วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่723 ฉลาดหลักแหลมมาก



บทที่723 ฉลาดหลักแหลมมาก

เมื่อจิ้งหนิงหัวเราะจนพอแล้ว ถึงหยุดหัวเราะแล้วพูดว่า “แกคิด จริงหรือ ว่าเราเพียงแค่เอาชนะสองสามีภรรยาชั้นล่างเท่านั้น ก็ จะสามารถหนีออกไปได้หรือ

ไม่หนานกะพริบตาปริบๆ เห็นได้ชัดว่า เธอคิดเช่นนี้จริง

จิ่งหน่งสายหัว

“ไม่ แกคิดผิดแล้ว ถึงแม้เราจะเอาชนะพวกเขาได้ แล้วใช้ เชือกมัดพวกเขาไว้ในบ้าน ให้พวกเขาไม่สามารถไล่ตามเราได้ อีก เราก็หนีไม่พ้น

“ทําไมหรือ”

จิ่งหนึ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วรู้สึกว่าเรื่องแบบนี้พูดยาก ดังนั้น เธอจึงเล่าเรื่องตอนที่เธออยู่หมู่บ้านอะฮัวว่าป้าอะฮัวสั่งให้เด็กๆ กลุ่มนั้นมารังแกเธออย่างไร

“แกเห็นแล้วไม่ใช่หรือ ถึงแม้ตอนนี้เราจะอยู่ในมือลุงสี่ แต่ใน ความเป็นจริง ทั้งหมู่บ้าน รวมทั้งหมู่บ้านใกล้เคียงหลายหมู่บ้าน ล้วนเป็นพวกเดียวกัน”

“ถ้าเราหายออกไปจากที่นี่ปั๊บ ทางด้านหลัง ลุงสี่พวกเขาจะ ต้องวิ่งออกมาร้องตะโกนบอก แล้วคนหลายหมู่บ้านใกล้เคียง จะเคลื่อนไหวออกมาช่วยพวกเขาตามจับพวกเรา ”
“แกมีกำลังโค่นลุงสป้าสี่ แต่จะมีกำลังโคนคนเป็นสิบเป็นร้อย ได้ไหม ถึงแกจะมี ภูมิประเทศที่ซับซ้อนเช่นนี้ เราไม่รู้ว่าทางออก อยู่ตรงไหน หากยิ่งหนียิ่งออกนอกเส้นทางไปจะทำเช่นไร เราจะ หิวตายกระหายตายไม่ได้ใช่ไหม”

ไม่หนานครุ่นคิดตาม รู้สึกว่ามีเหตุผลเหมือนกัน

แล้วเธอก็ถอนหายใจเฮือก

“แต่ฉันก็ยังคิดว่านานเกินไปที่จะรออีกหนึ่งเดือน ซึ่งอยู่นาน ปัญหายิ่งเยอะ ฉันรู้สึกไม่สบายใจอยู่เสมอ”

จิ่งหนึ่งรู้ว่า ความกังวลของเธอไม่ใช่ไม่มีเหตุผล

ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้เธอจะได้ยินลุงสี่คุยกับชายคนนั้นว่า รออีก หนึ่งเดือน แต่ในความเป็นจริง สุดท้ายแล้วพวกเขาจะทำอย่างนั้นหรือ

เปล่า ใครก็ไม่อาจรู้ได้

ตอนนี้เขาเป็นมืดเราเป็นปลาเป็นเนื้อ ระหว่างกลางมีตัวแปร หลายตัวเกินไป หากสามารถจากไปได้เร็วขึ้นเล็กน้อย ย่อมหวัง ว่ายิ่งออกไปเร็วได้เท่าไหร่ก็ยิ่งดี

ขณะคิดไป เธอก็ไม่ได้ยืนกรานที่จะพูดสิ่งที่พูดก่อนหน้านี้ต่อ

กลับเปลี่ยนคำพูดว่า “เมื่อถึงเวลาค่อยพูดกันเถอะ ดูว่าเวลา ไหนเป็นโอกาสที่เหมาะสม ขอเพียงเราอย่าวู่วาม เห็นโอกาส ค่อยลงมือ” เมื่อได้ยินเช่นนี้ ไม่หนานก็พยักหน้า
หลังจากทั้งสองปรึกษากันแล้ว ก็ไม่ได้คุยเรื่องนี้ต่ออีก เวลาเที่ยงก็ช่วยป้าสี่ทำกับข้าวปกติ ลุงออกไปทำธุระ ตอน เที่ยงไม่อยู่กินข้าวเที่ยงที่บ้าน

