วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 87 สมองโง่ปัญญาอ่อน



บทที่ 87 สมองโง่ปัญญาอ่อน

มู่หงเซียวได้รีบเดินมาขวางหน้าเธอ

จิ่งหมิงขมวดคิ้วเล็กน้อย

“มีธุระ?”

เธอยังกล้ามาถามฉัน? พูดว่า! เธอทำอะไรกับพี่เสียวหย่า กันแน่? ทําให้เธอต้องกลายมาเป็นแบบนี้! ”

เรื่องการแข่งขัน ถึงแม้ว่าเงี่ยนซิวรับปากว่าจะชอบเธอ ป่าวประกาศ ล้างความอับอายของเธอก่อนหน้านี้

แต่เพราะสภาพของจึงเสี่ยวหย่าในตอนนี้ หมอบอกว่าจะ ได้รับความกระทบกระเทือนทางอารมณ์ไม่งั้นจะเป็น อันตรายได้ง่าย

ถึงแม้ว่าจิ่งหนึ่งจะไม่แคร์ว่าเธอจะตายหรือไม่ แต่ก็ไม่ได้ที่ จะอยากแบกชื่อว่าฆ่าคนตาย ก็เลยทำได้แค่ตกลงที่จะเลื่อน เรื่องนี้ไปก่อน

เพราะงั้น จนถึงตอนนี้ มู่หงเซียวยังไม่รู้ความจริง

รู้แค่ว่าที่จึงเสี่ยวหย่ากลายเป็นแบบนี้ เป็นเพราะวิ่งหนึ่ง

ทั้งหมด

พอเห็นเขา เธอก็เกลียดจนฟันนั้นกันไปหมด
จิ้งหนึ่งยิ้มเรียบๆ ไปสักพัก

เธอมองมู่หงเขียว เหมือนว่าได้มองปัญญาอ่อนอยู่

“มู่หงเซียว เธอรู้อะไรไหม? ว่าโง่นั้นเป็นโรคอย่างหนึ่ง ต้องไปรักษา

มู่หงเซียวก็ได้โมโหเลยทันที “วิ่งหนึ่ง! เธอกล้าว่าฉันโง่”

จิ่งหนึ่งส่ายหน้าแบบหมดทางที่จะช่วย “เห็นที่เธอนั้นโง่

จริงๆ”

มู่หงเซียวโมโหมากๆ ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ เห็นแบบนั้นเข้า ก็ได้รีบเขาไปปลอบเธอให้ใจเย็น “หงเซียว เธออย่าอารมณ์ เสียไป อารมณ์ทำให้ร่างกายไม่ดีมันไม่คุ้ม

พูดจบ ก็ได้หันไปพูดกับจิ้งหนึ่ง “จิ้งหนึ่ง เธอทำไมถึงว่าหง เชียวแบบนี้? ต่อให้เธอเกลียดจึงเสี่ยวหย่า แต่ก็อย่าเอา ความโกรธนั้นลามมาที่หงเชียว! ไม่ว่าจะยังไงเขาก็เป็น น้องของมู่ลั่นเจอนะ เธอพูดแบบนี้มันจะมากเกินไปหน่อย หรือเปล่า?

วิ่งหนึ่งมองเธอไปสักพัก ขี้เกียจที่จะพูดกับเธอ

มู่หงเซียวเธอนั้นยังจะเถียงกลับได้บ้าง ส่วนคนที่ไม่รู้จัก

นั้น พูดมากไปก็เปลือกน้ำลายเปล่าๆ เพราะงั้นเธอไม่อยากที่จะสนใจเขา ก็ได้เดินผ่านพวกเขา

ไปที่ห้องน้ำ
หงเซียวเห็นว่าเธอนั้นกล้าที่จะมองข้ามตัวเอง จะไปทน ไหวได้ยังไง?

ได้ไปจับแขนของเธอไว้ “ไม่ให้ไป! “

งหนิงขมวดคิ้ว ร่างกายกับสมองนั้นได้แสดงการกระท่า ออกมา ก็ได้สะบัด หงเขียวออก

มู่หงเขียวไม่ได้ระวังตัว ได้ถอยไปสองก้าว มองเธอด้วย

ความประหลาดใจ

ผู้หญิงคนนี้ก็ได้รีบเดินเข้าไป ไปประคองเธอไว้

“หงเขียว เธอไม่เป็นอะไรนะ?”

มู่หงเชียวถึงได้ตั้งตัวได้ ส่ายหน้า “ฉันไม่เป็นไร”

เวลานี้ ข้างหลังก็ได้มีเสียงดังมา

“เป็นไรไป? เกิดเรื่องอะไรขึ้น?

