วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่711กระโดดลงจากเครื่องบิน



บทที่711กระโดดลงจากเครื่องบิน

เธอไม่ได้ดูผิดไปและไม่ได้เดาผิดด้วย

สองคนนั้น ตามพวกเธอมาตลอดตั้งแต่ขึ้น

เครื่องบิน

สัมผัสที่หกของจิ่งหนิงกับสถานการณ์เบื้อง หน้าสอดคล้องกัน

คนที่อยู่เบื้องหน้ายกปืนขึ้นพลางยิ้มอย่างเย็น ชา จิ่งหนิงรู้สึกเครียด ทำให้แสดงท่าทีหลบหลีกอย่าง อัตโนมัติ

จากนั้น จู่ ๆ ก็มีเงาดำผ่านมาจากข้างหลัง ก็ได้ยินเสียงดัง ปัง”ตามมา คนๆนั้นพลิกตัวอยู่ ที่พื้น

จากนั้นก็ได้ยินเสียงโม่หนานตะโกนออกมา ว่า”หนิงหนิง รีบมาเร็ว ! ”

จิ่งหนิงตะลึงงัน! รีบวิ่งเข้าไป

แม้ว่าจะไม่รู้ว่าทำไมคนสองคนนั้นถึงได้ทำเช่น นี้กับพวกเขา แต่ว่าเมื่อคิดไปคิดมาก็พบว่าพวกเขาไม่ เคยตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียดของพวกเธอเลย คิดว่าพวกเธอเป็นเพียงวัยรุ่นธรรมดาๆคนหนึ่ง

ดังนั้น พวกเขาจึงคิดไม่ถึงเลยว่าโม่หนานจะมี ร่างกายที่แข็งแรงขนาดนี้

เห็นได้ชัดว่า คนสองคนนี้น่าจะเป็นมือสังหารที่ ถูกจ้างวานมา

เพียงแต่ว่า การที่พวกเขาทำลายชีวิตผู้โดยสารทั้งเครื่องบิน เพื่อที่จะไล่ฆ่าพวกเธอเป็นสิ่งที่ ทำให้จิ่งหนิงรู้สึกโกรธมาก

คนสองคนวิ่งไปที่หน้าประตู เมื่อเตรียมร่มชูชีพ

เรียบร้อยแล้ว ก็เห็นเครื่องบินอีกลำหนึ่งบินเข้ามา

เสียงแตรดังสนั่นผ่านท้องฟ้าสีคราม

“ผู้โดยสารที่อยู่บนเครื่องบินลำข้างหน้านี้โปรด ฟัง พวกเราต้องการที่จะช่วยเหลือพวกคุณ ขอเพียง แค่พวกคุณมอบคนสองคนให้กับพวกเรา พวกเรา เตรียมเครื่องบินไว้รองรับพวกคุณแล้ว และจะส่งพวก คุณไปยังที่หมายอย่างปลอดภัย หากพวกคุณไม่ยอม ก็อย่าหาว่าพวกเราไม่เกรงใจก็แล้วกัน”

สีหน้าของจิ่งหนิงเปลี่ยนไป

เห็นเพียงผ้าแถบสีเหลืองถูกปล่อยออกมาจาก เครื่องบินลำนั้นสองผืนซึ่งมีรูปถ่ายขนาดใหญ่ของจิ่ง หนิงและโม่หนาน

คนที่อยู่บนเครื่องบิน มองผ่านหน้าต่างและผู้

โดยสารจํานวนมากก็ต่างเห็น

ทันใดนั้นก็มีเสียงตะโกนดังขึ้นว่า “ฉันเห็นพวก หล่อนแล้ว พวกหล่อนอยู่ที่นั่น”

ขณะที่พูดก็ชี้ไปที่จิ่งหนิงและโม่หนานก็ยืนอยู่ ที่ประตูของเครื่องบิน

สีหน้าของจิ่งหนิงและโม่หนานขรึมลง พวกเขา คิดไม่ถึงเลยว่าฝ่ายตรงข้ามจะร้ายกาจขนาดนี้

ไม่เพียงไม่เห็นคุณค่าของชีวิตผู้โดยสารบน เครื่องบิน ทั้งยังตอนนี้ยังยุให้พวกเขาเห็นพวกเธอเป็น ศัตรูด้วย
เมื่อเห็นว่าคนพวกนั้นปะทะมาที่พวกเธอ จึง

สามารถที่จะล่าช้าได้แล้ว

โม่หนานคว้ามือของเธอ พลางพูดกับเธอด้วย น้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “กระโดด! ”

จากนั้นก็ผลักเธอลงไป ในขณะเดียวกันตนเอง ก็กระโดดตามลงไปด้วย

เสียงปืนดัง””””’อยู่กลางอากาศ เนื่องจากผลกระทบของชั้นบรรยากาศ ทำให้ ลูกกระสุนยากที่จะยิ่งถูกเป่า

