วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 847 ได้รับการดูแล



บทที่ 847 ได้รับการดูแล

คนที่อยู่กับหลินซง ยังมีคุณชายลูกเศรษฐีท้องถิ่นอีกหลายคน เมื่อทุกคนเห็นเฉียวฉี ใบหน้าทั้งหมดนั้นก็ราวกับถูกดึงดูด

มีคนใช้แขนสะกิดหลินซง และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “พี่ชง สาว สวยคนนี้เป็นใครกันนะ ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย ไม่เห็นแนะนำให้ น้องๆ รู้จักเลย”

หลินซงและพวกเขาเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ดังนั้นเขาจะ ไม่รู้ความคิดของคนเหล่านี้ได้อย่างไร

เขาโบกมือแล้วผลักคนคนนั้นออกไป “ไปเลย อย่ามาพูดไร้ สาระแถวนี้ ไปดื่มกันได้แล้วไป

เมื่อทุกคนเห็นเช่นนี้ ก็อดหัวเราะไม่ได้

มีคนพูดติดตลกว่า “พี่ชง ได้ยินมาว่าวันนี้พี่ชวนหวานใจของ คุณมาด้วยนี่ คงไม่ใช่สาวงามท่านนี้หรอกใช่ไหม?”

เมื่อประโยคนี้ออกจากปากเขา ใบหน้าของหลินซงก็เปลี่ยน เป็นสีแดงระเรื่อทันที

เขาจ้องเขม็งไปที่ชายคนนั้น และตะโกนด่าอย่างโกรธเกรี้ยว “พูดอะไรไร้สาระ? นี่เป็นรุ่นน้องที่ฉันรู้จักมาหลายปีแล้ว ก็เหมือน กับพวกนายนั่นแหละ ถ้าพวกนายไม่รู้จริงก็อย่าพูดมั่วซั่ว”

ความตั้งใจเดิมของเขา คือไม่ให้บรรดาลูกเศรษฐีพวกนี้พูดหยอกล้อ า ว เพื่อกันไม่ให้เดียวโกรธ

แต่เมื่อคนเหล่านี้ได้ยินว่าเขียวนี้ไม่ใช่คนที่เขาชอบ และเห็น เฉียว ที่สวยงามขนาดนี้ ตัวคนเดียว จึงคิดว่าเธอคงจะไม่มีแฟน

ดังนั้นแต่ละคนก็ยิ่งเอาอกเอาใจเธอมากขึ้น “ก็ได้ ฉันรู้แล้ว ฉันแค่จะบอกว่า คนแบบที่ไม่คู่ควรกับหญิง

สาวที่งดงามเช่นนี้หรอกนะ”

“ฮ่าฮ่าฮ่า ถ้าพวกนายพูดแบบนี้อีก พี่ชงจะโกรธเอานะ

“วันนี้เจ้าของวันเกิดจะโกรธไม่ได้ ไม่อย่างนั้นถ้าสาวสวยเห็น จะไม่ถูกหัวเราะเยาะเอาเหรอ?”

กลุ่มคนเหล่านี้ต่างหัวเราะคิกคักและพูดหยอกล้อกัน ดูท่าทาง ไม่เหมาะสม

หลินซงก็เลยไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพาพวกเขาไปด้วย

เนื่องจากเขาจนปัญญาแล้ว

เพียงต้องใช้เสียงต่ำๆ กระซิบอธิบายให้เฉียวฟังว่า “เดี๋ยว คุณไม่ต้องไปสนใจนะ พวกเขาก็แค่ปากไม่ดีนิดหน่อย จริงๆ แล้วพวกเขาเป็นคนที่ใช้ได้เลยทีเดียว แต่ถ้ามีคนกล้าเข้ามายุ่ง กับคุณจริงๆ คุณก็สั่งสอนเขาเต็มที่ได้เลย ไม่ต้องเห็นแก่หน้าผม เข้าใจไหม?”

เพราะอีกฝ่ายคือเฉียวฉี เขาจึงพูดด้วยได้อย่างวางใจและไร้กังวล
หากต้องเปลี่ยนใครสักคน เกรงว่าไม่ว่าจะอย่างไรหลินซึ่งก็ยัง อยากปกป้องเธอด้วยตัวเอง

ถึงลูกหมาป่ากลุ่มนี้จะไม่เป็นอันตราย แต่แม้จะบอกว่าไม่ได้มี เจตนาที่ไม่ดี แต่คนที่เคยชินกับผู้หญิงหลายประเภทในแวดวง สังคมนั้น อย่าว่าแต่การทำร้ายเลย แค่ไม่ให้เกียรติผู้อื่นก็ถือว่า ไม่มีแล้ว

แต่เฉียว แตกต่างออกไป หลินซงตระหนักดีถึงคุณลักษณะ ของการเป็นหมาป่าในตัวเธอเป็นอย่างดี หากคนเหล่านี้เป็นลูก หมาป่า ถ้าอย่างนั้นเฉียวดีก็คือราชาหมาป่า พวกเขาไม่ใช่คู่ ต่อสู้ของเธอด้วยซ้ำ

