คุณดูนั่นสิ ผู้หญิงคนนั้นคือคุณหลินไม่ใช่หรือ?”

เฉียวเอียงศีรษะเล็กน้อย และมองไปตามทิศทางที่หล่อน และเมื่อมองไปทางนั้น เธอก็เห็นหลินเยว่เอ๋อร์ที่กำลังเร่งรีบ หล่อนก้มหน้าลงเล็กน้อย และเดินไปอีกทางหนึ่ง

เสี่ยวเยวขมวดคิ้วมน

“หล่อนจะไปไหน? ทางนั้น ไม่ใช่ที่ที่คุณชายอยู่หรือ? คุณชายบอกว่าถ้าไม่มีธุระอะไร เขาไม่อนุญาตให้ไปหาเขาตอน กลางวันไม่ใช่หรือ?”

ใบหน้าของเฉียวเฉยชา แต่ดวงตาของเธอกลับแข็งกร้าวขึ้น
เธอจึงพูดออกไปเสียงเบาว่า “บางทีอาจจะมีเรื่องอะไรก็ได้ หลังจากพูดจบ เธอก็หลับตาลง

เสี่ยวเยวมองดูปฏิกิริยาของเธอ และหล่อนก็เห็นว่าใบหน้า ของเธอก็ไม่ได้แตกต่างไปจากปกติ แต่ถึงแม้ว่าเธอจะดูเหมือน ไม่ใส่ใจอะไร แต่แววตาของเธอก็สั่นไหวเล็กน้อย

จากนั้น หล่อนจึงพูดออกไปพร้อมกับรอยยิ้มว่า “มันก็ควรจะ เป็นอย่างนั้นแหละค่ะ คุณชายเกลียดหลินเยว่เอ๋อร์จะตายไป แล้วเขาจะให้หล่อนไปพบทำไม? เพราะคนที่เขาอยากจะเจอคือ คุณต่างหาก”

เฉียวฉลูบนิ้วเรียวของตัวเองไปบนกระโปรงอยู่ครู่หนึ่ง

จากนั้นเธอก็เงยหน้าขึ้น และหันไปมองหล่อน

สายตาของเธอเฉียบคม ราวกับใบมีดที่สามารถผ่าทุกอย่าง ได้เป็นเสี่ยงๆ เธอมองตรงไปที่เสี่ยวเยว่ และถามออกไปว่า “ทำไมเธอถึงพูดอย่างนั้น?

เสี่ยวเยวยิ้มออกมาอย่างสดใส

“ก็มันเป็นเรื่องจริงนี่คะ ใครๆ ก็ดูออกว่า หัวใจของคุณชายอยู่ ที่คุณ คุณเฉียว แต่หลินเยว่เอ๋อร์ไม่ยอมรับมัน คุณรู้ไหมว่า คุณชายมาหาคุณกี่ครั้ง? แล้วเขาไปหาหล่อนกี่ครั้ง? ถ้าไม่ใช่ เพราะความไร้ยางอายของหล่อนที่ไปหาเขาถึงหน้าประตูเองทุก ครั้ง บางทีคุณชายก็อาจจะลืมไปแล้วก็ได้ว่ามีคนแบบหล่อนอยู่ ในปราสาทด้วย”
ริมฝีปากของเฉียวฉีกระตุกด้วยความเย้ยหยัน และในดวงตา ของเธอ มันก็แต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มจางๆ

“อ้อ? คำพูดพวกนี้ ใครสอนเธอหรือ?”

เสี่ยวเยวถึงกับสะดุ้งตกใจ

เมื่อหล่อนสัมผัสได้ถึงสายตาของเธอ เห็นได้ชัดว่าเธอกำลัง ยิ้ม แต่ในดวงตาของเธอมันกลับมีชั้นของความเย็น ซึ่งปกคลุม เหมือนกับน้ำแข็ง

จู่ๆ หล่อนก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ สีหน้าของหล่อนเปลี่ยน ไปทันที จากนั้นหล่อนก็รีบพูดอธิบายออกไปว่า “ฉันก็แค่พูดไร้ สาระเท่านั้นเองค่ะ คุณเฉียวคุณไม่ต้อง…

“หลังจากนั้นต่อไปนี้อย่าพูดเรื่องนี้อีก

เฉียว หันไปมองทางอื่น ราวกับว่าเธอไม่อยากจะจู้จี้จุกจิกกับ หล่อนอีก

เธอมองตรงไปข้างหน้า และพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่นิ่งสงบ ว่า “ฉันกับหล่อนไม่ใช่คนเดียวกัน เพราะอย่างนั้นจะเอาไป เปรียบเทียบกันไม่ได้ ฉันกับกู้ซื้อเฉียนไม่ได้มีความสัมพันธ์อย่าง ที่คุณคิด ดังนั้นพวกเขาจะใกล้ชิดหรือไม่ หรือกู้ซื้อเฉียนจะไปหา หล่อนรึเปล่า มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน เพราะอย่างนั้นหลังจากนี้ ต่อไปอย่าพูดเรื่องนี้ต่อหน้าฉันอีก”

หัวใจของเสี่ยวเยวถึงกับสั่นไหว

สายตาของหล่อนจับจ้องไปที่ใบหน้าของเธออย่างระมัดระวังและหล่อนก็เห็นเพียงแค่ความจริงจังและความตั้งใจแน่วแน่ และ ไม่มีการล้อเล่นแต่อย่างใด