จึงหนังกับโม่หนานถึงมีโอกาสได้อยู่กับป้าสี่ตามลำพัง ทันใดนั้นทั้งสองคิดถึงเรื่องที่คุยค้างไว้เมื่อวานนี้

เมื่อวานขณะที่ทั้งสามกำลังคุยกันอยู่ ลุงก็เดินเข้ามา

จิ่งหนึ่งสังเกตเห็นความไม่ปกติก่อน จึงเปลี่ยนไปตอบเป็นคำ ตอบอื่น

แต่ที่น่าแปลกคือ ตอนที่เธอพูดคำตอบอื่นออกมา ป้ากลับไม่

ออกมา

จากการกระทำนี้ เธอถึงตัดสินใจได้ว่า ป้าสี่คนนี้อาจจะมี ความจริงบางอย่างซ่อนอยู่

ดังนั้น วันนี้มีโอกาส เธอจึงถามอีกครั้ง “ป๋าสี่คะ คำถามที่ถาม ท่านเมื่อวานนี้ ยังถามไม่จบเลย ท่านบอกว่าด้ายสีแดงนี้ ผู้หญิง ที่นี่ล้วนไม่เป็น ถ้าอย่างนั้นท่านไม่ใช่คนที่นี่หรือ

สีหน้าป้าสี่เปลี่ยนไป

หลบสายตาเล็กน้อย

ดูเหมือนเธอไม่อยากตอบคำถามนี้ แต่กลับมองซ้ายขวาแล้ว เฉไฉไปเรื่องอื่น

“อันนั้น น้ำเดือดแล้ว ฉันไปซาวข้าวก่อน
พูดไป ก็เดินไปทางข้างๆ

จึงหนังกับโม่หนานมองหน้ากัน ต่างเห็นความคิดของอีกฝ่าย จากสายตาของกันและกัน

พวกเธอไม่คิดจะปล่อยเธอไปเช่นนี้ ดังนั้น รอเธอซาวข้าวเสร็จ ใส่ในหม้อแล้ว ก็ถามต่อ”ป้าคะ ท่านไม่ใช่คนที่นี่ใช่ไหม”

ป้าก้มหน้าเล็กน้อย เม้มริมฝีปากไว้แน่น

จึงหนิงยิ้ม “ไม่เป็นไรค่ะ เราแค่ถามไปอย่างนั้นเอง ที่สำคัญ คือก่อนหน้านั้นหนูเห็นท่านทำอาหารเช้า ก็ไม่ใช่อาหารที่คนที่นี่ ถนัด คิดอยู่ว่าท่านน่าจะเป็นคนต่างถิ่นที่แต่งเข้ามา บ้านแม่ท่า นอยู่ที่ไหนหรือ”

ป้า สูดลมหายใจลึกๆ

ผ่านไปครู่หนึ่ง ถึงพูดว่า “พวกคุณไม่ต้องถามแล้ว ถึงพวก คุณจะถาม ฉันก็จะไม่พูดอีก

หยุดไปครู่หนึ่ง แล้วกล่าวอีก “อีกอย่าง เวลาผ่านไปนานมาก

แล้ว ฉันก็จำไม่ได้แล้ว

เธอพูดจบ ก็หันหลังออกไปทันที

จิ่งหนิงกับโม่หนานมองหน้ากัน

ทั้งสองยังไม่กล้าจะซื้อถามมากไป กลัวเธอจะบอกกับลุง จริงๆ หากเป็นเช่นนั้น ลุงสี่จะต้องดูออกว่าพวกเธอรู้จุดประสงค์ ของพวกเขาแล้ว
หากเป็นเช่นนี้ จากเดิมที่ทั้งสองยังอยู่ในสถานการณ์ ปลอดภัยอยู่ ก็อาจจะไม่ปลอดภัยแล้ว

ขณะที่คิดไป จึงหนิงกับโม่หนานก็หยุดถามทันที

ทําอาหารเที่ยงเสร็จ หลังจากทานกันแล้ว ป้าสี่ก็ถืออาหารชุด หนึ่งที่ห่อไว้แล้ว ถือไปส่งให้ลุงสี่ที่ทำงานอยู่ในไร่

ขาไม่หนานไม่สะดวก จึงกลับไปพักผ่อนในห้อง

จิ่งหนึ่งคิดอยากจะไปสังเกตดูภูมิประเทศใกล้เคียง ดังนั้นเธอ จึงรบเร้าเธอต้องการจะไปกับเธอด้วย