นั่นเป็นเหตุผลที่เขาสามารถพูดกับเธอได้อย่างไม่ต้องกังวล เฉียวได้ยินดังนั้น มุมปากของเธอก็ยกขึ้น

พยักหน้าเบาๆ แล้วพูดว่า “ไม่มีอะไรหรอก คุณไม่ต้องเป็น ห่วงฉัน คุณไปทำธุระของคุณต่อเถอะ”

ซึ่งในขณะนี้ มีคนเรียกหลินซึ่งอยู่ไม่ไกล

ดังนั้น หลินซงจึงไม่ได้เซ้าซี้อีก และเดินจากไป ทันทีที่หลินซงจากไป บรรดาลูกเศรษฐีเหล่านี้ ก็เข้ามาล้อม เฉียว ทันที

“สวัสดี คนสวย หลินชงบอกว่าคุณเป็นเพื่อนของเขา แต่ทำไม เราไม่เคยเจอกันมาก่อนเลยล่ะ? คุณชื่ออะไรเหรอ?”
เฉียว เหลือบมองชายคนนั้นอย่างเฉยเมย และไม่ได้คิดจะ ปิดบัง “เจี๊ยวจี”

ริมฝีปากบางของเธอเปล่งชื่อออกมาอย่างแผ่วเบา ดวงตา ของชายคนนั้นเป็นประกาย

และในทันทีก็มีชายอีกคนยิ้มและพูดว่า “คุณเป็นคนท้องถิ่นที่

นี่ หรือคนจีนกันล่ะ?”

เนื่องจากแม่ของเฉียวเป็นคนจีน รูปร่างหน้าตาของเธอจึงดู ค่อนไปทางชาวจีนมากกว่า

เฉียวคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า “ก็ทั้งหมดนั่นแหละ ชายคนนั้นพูดทันทีว่า “ฉันรู้แล้ว มีเชื้อสายจีนใช่ไหม?”

เธอพยักหน้า

ลูกเศรษฐีอีกคนก็พูดขึ้นว่า “ไปเถอะฉันจางนายเป็นนาย ทะเบียนหรือไง ใครจะไปสนใจเรื่องไร้สาระพรรค์นั้นกัน? วันนี้ เรามาเพื่อดื่มโดยเฉพาะคนสวย ไม่รู้ว่าเราโชคดีพอไหมที่จะดื่ม กับคุณสักแก้ว”

เฉียว หันหน้าไปมอง เห็นเพียงริมฝีปากแดงระเรื่อตัดกับฟัน ขาวสะอาด ของชายหนุ่มที่ดูเจ้าชู้คนนั้น

เธอหรี่ตาลงเล็กน้อย ครุ่นคิด แล้วพูดว่า “ฉันดื่มไม่ได้”

“ไม่เป็นไร เรื่องนั้นฉันรู้ เมื่อกี้พี่ชงได้บอกไว้หมดแล้ว เอา อย่างนี้แล้วกัน พวกเราจะดื่มเหล้า ส่วนคุณดื่มน้ำเปล่า แล้วพวกเรามาเล่นเกมกันดีไหม?”

เฉียวรู้ว่า ที่หลินซงส่งเธอให้กับคนเหล่านี้ เพราะเขากลัวว่า

เธอจะเบื่อหากต้องอยู่คนเดียวในห้องรับรอง ท้ายที่สุด ทุกคนกำลังสนุกกันอยู่ข้างนอก แต่เธอกลับต้องนั่ง

อยู่คนเดียวในห้องรับรอง อย่างไรก็ต้องเหงาอยู่แล้ว

ดังนั้น เธอจึงหยุดทำตัวเย่อหยิ่ง และพยักหน้า

คนอีกกลุ่มไปเล่นเกมที่อีกด้านหนึ่งแล้ว

ด้านนั้นเป็นพื้นที่ให้ความบันเทิง และกลุ่มคนเหล่านี้ก็หา โซฟาขนาดใหญ่มานั่ง และเริ่มเล่นเกมที่เรียกว่าDraw cards

ขั้นแรกให้เจ้ามือเลือกไพ่ตามใจชอบหนึ่งใบ จากนั้นจะมีคน แจกไพ่ให้กับผู้เล่นทั้งหมดที่เข้าร่วมในเกม หลังจากแจกไพ่ เรียบร้อยแล้ว คนที่ถูกเรียกจะต้องดื่ม

เฉียวฉีเคยเล่นเกมนี้มาก่อน ดังนั้นเมื่อได้เล่นอีกครั้ง จึงแทบ จะไม่ต้องคิดเลย

เธอขอให้พนักงานเสิร์ฟรินน้ำให้เธอหนึ่งแก้ว หลังจากเล่นไป สิบรอบเธอเพิ่งได้ดื่มไปเพียงหนึ่งแก้ว ทำให้ผู้ชายคนอื่นๆ โกรธ จนแทบบ้า

