วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 402 เขาไม่รู้



บทที่ 402 เขาไม่รู้

เนื้อหาในพินัยกรรมเรียบง่ายมาก แต่กลับทำให้ผู้คนในงานต่าง พากันตกใจ

เพราะภายในเนื้อหาของพินัยกรรม นอกจากมอ กมอบกวนชื่อกรุ๊ป ให้กวนจี้หมิงบริหารต่อไปแล้ว คิดไม่ถึงว่าคุณท่านจะมอบหุ้น กวน อกรุ๊ปสิบห้าเปอร์เซ็นต์ รวมทั้งทรัพย์สินส่วนตัวและ อสังหาริมทรัพย์ทั้งหมดให้กับวิ่งหนึ่ง

ทุกคนต่างพากันนิ่งอึ้ง และแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ตัวเอง ได้ยินมาเลย

จิ่งหนิงเองก็นิ่งอึ้ง และไม่เข้าใจเจตนาของคุณท่านกวน

เธอลุกขึ้นและพูดขึ้นว่า : “คุณปู่กวน ฉันไม่ใช่คนของตระกูล กวน ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับตระกูลกวนเลย ดังนั้นคุณทำแบบนี้ไม่ เหมาะสมนะคะ หุ้นส่วนและทรัพย์สินเหล่านี้ฉันรับไม่ได้ค่ะ” เธอยังไม่ทันพูดจบก็ถูกคุณท่านกวนยกมือขัดจังหวะขึ้น

“หนิงหนิง อย่าเพิ่งรีบร้อนปฏิเสธ

ขณะที่เขาพูดก็จ้องมองเธอด้วยสายตาอ่อนโยน และซักถาม ขึ้นว่า : “เธอจำได้ไหมว่า เธอเกิดวันไหน เดือนไหน ปีไหน?”

จิ่งหนิงนิ่งอึ้งชั่วขณะ และรู้สึกมึนงงมาก แต่ก็ยังตอบอย่าง ซื่อตรงว่า : “แน่นอนว่าจำได้ ฉันเกิดวันที่สาม เดือนพฤศจิกายนปีหนึ่งเก้าเก้าห้า”

“ไม่ใช่ ผิดแล้ว เธอไม่ได้เกิดวันที่สาม เดือนพฤศจิกายน เธอ เกิดวันที่ยี่สิบหก เดือนกันยายน”

จิ่งหนิงนิ่งอึ้งชั่วขณะ

“เป็นไปได้ยังไง?”

ไม่รู้ทำไม จู่ๆหัวใจของเธอก็รู้สึกเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้น จน รอยยิ้มบนใบหน้าแทบไม่สามารถฝืนยิ้มได้เลย

“คุณปู่กวน คุณอย่ามาล้อเล่นนะคะ ฉันจำได้อย่างแม่นยำ ฉัน เกิดเดือนพฤศจิกายน ฉันฉลองวันเกิดมายี่สิบกว่าปี แล้วจะจํา ผิดได้ยังไง?”

“เธอไม่ได้จําผิดหรอก เพราะคนที่บอกวันเกิดนี้กับเธอ วันที่ จริงแล้วไม่รู้เลยว่าวันเกิดที่แท้จริงของเธอคือวันไหน วันที่คนๆ นั้นเอาเธอ ถือเป็นวันเกิดของเธอ ดังนั้นไม่กล่าวโทษเธอ แต่หนึ่ง หนิง วันเกิดที่แท้จริงของเธอคือวันที่ยี่สิบหก เดือนกันยายน

จึงหนิงเปลี่ยนสีหน้าทันที

“เก็บฉันหรอ? คุณปู่กวน ฉันไม่เข้าใจว่าคุณกำลังพูดถึงอะไร

อยู่?”