ป้าสี่ลังเลเล็กน้อย จึงหนึ่งก็ขอร้องว่า “ป้าคะ เราอยู่บ้านทุก

วันน่าเบื่อมาก ท่านก็พาหนูไปด้วยกันเหอะ อีกอย่างเวลาช่วงนี้

หนูกับหนานหนานอยู่ที่นี่ทุกวัน ไม่ได้ทำงานอะไรเลย หนูก็ไม่ สบายใจ ท่านก็ให้หนูไปกับท่านเถอะ รอเมื่อหนูรู้ว่าลุงสี่ทำงาน ที่ไหน ต่อไปหนูจะช่วยท่านส่งเอง”

ป้าสี่มองดูเด็กสาวที่ไร้เดียงสาใจดีตรงหน้า แล้วถอนหายใจ เงียบๆ

ในใจคิดว่า ยังคิดจะตอบแทนบุญคุณหรือ

กลัวแต่ว่าวันหนึ่งเขาขายหนูไปแล้ว หนูยังช่วยเขานับเงินอยู่

ไม่ว่าอย่างไร พูดถึงขนาดนี้แล้ว เธอก็กลัวว่าหากเวลานี้เธอ

ปฏิเสธอีก จะทำให้วิ่งหนึ่งสงสัยได้ ดังนั้น เธอก็ไม่ปฏิเสธอีก พูดเพียงว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ได้ หนูตามฉันมา”

“ค่ะ”จึงหนิงดีใจขึ้นมาทันที

เมื่อทั้งสองออกจากประตู จิ่งหนึ่งก็เดินตามเธอไปทางภูเขาที่ อยู่ด้านหลัง

นี่เป็นสถานที่ที่เธอยังไม่เคยมา บนเขาล้วนเป็นไรที่ผ่านการ เพาะปลูกแล้ว

พืชไร่ที่ปลูกในดิน เธอก็ไม่รู้จัก ระหว่างทางก็ถามไปหลาย คําถาม

ป้าสี่บอกเธอว่า พืชพวกนั้นคืออะไร จนกระทั่งตอนที่เห็นต้นไม้ ที่มีใบไม้ใหญ่มาก เธอจึงกล่าวว่า “นี่คือฝัน

จิ่งหนิงตะลึง

เธอมองดูมันปลิวไหวตามแรงลม อย่างน้อยพื้นที่หลายร้อยไร่ ถามด้วยความประหลาดใจ “คนพื้นเมืองสามารถปลูกได้ตาม ต้องการหรือ ประเทศไม่ควบคุมหรือ

ป้าสี่ยิ้มเย็นชา ที่นี่มีประเทศอะไรกัน”

เมื่อพูดออกมาถึงรู้ว่าตัวเองเผลอปากพูดออกมาแล้ว ก็รีบ ปิดปากทันที

ดวงตาจิ่งหนึ่งเป็นประกายเล็กน้อย

ไม่มีประเทศหรือ

หรือจะเป็นโซนสามไม่ควบคุมอะไรหรือ
อีกทั้งก่อนหน้านั้นที่พวกเขาพูดว่า สงครามตลอดปี ในใจเธอ ก็พอคาดการณ์โดยประมาณได้แล้ว

ขณะเดินไป ก็จดจำพื้นที่รอบๆไว้ในหัวสมอง

เดินไปประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึงในไร่

เห็นเพียงลุงสี่กำลังนั่งดูดไปป์ยาสูบอยู่ตรงนั้น เมื่อเห็นพวก เธอมา ก็คิ้วขมวด

“ทําไมถึงพาเธอมาล่ะ”

สีหน้าป้า ปกติ กล่าวเสียงต่ำ “เธอจะตามมาให้ได้ บอกว่า อยากจะตอบแทนคุณ ส่งข้าวให้คุณ

ลุงยิ้ม ความหมายในรอยยิ้มไม่ชัดเจน

ขณะที่เอากับข้าวออกมา ก็พูดว่า “คราวหน้าห้ามพาออกมา อีก เด็กคนนี้ฉันมองดูสายตาเขาฉลาดหลักแหลมมาก อย่าให้ เธอพบเจออะไรล่ะ

ป้าสี่หยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง

เงยหน้ามองตาเขา แต่ก็ไม่กล้าขัดขืนเขา

“ฉันรู้แล้ว”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