จิ่งหนิงรู้สึกเพียงว่ามีลมเย็นพัดมากระทบหน้า ของเธอ ร่างกายราวกับถูกลมแรงโหมกระหน่ำจน ร่างกายแทบจะขาดเป็นท่อนๆ

เธอทำได้เพียงปิดตาลงแน่น เมื่อสมองอยู่ใน สถานการณ์เช่นนี้ก็ยากมากที่จะคิดพิจารณาอะไรได้ ยิ่งไม่อาจรู้ได้เลยว่าตอนนี้โม่หนานอยู่ที่ไหน

ร่มชูชีพที่อยู่ข้างหลังถูกกางออกดัง“พรึบ”มี เพียงในสถานการณ์ที่ขาดอากาศและช่วงที่ลมพัด โหมเท่านั้นที่เธอไม่สามารถควบคุมได้

สุดท้าย ก็รู้สึกเพียงว่าเหมือนศีรษะถูกอะไร บางอย่างห่อไว้แน่น ยิ่งห่อก็ยิ่งรัดมากขึ้น กระทั่งเจ็บ จนหัวแทบระเบิด

เบื้องหน้ามืดสนิทจากนั้นก็สลบไป

เมื่อจิ่งหนิงตื่นขึ้นมา ด้านข้างมีเพียงแสงไฟริบหรี่
เธอค่อยๆลืมตาขึ้นมา พบว่าตนนอนอยู่ในห้อง เล็ก ๆ ที่ทรุดโทรมห้องหนึ่ง

เป็นบ้านที่ทําจากโคลนเลนและก้อนหินอย่าง ลวกๆ ผ้าปูเตียงที่รองร่างกายของเธออยู่ด้านล่างก็ส่ง กลิ่นชื้นและเชื้อราออกมา

พยายามประคับประคองตัวเองสักพักอยากที่ จะลุกขึ้นมา ก็พบว่าตนเจ็บปวดไปทั่วร่างกาย ไม่ สามารถออกแรงได้เลยแม้แต่น้อย

เธออดไม่ได้ที่จะกะพริบตาปริบๆ

ที่นี่ที่ไหนกัน?

เธออยู่ที่ไหน?

ด้านนอกมีเสียงเอะอะโวยวายดังเข้ามาปะปน กับเสียงดีอกดีใจ เนื่องจากเป็นภาษาท้องถิ่น เธอก็ เลยฟังไม่ค่อยเข้าใจ เพียงแต่สามารถเดาจากน้ำเสียง ได้ว่าฝ่ายตรงข้ามนั้นความปิติยินดี

แสงไฟจากด้านนอกทำให้เธอรับรู้ได้ว่าด้าน นอกกำลังมีคนเดินมา ไม่นานก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่า กำลังมีคนเดินเข้ามา

เห็นเพียงหล่อนเป็นหญิงวัยกลางคนคนหนึ่ง ด้านหลังมีคนติดตามสองสามคน มีทั้งผู้ชายและผู้ หญิงที่แต่งตัวเหมือนชาวบ้าน กำลังถือคบเพลิงเดิน เข้ามา

เมื่อเห็นเธอนอนเอนเพียงครึ่งตัวพร้อม ดวงตา ที่สง่างามเบิกกว้างอยู่ตรงนั้น

หญิงวัยกลางคนก็อุทานขึ้น“ไอโยว”พลาง เขยิบเข้าไปข้างหน้าด้วยความดีใจแล้วถามขึ้นว่า “คุณตื่นแล้วเหรอคะ? ”

ในหัวของจิ่งหนิงยังคงงุนงง

ยังไม่ทันได้สติว่าตอนนี้ตนเองอยู่ที่ไหน และยิ่ง ไม่รู้เลยว่าคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าเธอนั้นเป็นใคร

ได้ยินเพียงหญิงวัยกลางคนยิ้มพลางพูดขึ้น ว่า: “ด้านหลังของคุณมีร่มชูชีพขนาดใหญ่มาก และ หล่นลงมาบริเวณใกล้กับแม่น้ำ เมื่อตอนกลางวันฉัน ไปซักผ้าแถวนั้นก็เลยช่วยคุณกลับมา ตอนนี้คุณรู้สึก ยังไงบ้าง? มีส่วนไหนของร่างกายที่รู้สึกไม่สบาย ไหม? ”

จิ่งหนิงจึงได้สติกลับมา ที่แท้พวกเขาก็เป็นคน ช่วยตน

เธอพยายามฝืนประคองตนเองลุกขึ้นนั่ง แล้ว เอ่ยขอบคุณหล่อน”ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยเหลือฉัน ตอนนี้ฉันไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ ใช่สิ พวกคุณเห็นเพื่อน ของฉันไหมคะ? ”