จิ่งหนิงได้หยุดฝีเท้าลง

หันไป ก็เห็นมั่นเจ๋อที่ได้เดินมาจากทางเดินอีกข้าง

ตอนที่เห็นจิ้งหนึ่งนั้น นัยน์ตาของเขาได้สั่นไหวสักพัก สายตาเต็มไปด้วยความสับสน

“จิ้งหนึ่ง เธอทำไมถึงอยู่ที่นี่?

จิ่งหนึ่งยิ้มเรียบๆ
ร้านอาหาร นายเป็นคนเปิดเหรอ? ขนาดคนที่ว่าที ภรรยาตัวเองนอนอยู่ในโรงพยาบาลยังมาได้ ฉันทำไมจะมา ไม่ได้?

มู่หั่นเจ๋อได้ถูกเธอสวนกลับแบบนี้ ก็ได้กลืนน้ำลายลง

“ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น

หงเซียวเห็นเขามา ก็เหมือนว่าได้เจอที่พึ่ง ก็ได้รับไป กอดแขนของเขาพูดออกไปอย่างอ้อนว่า “พี่มาพอดีเลย เธอ รังแกฉัน! ”

มู่ยั่นเจ๋อมองเธอสักพัก

“ช่างเถอะ! เธอไม่ไปรังแกคนอื่นก็ดีขนาดไหนแล้ว คนอื่น เขายังมารังแกเธอได้? ”

มู่ยั่นเจ๋อปกป้อง ปกป้อง กับน้องตัวเองแล้วก็ยังเข้าใจ นิสัยเธอดี

มู่หงเซียวได้ยิน ทั้งโมโหและน้อยใจ

“พี่ เรื่องจริงนะ เมื่อกี้เธอผลักฉัน! ” มั่นเจ๋อมองผู้หญิงที่อยู่ทางนั้น

ผู้หญิงคนนั้นได้ยังแบบทำตัวไม่ถูก “คุณจึงน่าจะไม่ได้ ตั้งใจทํา”

ความหมายนั้น ก็คือได้ยอมรับไปว่ากึ่งหนึ่งผลักคนไป
ที งหมิงได้เจอความหน้าไม่อายของพวกเขามาก่อน ก็ได้รู้สึกว่าความอดทนของตัวเองได้รับการปรับเปลี่ยน

มั่นเจ๋อขมวดคิ้ว มองไปที่วิ่งหนึ่ง

เดิม อยากจะถามเธอว่าทําไมถึงได้ผลักคน แต่พอมอง เห็นความเย็นชา จากสายตาเธอ ไม่รู้ทำไม ก็ได้กลืนคำพูด กลับเข้าไป

มู่หงเซียวได้เร่งเขาด้วยความร้อนรน “พี่ พี่รีบให้เขา ขอโทษฉันเดี๋ยวนี้! ”

มั่นเจ๋อนิ่งไป สุดท้ายก็ยังพูดออกไป “จิ้งหนึ่ง เรื่องของ พวกเราเป็นเรื่องของพวกเรา ไม่เกี่ยวกับหงเซียว เธอขอโทษ เขาเถอะ!”

จิ่งหนึ่งได้ถูกยั่วโมโหจน

เธอมองมั่นเจ๋อ ยิ้มอย่างเยือกเย็น “ฉันรู้ว่านายโง่ ไม่รู้ ว่านายจะโง่ขนาดนี้ ไม่แปลกที่เมื่อก่อนตอนที่หงเกี่ยวกับ จึงเสี่ยวหย่าร่วมมือกันพูดอะไรนิดหน่อยก็ได้หลอกนายได้ แล้ว นี่มัน……ไอคิวต่ำใช้ได้

มั่นเจ๋อไม่ชอบท่าทางที่เย่อหยิ่งของเธอ ท่าทางที่ดูหมิ่น

ของเธอมาก

สีหน้าเขาได้เสียทันที “ฉันพูดดีๆ กับเธอ นี่เธอต้องพูด ประชดประชันใส่คนอื่นถึงจะพอใจหรือไง?”
จิ่งหมิงได้หัวเราะออกมาเบา พูดดีๆ? นายแค่ฟังความ จากพวกเขา ได้ฟังความคิดของฉันบ้างไหม?

มู่มั่นเจ๋อพูดอย่างเย็นชา “ฉันยอมรับ บางครั้งหงเขียว หยิ่งผยองไปบ้าง พูดโกหกก็ไม่มีทางที่จะเป็นไปไม่ได้ แต่ ขนาดที่ยวหวั่นก็พูดแบบนี้แล้ว งั้นต้องเป็นเรื่องจริงแน่ๆ เธอผลักคน พวกเราไม่เอาเรื่องเธอ แต่เธอจะไม่ยอมรับแล้ว ไม่ขอโทษเลยมันไม่ได้! ”

เยวหวั่น?