เมื่อคุณท่านกวนได้ยินแบบนี้ก็ส่งสัญญาณสายตาให้กับสาว ใช้ที่อยู่ด้านข้าง จากนั้นฝ่ายตรงข้ามก็ส่งเอกสารหนึ่งให้กับเขา

“เดิมทีผมอยากเก็บความลับนี้ตายไปกับผม เก็บไปพร้อมกับโลงศพของผม แต่ต่อมาเมื่อเกิดเรื่องขึ้น ทําให้ผมเริ่มเปลี่ยนใจ ผมเหลือเวลาไม่มากแล้ว ไม่สามารถลังเล และไม่มีเวลาพูดวก วน เธอดูนี่สิ ฉันขอรับประกันว่าเป็นความจริง ถ้าหากเธอไม่เชื่อ สามารถไปตรวจสอบได้ ไม่ใช่ของปลอมแน่นอน”

ขณะที่เขาพูดก็ยื่นมือส่งใบรายงานผลตรวจดีเอ็นเอ

จิ่งหนิงกวาดตาอ่าน โดยไม่ยื่นมือรับ

ผ่านไปไม่นาน จึงเป็นที่ยืนอยู่ด้านข้างยื่นมือรับแทนเธอ พร้อมกับเปิดอ่านอย่างจริงจัง

จิ่งหนึ่งเคลื่อนสายตาตามใบรายงานผลตรวจด้วยสีหน้า เคร่งเครียด ไม่นานก็สบตากับลู่วิ่งเซ็น

นี่ นี่มันเป็นไปได้ยังไง?

เธอมีสีหน้าเคร่งเครียดมาก พร้อมหยิบใบรายงานผลตรวจมา อ่านอย่างละเอียดอีกครั้ง สุดท้ายสายตาก็หยุดที่หนึ่งร้อย เปอร์เซ็นต์ที่อยู่ท้ายประโยคบนใบรายงานผลตรวจ

“หนิงหนิง ความเป็นจริงแล้วเธอคือลูกของเสี่ยวหวั่น ที่ผ่าน มาพวกเราตามมาตลอด แต่ไม่พบสักที ไม่รู้เลยว่าอันที่จริงเธอ อยู่ข้างพวกเราตั้งนานแล้ว

เรื่องนี้เป็นความผิดของพวกเราเองที่ไม่รู้ทันเวลา แถมยังถูก จึงเสี่ยวหย่าหลอกอยู่ตั้งนาน ตอนนี้ความจริงเปิดเผยแล้ว หวัง ว่าเธอจะให้อภัยกับความผิดนี้ อีกอย่างมอบโอกาสให้พวกเรา ชดเชยด้วย ได้ไหม?”
จิ้งหนังตกใจนิ่ง และจ้องมอง ใบรายงานผลตรวจด้วยสีหน้าไม่ อยากจะเชื่อ

เธอเป็นคนของตระกูลกวนได้ยังไง?

แล้วถูกลักพาตัวยังไง?

เธอจำได้อย่างแม่นยำว่า นับตั้งแต่เด็กจนโต เธอเติบโตอยู่ใน รั้วคฤหาสน์ของตระกูลโม โมไฉ่เวยปฏิบัติต่อเธอดีขนาดนั้น แถมทุกคนบอกว่าพวกเธอสองคนหน้าตาคล้ายกันด้วย และยัง ชมว่าถ้าเธอเติบโตต้องสวยเหมือนแม่แน่นอน

เธอยังจําได้ว่าตอนเด็กแม่อุ้มเธอ พร้อมกับเล่าเรื่องตอนที่เธอ เกิดให้ตัวเองฟังด้วย

ในตอนนั้นเธอรู้สึกเห็นใจแม่มากกับความลำบากที่แม่เสีย

สละต่อเธอ เธอจึงสาบานว่าเมื่อเธอเติบใหญ่ต้องตอบแทนแม่

อย่างดี

แต่ตอนนี้กลับมีคนหยิบใบรายงานผลตรวจดีเอ็นเอฉบับหนึ่ง บอกว่า ไม่ไฉ่เวยไม่ใช่แม่ของเธอ และเธอเป็นลูกของกวนจี้หวั่น หรอ?

จิ่งหนึ่งรู้สึกไม่อยากเชื่อ ส่วนลู่วิ่งเซินยื่นมือกุมมืออันเย็นเฉียบ ของเธอไว้ และพูดว่า : “ไม่ต้องกลัว ผมอยู่ที่นี่”

ความอบอุ่นที่มหาศาลส่งต่อผ่านมือให้กับเธอทันที

เธอเงยหน้าจ้องมองคุณท่านกวน และซักถามว่า : “นี่เป็นผล ตรวจตั้งแต่เมื่อไหร่หรอ?
คุณท่านกวนเผยสายตาเศร้าใจเล็กน้อย

“ไม่นานมานี้เอง! เรื่องนี้เสวี่เฟยเป็นคนรู้คนแรก ปานรูปผีเสื้อ บนแผ่นหลังของเธอ เป็นปานที่เธอกับแม่ของเธอมี ไม่สามารถ ปลอมแปลงได้”

จิ่งหนิงนิ่งเงียบ

“ดังนั้น ในตอนนั้นพวกคุณรู้ฐานะของฉันแล้วใช่ไหม?” คุณท่านกวนพยักหน้าเล็กน้อย

“แล้วทําไมไม่บอกในเวลานั้นล่ะ? ทำไมต้องรอมาบอกตอนนี้ ด้วย?”

