วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 407 เรียกเขาว่าสามีหน่อยสิ



บทที่ 407 เรียกเขาว่าสามีหน่อยสิ

วิ่งหนึ่งหันหน้ากัดฟันข่มขู่เขา และพูดขึ้นว่า : “ต่อไปฉันไม่ อนุญาตให้คุณมาจูบฉันตามอำเภอใจ

จากนั้นก็พูดต่อว่า ” โดยเฉพาะหลังกินข้าวเสร็จ

ลู่จิ่งเซินยิ้มและพูดว่า “คืนนี้ค่อยจัดการคุณ”

เพียงประโยคเดียวกลับทำให้จึงหนิงหน้าแดงหูแดง จากนั้นก็ ผลักเขาออก พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่สนใจคุณล่ะ”

พูดจบก็เดินตรงไปข้างนอกทันที

เขาหันหน้าจ้องมองร่างเงาของผู้หญิงที่เดินจากไปด้วยท่าทาง หงุดหงิดใจ จากนั้นก็พูดขึ้นว่า : “เดินช้าๆหน่อย”

แต่จึงหนิงไม่สนใจเขาอีก แต่ปิดประตูดังปัง แล้วหายไปจาก หน้าประตู

สองวันต่อมา จึงเป็นก็ทำงานที่ค้างทั้งหมดเสร็จเรียบร้อย เลยหยุดหนึ่งสัปดาห์อยู่เป็นเพื่อนกับวิ่งหนึ่ง

จิ่งหนึ่งสืบได้ว่าตอนนี้สำนักงานใหญ่ของตระกูลเก่ออยู่ที่ ประเทศ อีกอย่างก่อนที่ตาจะกลับประเทศ เขาได้พักอยู่ที่ ประเทศ สักพักหนึ่ง ด้วยเหตุนี้เธอจึงไปสืบที่นั้น

โชคดีที่ตา ตายแล้ว ซึ่งเรื่องนี้กลุ่มมังกรค่อนข้างให้ความ สําคัญมาก
ดังนั้นตอนที่เธอจึงสามารถได้รับความช่วยเหลือไม่น้อยเลย แต่สําหรับเรื่องฐานะของเธอ จึงหนึ่งกับลู่วิ่งเงินเลือกปกปิด แม้แต่คุณท่านกวนยังไม่ได้บอกเขาเรื่องนี้เลย ดังนั้นยิ่งไม่บอก กับคนนอก

แต่หนึ่งคืนก่อนที่จะไป เป็นวันเกิดของเฟิง

ไม่กี่คนนัดเจอกันแล้ว เพราะจองตั๋วเครื่องบินเป็นวันพรุ่งนี้ ด้วยเหตุนี้จึงหนิงกับลู่จิ่งเซินจึงรับปากเข้าร่วม

ในวันนี้ตอนเช้า ลู่วิ่งเซินพาวิ่งหนึ่งไปเดินเที่ยวดหินหยก จิ่งหนิงเพิ่งรู้ว่าเพ่งที่ไม่ค่อยจริงจังกับทุกเรื่อง กลับเป็นนัก สะสมหินหยก

ทั้งสองคนมาถึงในร้านเครื่องประดับและตกแต่งโบราณแห่ง

หนึ่ง ภายในร้านมีหยกวางอยู่ทุกประเภท ลู่วิ่งเซินกลับไม่เดินชม

แต่เดินเข้าไปข้างหลัง

เหมือนกับพนักงานรู้จักเขา จึงไม่ได้ห้ามปรามอะไร

เมื่อเดินเข้าไปก็พบกับเด็กผู้ชายอายุสิบแปดสิบเก้าปีคนหนึ่ง เขายิ้มและซักถามว่า : คุณลู่หรอครับ? อาจารย์รอคุณอยู่ข้าง ในแล้วครับ”

ลู่วิ่งเป็นพยักหน้าเล็กน้อย แล้วจูงพาวิ่งหนึ่งเข้าไปข้างใน ที่นี้คงเป็นบ้านโบราณที่ถูกเก็บรักษาไว้ ซึ่งในเมืองขึ้นทาง ตอนใต้ของเมืองหาพบได้น้อยมาก แต่ในเมืองหลวงกลับพบเห็นได้ทั่วไป

เมื่อเดินผ่านเข้าไปในประตูวงกลมคล้ายดวงจันทร์ ข้างในก็ เป็นศาลาหิน ซึ่งมีคนแกอายุหกสิบกว่าปีคนหนึ่งกำลังนั่งมอง ประเมินหยกอย่างละเอียดอยู่

“จิ่งเชินมาแล้วหรอ มานี่”

เขาโบกมือเรียกพวกเขา ทั้งสองคนเดียวเข้าไป และเห็นในมือ ของคนแก่ถือหยกชิ้นหนึ่ง ซึ่งกำลังลูบไล้บนฝ่ามืออยู่

ลู่วิ่งเซินซักถามขึ้นว่า : “ท่านโจว นี่เป็นชิ้นที่เพิ่งเปิดขายใช้ ไหมครับ?”