อ้อ~~เธอก็ว่าทำไมคนคนนั้นหน้าตาคุ้นๆ ที่เป็นก็เป็น ตระกูลกวนในเมืองหลวงกวนเยวหวั่นคนนั้น?

จิ้งหนึ่งได้หัวเราะอย่างเย็นชา

นายเชื่อที่เธอพูดถึงขนาดนั้นเลยเหรอ?”

“เธอเป็นเพื่อนฉัน ฉันต้องเชื่อเธออยู่แล้ว

“เหอะ! เมื่อก่อนฉันก็เป็นแฟนนายนะ ทำไมไม่เห็นว่าจะจะ

เชื่อใจฉันเลยสักนิด?”

มู่ยั่นเจ๋อ ..….…….

ในใจของจิ่งหนิงก็ยังผิดหวังเล็กน้อย

ถึงแม้ว่าได้เจอท่าแท้ของผู้ชายคนนี้แล้ว แต่ยังไงก็เป็น ความรู้สึกที่มีให้กันถึงหกปี ในบางครั้ง ไม่มากก็น้อยก็หวังว่าจะไม่มองอีกฝ่ายเลวร้ายเกินไป

แต่มาถึงตอนนี้ เธอถึงได้รู้เรื่องบางเรื่องแม้ว่าเธอจะไม่ อยากไปคิดก็ใช้ว่าจะไม่มีอยู่

ความฝันเก่าได้แตกสลายแล้ว ไม่มีคนสนใจความรู้สึก ของคนที่เคยอยู่ในฝันนั้นเป็นยังไง

พวกเขาสนแค่ตรงหน้า เพราะว่าของตรงหน้านั้นเป็นคนที่ เขาเป็นห่วงเป็นใย ในตอนนี้

วิ่งหนึ่งยิ้มอย่างเย็นๆ ไม่อยากที่จะยุ่งเกี่ยวกับพวกเขาไป

มากกว่านี้ ก็ได้หันหลังเดินออกไป

เวลานี้ เสียงของปั่นเพื่อที่อยู่ข้างหลัง ก็ได้ดังขึ้น

“เดี๋ยวก่อน! ”

จึงหนิงหายใจเข้าลึกๆ หยุดเดิน

“ยังมีธุระ?”

มั่นเจ๋อมองไปรอบๆ สายตาก็ได้มีความสงสัย

“วันนี้เธอมาคนเดียว?

“เกี่ยวอะไรกับนาย?”

สีหน้าของมู่ยั่นเจ๋อเครียดเล็กน้อย

“ฉันก็แค่อยากจะเตือนเธอ ฉันไม่รู้ว่าเธอไปยุ่งเกี่ยวกับจึงเป็นได้ยังไง แต่เท่าที่ฉันรู้ เขานั้นได้มีสัญญาแต่งงานใน เมืองหลวงตั้งนานแล้ว ไม่มีทางที่จะแต่งงานกับเธอจริงๆ เธอ…..อย่าทําร้ายตัวเอง เพราะเรื่องของพวกเรา

จิ้งหนังฟังจบ ก็ได้ออกมาทันที

เธอได้หันกลับไปมองมั่นเจ๋อ สายตาเต็มไปด้วยความ

ประชด

“มู่ยั่นเจ๋อ นายเอาความมั่นใจมาจากไหนกันแน่ ที่คิดว่า ฉันจะทําร้ายตัวเองเพื่อนาย?”

มู่ยั่นเจ๋อไขมวดคิ้วแน่น

“จิ้งหนิง เธอเลิกปากแข็งได้แล้ว เธอเป็นคนยังไงฉัน เข้าใจดี ฉันไม่มีทางที่จะเชื่อได้ว่าหลังจากที่พวกเราเลิกกัน แล้วเธอก็ไปรักผู้ชายคนอื่นได้เร็วขนาดนี้

ฉันยอมรับระหว่างพวกเรานั้นฉันผิดต่อเธอ อะไรที่ชดใช้ ได้ฉันได้ชดใช้ไปแล้ว ฉันได้ยินว่าเธอได้ขายบริษัทไปสอง บริษัท เงินในมือก็มีมากพอที่จะให้เธอนี่มีกินมีใช้ไปอีกนาน เธอไม่จําเป็นที่จะต้องรับไปหาผู้ชายคนหนึ่ง…….

“พอได้แล้ว!”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