หญิงวัยกลางคนคนนั้นงงงวย”เพื่อน? คุณยังมี เพื่อนอีกคนเหรอ? ”

จิ่งหนิงพยักหน้า

เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย ครุ่นคิดแล้วพูดกับเธอ

ว่า: “เป็นผู้หญิงที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับฉัน น่าจะ อยู่แถวๆนี้ พวกคุณเห็นบ้างไหมคะ? ”

หญิงวัยกลางคนเหลือบมองเธอ พลางส่าย ศีรษะ

จากนั้นหันศีรษะมองไปยังกลุ่มคนที่อยู่ด้าน หลัง พลางถามขึ้นว่า : “พวกคุณเห็นเพื่อนของผู้หญิงคนนี้ไหม? ”

ทุกคนต่างส่ายหัวด้วยสีหน้างงงวย

ขณะที่ในใจของจิ่งหนิงกำลังหดหู่อยู่นั้น วัยรุ่น รูปร่างผอมปากแหลมแก้มตอบคนหนึ่งก็ลุกขึ้น

เห็นเขาพูดขึ้นว่า: “อ่อ ผมรู้แล้ว วันนี้ผมเพิ่ง กลับมาจากบ้านของลุงสี่ พวกเขาบอกว่าได้ช่วยเหลือ พี่สาวคนหนึ่งไว้ ไม่รู้ว่าจะใช่หล่อนหรือเปล่า”

หญิงวัยกลางคนงงงวย ไม่อยากจะเชื่อ

“คงไม่ใช่มั่ง ลุงสี่พักอยู่ไกลขนาดนั้น ห่างจาก ที่นี่หลายสิบกิโลเมตร ผู้หญิงคนนั้นบอกว่าเพื่อนของ เธออยู่ละแวกนี้ ทำไมถึงได้อยู่ไกลขนาดนั้นล่ะ?”

จากนั้น จู่ๆ สายตาของจิ่งหนิงก็เป็นประกาย

“ใช่แน่ๆ ต้องเป็นเธอแน่ๆ”

แท้ที่จริงแท้แล้วเธอก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่ว่า เมื่อคิดไปคิดมาการที่คนสองคนกระโดดร่มลงมาโดย ไม่ได้คำนึงถึงทิศทาง การที่จะตกลงมาในสถานที่ที่ แตกต่างกันก็มีความเป็นไปได้สูง

ในสถานการณ์เช่นนั้น ไม่มีใครรับประกันได้ว่า ทั้งสองคนจะหล่นลงมาในที่เดียวกัน

เมื่อหญิงสาววัยกลางคนเห็นเช่นนั้นก็รู้สึก ประหลาดใจ

แต่สุดท้ายก็พยักหน้า “ได้ ก็น่าจะเป็นไปได้ แต่ ว่าคุณวางใจเถอะ ในเมื่อลุงสี่ลุงของเสี่ยวลิ่วจื่อเป็น คนช่วยเหลือเพื่อนของคุณไว้ ก็คงไม่น่าจะมีปัญหา อะไร คุณพักผ่อนก่อนเถอะ รอคุณพักผ่อนเรียบร้อย แล้ว ค่อยพาคุณไปหาเพื่อน”
จิ่งหนิงรู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก รีบพูด ขอบคุณ“ถ้างั้นก็รบกวนคุณด้วยนะคะ”

หญิงวัยกลางคนยิ้มในทันที เผยฟันที่ไม่ถือว่า ขาวมากนักออกมา “ไม่ต้องเกรงใจ ไม่ต้องเกรงใจ”

ขณะที่เธอพูด ก็หันหลังแล้วพูดกับคนกลุ่มหนึ่ง ว่า : “พอได้แล้ว พอได้แล้ว ตอนนี้ทุกคนก็ได้เห็นคน แล้ว ควรแยกย้ายได้แล้ว”

คนกลุ่มนั้นน่าจะเป็นชาวบ้านที่นี่ พวกเขามอง ไปยังจิ่งหนิงด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็นราวกับมี อะไรบางอย่างแอบซ่อนอยู่

แต่เป็นเพราะว่าฟ้ามืดแล้ว และที่นี่ก็ไม่มีไฟ ด้วย จิ่งหนิงก็เลยดูไม่ชัดสักเท่าไหร่

หลังจากที่ไล่คนพวกนั้นไปแล้ว หญิงวัยกลาง คนจึงหันกลับมาและยิ้มให้กับเธอ : “สาวน้อย ตอนนี้ คุณหิวไหม? ให้พี่ทำอะไรให้กินไหม? ”

ก่อนที่หล่อนจะเอ่ยถามก็ไม่เท่าไหร่ แต่พอถาม

ขึ้นจิ่งหนิงก็รู้สึกหิวขึ้นมาทันที


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