คนแก่ที่นั่งอยู่เบื้องหน้าโต๊ะพยักหน้าเล็กน้อย

“ฉันเปิดร้านขายหยกมาตั้งหลายปี นี่ถือเป็นชิ้นหยกที่สมบูรณ์ แบบมากที่สุด ท่านหลิน นายดูสิ ความแวววาว และความ โปร่งใสของมัน ชั่วชีวิตนี้นายยังไม่เคยเห็นใช่ไหม?”

คนแก่อีกคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามไม่ได้มีท่าทางสนใจมากสักเท่า ไหร่ เขายิ้มและพูดว่า : “ใช่ ใช่ หากนายขายคงได้ราคาดีมาก แน่ ในเมื่อจิงเซินมาแล้ว งั้นพวกคุณก็คุยตามสบายเถอะ ผมจะ ออกไปเดินเล่นสักหน่อย

ขณะที่พูดก็ลุกขึ้นเดินไปข้างนอก

เมื่อคนแก่แซ่โจวได้ยินแบบนี้ก็ซักถามจึงเป็นว่า “นายมาทำ อะไรวันนี้หรอ?”
ลูจิ่งเซินยิ้มและพูดว่า “ลุงโจวครับ ที่ผมมาวันนี้ต้องการซื้อ หยกครับ”

ลุงโจวเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง และซักถามว่า : “ชิ้นไหน?” เขารู้ว่าลู่จึงเป็นไม่สนใจหยกที่อยู่ในร้านเขาแน่นอน แต่ถ้า ต้องการ คงต้องการหยกที่เขาเก็บสะสมส่วนตัว

เมื่อนึกถึงหยกงานที่ต้องพรากจากเขาก็รู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย ลู่จิ่งเซินวางสายตาลงบนหยกที่ยังแกะสลักไม่เสร็จที่วางอยู่ บนโต๊ะขึ้น

“ชิ้นนี้หรอ?”

ท่านโจวสะดุ้งตกใจเหมือนกับถูกเหยียบหางอย่างนั้น ปฏิกิริยาตอบสนองแรกของเขาคือรีบหยิบหยกเก็บไว้ในอ้อม กอดทันที และพูดขึ้นว่า “นายอย่าแม้แต่จะคิดเลย!”

ลู่วิ่งเซินไม่รีบร้อน แต่พูดขึ้นว่า “ได้ยินเซ่เซียวบอกว่าครั้ง ก่อนเขาเห็นคุณกับคนที่ชื่ออะไรนั้นนะในโรงแรม….รู้สึกเป็นผู้ หญิงที่ชื่อ แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นความจริงหรือเปล่า ดูแล้วผมคงต้องไป สืบสักหน่อยแล้วล่ะ”

ท่านโจวเบิกตากว้างทันที เบิกตาจนตากว้างกว่าตาของวัว แล้ว

ด้านข้าง เมื่อคนแก่แซ่หลินที่ยังไปไหนไม่ไกลได้ยินแบบนี้ก็ หันหน้ามองกลับมาทันที
“อืม มีความสัมพันธ์กับเจนนิเฟอร์หรอ? ครั้งก่อนยังถูกเชียง หยุนเล่นงานไม่พออีกใช่ไหม?”

หลี่เซียงหยุนเป็นภรรยาของตาแก่ท่านโจวที่อยู่เบื้องหน้านี้

ท่านโจวโอบกอดหยกอย่างแน่น ขณะเดียวกันเขาก็โมโห เดือดดาลหายใจถี่จนหนวดเคราพลิ้วสะบัด “เด็กน้อย นายอย่า มาพูดจาเหลวไหล ฉันกับเจนนิเฟอร์ไม่ได้มีความสัมพันธ์อย่างที่ พวกนายคิดหรอกนะ!”

ลู่วิ่งเซินยักคิ้วเล็กน้อย “ผมรู้ครับ แต่คุณป้าหลี่คงไม่คิดแบบ นี้ ผมเลยไม่กล้ารับประกัน”

“เจ้าเด็กเมื่อวานซืน!”

ท่านโจวโกรธเคืองมากจนอยากต่อยหน้าคน แต่มือยังไม่ทัน โน้มเข้ามาก็ต้องค้างไว้กลางอากาศทันที

สุดท้ายก็กัดฟันอย่างแน่น แล้ววางหยกกลับบนโต๊ะ

“แปดล้าน ไม่สามารถต่ำลงกว่านี้แล้ว!”

