วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 973 เธอสูญเสียความจำแล้ว



บทที่ 973 เธอสูญเสียความจำแล้ว

จิ่งหนึ่งถามกลับประโยคหนึ่ง “ร่างกายไม่แข็งแรงเหรอ”

เธอมองลงไปข้างล่าง ดูโม่ไฉ่เวยที่หลบอยู่หลังเซว

เห็นแต่เธอจับเสื้อตรงไหล่ของเซวไว้แรงๆ ทั้งคนขดอยู่ด้าน หลังของเขา เหมือนกับแมวน้อยที่ไม่ได้ทำอะไรผิดหลบอยู่หลัง ต้นไม้ใหญ่ มองเธออย่างหวาดกลัวและกระสับกระส่าย

อยู่ๆ วิ่งหนึ่งก็หัวเราะขึ้นมา

เธอหัวเราะอย่างเสียดสีและโศกเศร้า

“เธอ…กลัวฉันเหรอ”

โม่ไฉ่เวยไม่ได้พูดอะไร แค่จ้องตาคู่นั้นของเธอไว้ ยิ่งรู้สึกหวั่น เกรงกว่าเดิม

สีหน้าของเชวดูไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ ปกป้องโม่ไฉ่เวยไว้ แน่นๆ เหมือนกลัวเธอจะอยู่ๆ ทำอะไรออกมา ทำให้โม่ไฉ่เวยถูก ทําร้ายเช่นนั้น

ลู่หลันจือเห็นแล้ว เดินเข้ามาอย่างพะอืดพะอม พยายามจะดึง

จิ่งหนิงกลับไป

“หนิงหนิง อย่ามาวุ่นวายเลย พวกเรากำลังคุยเรื่องสำคัญอยู่…”

“หุบปาก!”
จู่ๆ จึงหนิงก็ตะโกนออกมาอย่างโมโห

ลู่หลินจือตะลึงพรึงเพริด

หลายปีแล้ว ถึงแม้เธอกับวิ่งหนึ่งที่เคยเกิดความขัดแย้งไม่ น้อย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ถูกเธอตะโกนใส่ต่อหน้าคนนอก

ทันใดนั้นอารมณ์ขึ้นทันที

“จิ้งหนิง! นี่แกกำลังทำอะไรออกมาเป็นแขกคุยเรื่องงาน ให้มี ระเบียบหน่อยได้ไหม กลับไปนั่งให้ดีเลย!”

เธออยากแสดงท่าทีของผู้อาวุโสออกมาแน่นอนอยู่แล้ว แต่จึง หนึ่งในเวลานี้ ในหัวเต็มไปด้วยความคิดอย่างหนึ่งตั้งนานแล้ว จะไปฟังเข้าสักที่ไหน

เธอสะบัดหลินจือออก สายตาจ้องมองโม่ไฉ่เวยที่หลบอยู่ หลังเชวซูไม่หยุด

“เธอตายแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมยังไม่ตายอีก ทำไมเธอถึงอยู่ ตรงนี้ ในเมื่อเธอยังมีชีวิตอยู่ทำไมไม่บอกฉัน ทำไมไม่มาหาฉัน ในเมื่อเธอเลี้ยงฉันแล้วทำไมยังแอบจากไปตัวคนเดียว ทิ้งฉันไว้ ในบ้านที่มืดมนมองไม่เห็นแสงสว่างนั้นเป็นสิบกว่าปี ทำไม”

เธอพูดไปพูดมา น้ำตาก็ไหลลงมาดั่งลูกปัดที่ด้ายขาด พอคำพูดนี้ออกมา ทันใดนั้นทุกคนต่างตกใจกันอย่างยิ่ง เจ้านายหยูรู้สึกไม่น่าเชื่อ หลันซื้อก็อึ้งจนอ้าปากค้างเช่นกัน

มีแต่เซวซู่คนเดียวที่เปลี่ยนสีหน้า เหมือนเข้าใจอะไรบางอย่างได้แล้ว สายตาที่มองไปทางจิ้งหนังอีกครั้งก็ได้เพิ่มความยุ่งเหยิง เข้าไปอีกอย่าง

แต่โมไฉ่เวยยังคงเป็นสีหน้ามึนงงนั้นเหมือนเดิม

“คุณ…คุณพูดอะไรอยู่ว่า ทำไมฉันไม่เข้าใจเลย

เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย ถึงแม่กลัวมาก แต่ยังคงเป็นหน้าตาอัน มีมารยาทนั้นอยู่ มองเธออย่างสงสัย