คุณท่านกวนนิ่งอึ้งชั่วขณะ

ทันใดนั้นกวนจี้หมิงก็รีบพูดอธิบายขึ้นว่า “ประการแรกก่อน หน้านี้พวกเรายังไม่ค่อยแน่ใจ ประการที่สองเป็นเพราะเรื่องที่พี่ ใหญ่กับจึงเสี่ยวหย่าทำร้ายอานอาน พวกเราเลยกังวลว่าเธอจะ มีอคติต่อเรื่องนี้ ดังนั้นเลยยังไม่กล้าบอก

เวลาที่พวกเราสูญเสียไปนับว่าเป็นเวลาที่นานมาก ในเมื่อ พวกเราได้กลับมาเจอกันแล้ว ดังนั้นหลังจากปรึกษากันเสร็จก็ ตัดสินใจทําแบบนี้”

คุณท่านกวนพยักหน้าเล็กน้อย พร้อมจ้องมองวิ่งหนึ่งด้วย สีหน้าคาดหวัง

“หนิงหนิง เธอสามารถให้อภัยความผิดพลาดของฉันก่อนหน้านี้ได้ไหม แล้วยอมรับว่าฉันเป็นตาของเธอ?” จิงหนิงจ้องมองเขาด้วยสายตาสงบนิ่ง

ข่าวคราวนี้มากะทันหันเกินไป จนเธอแทบยังไม่มีไตร่ตรอง อย่างละเอียด

ด้วยเหตุนี้จึงยังไม่สามารถให้คำตอบตอนนี้ได้

เหมือนกับคุณท่านกวนมองท่าทางลังเลของเธอออก ถึงแม้ รู้สึกผิดหวัง แต่ก็ยังคงฝืนยิ้มและพูดว่า : “ไม่รีบร้อน ค่อยบอก ตาทีหลังก็ได้

ส่วนเรื่องพินัยกรรม เดิมทีเป็นทรัพย์สินของแม่เธอ ส่วนอย่าง อื่นถือเป็นของชดเชยที่ตาคนนี้ให้กับเธอได้ เธออย่าเพิ่งรีบ ปฏิเสธ ไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนก่อนค่อยบอกตา

หลังจากที่พูดเสร็จ เขาก็เริ่มหายใจหอบอย่างรุนแรง

เมื่อสาวใช้เห็นแบบนี้ก็รีบหยิบยาพ่นหายใจให้กับเขา เขา ออกแรงสูบสองที จึงจะมีท่าทางผ่อนคลายขึ้น

วิ่งหนึ่งนิ่งเงียบสักพัก และซักถามว่า : “หากเป็นอย่างที่คุณ พูดจริง หากแม่ของฉันคือคุณป้ากวนหวั่น แล้วพ่อของฉันล่ะ?” เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ คุณท่านกวนก็เผยสายตากังวลเล็กน้อยขึ้น

จากนั้นก็เผยสายตามืดครึ้มขึ้น

“ฉันไม่รู้”

เขาพูดขึ้นว่า : “ในตอนนั้นเรื่องซับซ้อนมาก ฉันเลยไม่รู้รายละเอียดของเรื่อง แต่ถ้าเธออยากรู้ เดี๋ยวฉันพาเธอไปดูห้องแม่ ของเธอ ตอนที่เธอกลับมาอยู่บ้านตระกูลกวน บางทีอาจจะพบ เบาะแสก็ได้”

เขาตอบค่อนข้างไม่ค่อยน่าเชื่อถือ

จิ่งหนิงฟังออก แต่ขี้เกียจหักหน้า

คุณท่านกวนคนนี้เป็นคนปฏิบัติต่อคนสองมาตรฐาน เมื่อก่อน ปฏิบัติต่อจิ่งหนิงแบบนี้ ตอนนี้ก็ปฏิบัติต่อเธอแบบนี้


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