และตอนนี้ ทุกคนก็เล่นกันจนคุ้นเคยแล้ว

บางคนก็เริ่มเอาอกเอาใจเธอ แน่นอนว่า เฉียวฉนั้นสวย และมี บุคลิกที่ดี ซึ่งแตกต่างจากคุณหนูที่บอบบางและดื้อรั้นในวงการเหล่านั้นอย่างสิ้นเชิง

ดังนั้น จึงเป็นธรรมดาอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ที่บางคนจะ ชื่นชมเธอจริงๆ จากใจ

จากคนทั้งหมดในกลุ่มที่เล่นเกมนี้ ถ้าจัดอันดับแล้ว เธอเป็น คนที่แพ้น้อยที่สุด

แต่อย่างไรก็ตาม เจียวก็ดื่มน้ำไปไม่น้อยเลยทีเดียว

เมื่อดื่มน้ำมากเกินไป ก็อยากจะเข้าห้องน้ำ

เธอลุกยืนขึ้น และพูดด้วยรอยยิ้ม “โอเค ฉันไม่เล่นแล้วนะ พวกคุณเล่นกันต่อเถอะ ฉันจะไปเข้าห้องน้ำ

ทุกคนเป็นคนฉลาด และรู้ว่าการที่ไปเช้าคนอื่น มีแต่จะทำให้ คนเหล่านั้นอึดอัดใจ ดังนั้นจึงไม่มีใครบังคับให้เธอเล่นต่อ

แต่มีชายคนหนึ่ง ลุกขึ้นยืนเช่นกัน เขายิ้มและพูดว่า “คุณไม่รู้ ว่าห้องน้ำอยู่ที่ไหนใช่ไหม ฉันจะพาคุณไปที่นั่นเอง”

เฉียวเหลือบมองเขา และจำได้ว่าตอนที่พวกเขาแนะนำตัว กันก่อนหน้านี้ พวกเขากล่าวว่าชายผู้นี้ดูเหมือนจะเป็นลูกชาย ของนักธุรกิจโรงแรม เขาชื่อซูเจอชื่อและโรงแรมที่หลินซง ใช้เป็น สถานที่จัดงานเลี้ยงในวันนี้ ก็เป็นของครอบครัวเขา

เนื่องจากเขาเป็นเจ้าบ้าน จึงเป็นธรรมดาที่เฉียวฉีปฏิเสธไม่ได้

เธอจึงพยักหน้า “รบกวนด้วยนะคะ”

อีกฝ่ายยิ้มอย่างอ่อนโยน “ไม่มีปัญหา ตามผมมาเลย”
เมื่อพูดจบ เขาก็เดินออกไปก่อน

เฉียวตามเขาไปจนสุดทาง เพราะนี่เป็นงานเลี้ยงที่จัดขึ้นบน สนามหญ้า ซึ่งห่างจากห้องน้ำอยู่พอสมควร ดังนั้นหากจะไป ห้องน้ำก็ต้องเดินไกลหน่อย

ซูเจ๋อซื่อสังเกตเห็นว่าท่าทางการเดินของเธอดูแปลกๆ เล็ก น้อย แม้ว่าเฉียว จะพยายามปกปิดมัน แต่ก็ถูกสายตาที่เฉียบ คมของเขามองเห็นจนได้

จังหวะก้าวเท้าของเขาช้าลงอย่างเงียบเชียบ เขายิ้ม “ถ้าคุณ เฉียวไม่คุ้นเคยกับการใส่รองเท้าส้นสูง ชั้นบนมีห้องรับฝาก เสื้อผ้า โดยเฉพาะอยู่ ฉันขอให้ใครสักคนนำรองเท้าส้นเตี้ยที่เข้า กับกระโปรงยาวมาให้คุณได้นะ”

อย่างไรเสีย เฉียวฉีก็สูง 1.7 เมตร แม้ว่าเธอจะสวมรองเท้าส้น เตี้ย แต่ความจริงแล้วเธอก็ยังดูสูงในสายตาคนอื่นอยู่ดี

เฉียว หัวเราะออกมา

“ไม่เป็นไรค่ะ”

เธอหยุดเดินครู่หนึ่ง และด้วยสายตาที่งุนงงของซูเจ๋อชื่อเธอจึง อธิบายว่า “ฉันไม่ได้เมื่อยขาหรอก แต่เป็นเพราะก่อนหน้านี้ฉัน ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย และยังไม่หายดี ดังนั้นจึงมีผลกระทบอยู่ บ้าง”

เมื่อได้ฟังเธอเล่าซูเจ๋อชื่อก็พยักหน้าทันที “ตอนนี้อาการบาด เจ็บดีขึ้นแล้วเหรอ?”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