จิ่งหนิงส่ายหัวอย่างเสียดสี

“เธอฟังไม่รู้เรื่องเหรอ หรือว่าไม่อยากรู้เรื่อง โมไฉ่เวย! ฉันคือ ลูกสาวของเธอ ลูกสาวที่ถูกเธอทิ้งไว้ในตระกูลจึงสิบกว่าปี ทีนี้ เธอรู้เรื่องยัง”

เจ้านายหยูกับลู่หลินจือต่างจ้องตาโตขึ้นมาอย่างตกอกตกใจ ลู่หลินจือรู้สึกไม่น่าเชื่อ แม้แต่พูดยังติดอ่างเลย

“จิ่งหนึ่ง ไม่ใช่…เธอบอกว่าหล่อน…หล่อนคือ…

สายตาของจิ่งหนิงเย็นเยือก “ใช่! เธอก็คือแม่บุญธรรมของ ฉัน คุณหนูของตระกูลโม่แห่งเมืองจีน โมไฉ่เวย โม่ไฉ่เวยที่ควร เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถชนเมื่อสิบเอ็ดปีก่อนแล้ว! ตอนนี้พวก คุณเข้าใจหรือยัง”

สีหน้าของลู่หลินจือตกใจมาก

เธอรู้ประวัติของจิ่งหนึ่งอยู่แล้ว สำหรับเรื่องที่เธอเป็นลูกสาวแท้ๆ ที่หายตัวไปของหวั่นจุดนี้ก็ไม่จำเป็นต้องพูดถึงแล้ว ตอนที่อยู่ในเมืองขึ้นก่อนหน้านี้ หลัน อก็เคยรู้เรื่องเกี่ยวกับแม่บุญธรรมของเธอมาบ้าง

แต่เนื่องจากว่าตอนนั้นเธอมีอคติกับจิ้งหนึ่งอยู่ตลอด จึง เกียจไปทําความเข้าใจอย่างละเอียด

ดังนั้น ยิ่งกว่านั้นคือไม่ได้ติดตามชื่อแม่บุญธรรมของเธออะไร มาก เนื่องจากเวลาผ่านไปนานเกินไปแล้ว แม้แต่นามสกุลยังจำ ไม่ได้แล้ว

ไม่อย่างนั้นก็คงไม่ถึงขั้นเคยเจอโม่ไฉ่เวยก่อนหน้านี้ เคยฟัง เธอแนะนำตัวเอง แต่กลับไม่มีความทรงจำแม้แต่น้อยนิดเลย

ลู่หลั่นคือหันหน้ากลับไปดูโม่ไฉ่เวยอย่างตกตะลึง

ส่วนขณะนี้ สีหน้าของโม่ไฉ่เวยก็ขาวซีดทั้งหน้าเช่นกัน โบกมืออย่างตะลีตะลาน “ไม่…ฉันไม่ใช่…ฉันไม่ใช่…”

วิ่งหนึ่งค่อยๆ เดินเข้าใกล้ทีละก้าวๆ

เธอก้าวออกหนึ่งก้าว ไม่ไฉ่เวยกับเซวซูก็ถอยหลังหนึ่งก้าว จน กระทั่งถูกบีบให้เข้ามุมผนัง

จิ่งหนิงยืนนิ่งๆ และถามอย่างเย็นชาว่า “ทำไมไม่บอกฉันว่า เธอยังมีชีวิตอยู่ ทำไมไม่กลับมา

สีหน้าของโม่ไฉ่เวยตะลีตะลาน

ในที่สุดเซวซูก็อดอธิบายไม่ได้ “วิ่งหนึ่ง คุณอย่ากดดันเธออีก เลย เธอจําอะไรไม่ได้แล้ว!”
จึงหนิงตะลึงหนักมาก เงยหน้าขึ้นมามองเธออย่างไม่น่าเชื่อ

คิ้วของเซวขมวดไว้แน่นๆ เหมือนตัดสินใจลงไปอย่างเด็ด

ขาดแล้วเช่นนั้น หายใจเข้าลึกๆ “ถ้าคุณอยากรู้ว่าตกลงตอนนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้น ก็ลองนั่งลง มาเถอะ ผมสามารถเล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นในหลายปีนี้ให้

คุณฟังอย่างละเอียด”

หลังจากห้านาทีผ่านไป

ทุกคนนั่งลงมาแล้ว วิ่งหนึ่งทำหน้าเคร่งเคลิ้ม จ้องโม่ไฉ่เวยที่ อยู่ฝั่งตรงข้ามอยู่ตลอดเวลา