เขากัดฟันเสนอราคาสูงกว่าปกติ เพราะคิดอยากเล่นงานลู่วิ่ง

เซิน

ลู่วิ่งเซินปรบมือทันที “ตกลง!”

จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นสั่งให้คนเอาหยกชิ้นนี้ไปส่งที่คฤหาสน์

“เดียวตอนบ่าย ผมจะส่งคนเอาเงินมาให้นะครับ” พูดจบก็พาจิ่งหนิงจากไปทันที
ระหว่างทางกลับบ้าน จึงหนังรู้สึกไม่ค่อยเข้าใจวิธีการของลู่วิ่ง

เซ็น

เธอไม่ใช่คนที่ชอบเก็บเรื่องสงสัยไว้ในใจ ดังนั้นเลยซักถาม

“ถึงแม้หยกชิ้นนี้มีคุณภาพไม่เลว แต่ราคาคงไม่ถึงแปดล้าน

หรอกมั้ง”

ลู่จิ่งเซ็นยิ้มจางๆ และพูดว่า “ทำไมเสียดายหรอ?”

จิ่งหนิงพูดขึ้นว่า “ไม่ได้เสียดายสักหน่อย เงินไม่ใช่ของฉัน”

ลู่วิ่งเซินยื่นมือกุมมือของเธอ “ทำไมไม่ใช่ของคุณล่ะ? พวกเรา แต่งงานกันแล้ว ดังนั้นทรัพย์สินถือเป็นของคุณครึ่งหนึ่ง”

จิ่งหญิงฉีกปากยิ้มเล็กน้อยต่อเขา “แล้วคุณจะซื้อหยกราคา

แพงขนาดนี้ทำไม!”

“เพิ่งไหวหวานให้ผมช่วยซื้อหยกชิ้นนี้ให้กับเขา” “เขาต้องการหยกชิ้นนี้ทำไมหรอ?”

จึงหนิงนิ่งอึ้งชั่วขณะ และรู้สึกสงสัยเล็กน้อย

ลู่จิ่งเซินไม่ตอบเลยทันที แต่ทำให้เธอยิ่งสงสัย “คุณลองทาย ดูสิ”

จิ่งหญิงขมวดคิ้ว พร้อมขยับตาไปมาเล็กน้อย และพูดขึ้นว่า : “เขาชอบผู้หญิงคนหนึ่งหรอ? ดังนั้นเลยคิดซื้อของมีราคาให้กับ เธอหรอ?”
ลู่จิ่งเป็นส่ายหน้า

จิ่งหนิงครุ่นคิดสักพัก “เขาเป็นนักสะสมหยก หรือว่าซื้อมาเก็บ ไว้ที่บ้าน?”

“ไม่ใช่”

“ฉันไม่ทายแล้ว คุณบอกฉันมาตามตรงเลย!”

จิ่งหนึ่งไม่อยากปวดหัวแล้ว จึงเริ่มออดอ้อนลู่จึงเป็น

วิธีการนี้ใช้ได้ผลดีกับผู้ชายมาก จึงเป็นอีกปากยิ้มอย่างเจ้า เล่ห์ขึ้น แล้วพูดขึ้นว่า : “เรียกสามี เดียวผมจะบอกคุณ”

จิ่งหนึ่งขมวดคิ้ว และตอบอย่างไม่พอใจว่า “ไม่เรียก” จากนั้นลู่จิ่งเซินก็นิ่งเงียบ

เธอไม่ยอมเรียก เขาก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเธอเหมือนกัน

จิ่งหนึ่งเป็นคนขี้สงสัยมาก หากพูดครึ่งหนึ่งแล้วไม่พูดต่อให้ จบ เธอนอนไม่หลับแน่นอน

ลู่วิ่งเซินรู้จักเธอ จึงตั้งใจหยอกเล่นเธอ

สุดท้ายจึงหนิงก็ต้องยอม แล้วโอบแขนของผู้ชาย และพูดขึ้น ว่า : “คุณก็บอกฉันเถอะนะ ไม่เช่นนั้นฉันไม่สนใจคุณแล้ว!”

ลู่วิ่งเซินส่ายหน้าเล็กน้อย ขณะเดียวก็ถอยตัวออกมาด้วย “อย่าทำแบบนี้ ผมขับรถอยู่

“เกลียดจริงๆ!”
จิ่งหนิงเริ่มหงุดหงิดเล็กน้อย

แต่ผู้ชายก็ยังไม่สนใจเธอ

ในทางกลับกัน เธอกลับถูกความสงสัยของตัวเองทรมานจน ทนไม่ไหว

เธอเบิกตากว้างมองผู้ชาย แล้วทำปากมุ่ยเล็กน้อย สุดท้ายก็ พูดขึ้นว่า “สามี”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