นั่นจึงทําให้หล่อนตระหนักได้ว่า เธอจริงจัง

หล่อนจึงไม่กล้าพูดอะไรออกไปอีก และรีบตอบรับออกไปเสียง เบาว่า “ค่ะ ฉันเข้าใจแล้ว

เมื่อเฉียวได้ยินหล่อนแบบนั้น จู่ๆ เธอก็หมดอารมณ์ที่จะเดิน

ตอ

หลังจากที่นั่งได้ไม่นาน เธอก็ให้หล่อนผลักวีลแชร์เพื่อที่จะ กลับ

เมื่อกลับมาถึงห้อง เธอก็นึกถึงสิ่งที่เสี่ยวเยวพูดเมื่อสักครู่นี้ จากนั้นเธอก็หัวเราะเยาะตัวเอง

ในใจของกู้ซื้อเฉียนมีเธออย่างนั้นหรือ?

เหอะ เธอกลัวว่าแม้แต่กู้ซื้อเฉียนเองก็คงจะไม่เชื่อ ถ้าเขา ได้ยินคำพูดพวกนี้

ในใจของเธอมีความรู้สึกประชดประชันขึ้นมา และเธอก็ เกียจที่จะมาคิดเรื่องนี้อีก เธอจึงโยนทุกอย่างทิ้งไป และตรงไป พักผ่อน

ในเวลานี้ อีกด้านหนึ่ง

หลินเยว่เอ๋อร์รู้สึกมีความสุขมาก หลังจากที่อยู่ปราสาทมานาน นี่ก็เป็นครั้งแรกที่กู้ซื้อเฉียนเรียกหาหล่อน

แม้ว่าตอนนี้หล่อนจะไม่รู้ว่า เขาเรียกให้หล่อนมาที่ตึกหลัก

ทำไม แต่พอลองมาคิดๆ ดูแล้ว มันจะต้องไม่ใช่เรื่องที่ไม่ดีอย่าง

แน่นอน และยิ่งไปกว่านั้น การที่เขาเรียกหาหล่อน นั่นก็ถือว่าเป็นโชค ดีของหล่อนแล้ว เพราะมันแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการที่สำคัญใน

ความสัมพันธ์ของพวกเขา

และไม่ว่าครั้งนี้เขาจะให้หล่อนทำอะไร หล่อนก็ยินดีทำทุก

อย่าง

ถึงแม้ว่าจะเป็น… การที่หล่อนจะต้องอุทิศร่างกายให้เขาก็ตาม

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ หัวใจของหล่อนมันก็เต้นแรงมากขึ้นไปอีก หล่อนเดินเข้ามาถึงห้องโถงของตึกหลักอย่างรวดเร็ว หล่อน เห็นเพียงแค่ฉินเยวที่ยืนรออยู่ตรงนั้น เมื่อเขาเห็นหล่อน เขาก็ยิ้ม เล็กน้อย จากนั้นก็เดินเข้ามา

“คุณหลินคุณมาแล้วหรือครับ คุณชายกำลังรอคุณอยู่ที่ชั้นบน”

ชั้นบน?

หลินเยว่เอ๋อร์ถึงกับตะลึง

ต้องรู้ก่อนว่า ชั้นบนเป็นพื้นที่ต้องห้ามส่วนตัวของกู้ซื้อเนียน และโดยปกติแล้วก็ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้ขึ้นไป
ครั้งก่อน หล่อนใช้ความพยายามอย่างมากในการวิ่งไปที่ห้อง หนังสือ แต่สุดท้ายหล่อนก็ถูกเขาโยนออกมา

แต่วันนี้เขากลับจงใจเชิญหล่อนให้ขึ้นไปหาอย่างนั้นหรือ? หรือว่า เขาพร้อมที่จะยอมรับหล่อนแล้วจริงๆ อย่างนั้นหรือ? เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ หลินเยว่เอ๋อร์ก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา ราวกับว่า

ในหัวใจของหล่อนมีกระต่ายตัวน้อย ที่เอาแต่กระโดดโลดเต้น ไม่หยุด หล่อนพยักหน้าตอบรับ จากนั้นก็เดินตามฉินเยวขึ้นไปชั้นบน

อย่างรวดเร็ว

ณ ห้องรับแขกชั้นบน ในเวลานี้

ในห้องที่ตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจง กู้ซื้อเฉียนไม่ใช่คนเดียวที่ นั่งอยู่ในนั้น

บนโซฟาขนาดใหญ่ มีชายวัยกลางคนนั่งอยู่ที่นั่นด้วย โดย ซ้อนทับขาเรียวสวยเข้าด้วยกัน หลังพิงกับพนักพิงโซฟาอย่าง เกียจคร้าน มือข้างหนึ่งวางบนที่วางแขนบนโซฟา ส่วนมืออีกข้าง หนึ่งก็ถือซิการชั้นดีเอาไว้ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย จากนั้นก็ยิ้มและ สูบบุหรี่ พร้อมกับพูดคุยกับกู้ซื้อเฉียนไปด้วย

ส่วนทางด้านของกู้ซือเฉียน เขายังดูเย็นชาและสูงส่งสง่างาม เขานั่งอยู่บนโซฟาอีกตัวฝั่งตรงข้าม อีกทั้งยังแสดงท่าทางสงบ และมั่นใจในตนเอง นัยน์ตาของเขาคมกริบและมีการคำนวณ อะไรบางอย่างอยู่ในนั้น


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