ส่วนโม่ไฉ่เวยกลับนั่งอยู่ข้างเซวอย่างตะลีตะลานและ กระวนกระวายใจ ราวกับดึงฟางข้าวที่ช่วยชีวิตไว้ได้อย่างนั้น จับ มือของเธอไว้แน่นๆ

เชวซูปลอบโยนเธอด้วยเสียงเบาอย่างอ่อนโยนและละเอียด รอยครอบกี่ประโยค จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นมา มองสิ่งหนึ่งที่อยู่อีก ฝั่งตรงๆ

“ความจริงแล้วเรื่องนี้จะโทษคุณแม่ของคุณไม่ได้ ต้องโทษคุณ พ่อที่ไร้จิตสำนึก ไร้มโนธรรมของคุณคนนั้น!

เชวซูพูดไปพูดมาก็ได้พูดเรื่องของตอนนั้นออกมาอย่าง ละเอียดแล้ว

จริงๆ แล้ว เมื่อวิ่งหนึ่งอายุมีแค่สิบเจ็ดปี ในตอนนั้น ไม่ได้เลย ได้เจอการมีชีวิตอยู่ของหยูจิ๋วเหลียนกับจิ้งเสี่ยวหย่าโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ

เธอกับนิ่งเซี่ยวเต๋อเป็นสามีภรรยากันเกือบยี่สิบปีแล้ว ก็นึกว่า รักกันดีมากมาตลอด สองคนช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ให้เกียรติ ซึ่งกันและกัน เธอก็เชื่อใจจึงเซี่ยวเต๋อมากมาตลอดเวลา ยิ่งกว่า นั้นคือเอาธุรกิจทุกอย่างในบ้านส่งมอบให้เขาหมดเลย

แต่กลับคิดไม่ถึงเลย เขาหักหลังตัวเองมาตั้งนานแล้ว ยังไม่ พูดถึงเรื่องแอบนอกใจ ยิ่งกว่านั้นคือขนาดลูกยังโตเช่นนี้แล้ว ด้วย

โมไฉ่เวยรับแรงกระทบอันใหญ่หลวงนี้ไม่ได้ ช่วงเวลานั้นใจ ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวล่อยๆ ใช้แอลกอฮอล์ผ่านเวลาไปวันๆ

แต่ถึงแม้จะถูกโจมตีแรงแค่ไหน ด้วยนิสัยของเธอแล้วก็ไม่มี ทางไปฆ่าตัวตายแน่นอน

ดังนั้น หลังจากเสื่อมโทรมได้ระยะเวลาหนึ่งแล้ว ไม่ไฉ่เวย ตัดสินใจทอดทิ้งการสมรสอันไร้ค่านี้ ขอหย่าร้างและให้วิ่งเชี่ยว เต๋อไปโดยไม่นำทรัพย์สินใดๆ ติดตัวออกไปในเวลาเดียวกัน

แต่คิดไม่ถึงเลย เมื่อเธอขอหย่าร้างกับนิ่งเซี่ยวเต๋อ จึงเซี่ยวเต อกลับไม่เห็นด้วย

และเขายังบอกเรื่องที่แอบโอนย้ายทรัพย์สินทั้งหมดของ บริษัท ในหลายปีนี้ออกมาด้วย

ถ้าโม่ไฉ่เวยต้องหย่าร้างในเวลาแบบนี้ แล้วสิ่งที่โม่ไฉ่เวยจะ ได้ก็จะเป็นแค่เปลือกเปล่าอันหนึ่ง เธอจะไม่ได้ทรัพย์สินของบริษัทสักบาทเดียว ถึงตอนนั้นจึงเที่ยวเพื่อยังสามารถพาหยู ว เหลียนกับจิ้งเสี่ยวหย่ามาสร้างครอบครัวใหม่ ใช้ชีวิตอย่างมี ความสุขต่อไป

ส่วนเธอไม่เพียงแค่ไม่สามารถเอาทรัพย์สินก้อนที่เป็นของเธอ กลับมาได้ และยังมีความเป็นไปได้ที่จะต้องแบกรับหนี้สินจำนวน เงินมหาศาล

เมื่อโม่ไฉ่เวยได้ฟังเรื่องเหล่านี้แล้ว โมโหมาก

แต่บริษัทคืออุตสาหกรรมที่คุณพ่อเหลือไว้ให้เธอ เพราะเชื่อ ใจจึงเขียวเต๋อจึงมอบให้เขาจัดการแทน แต่คิดไม่ถึงเลยว่าอีก ฝ่ายกลับเป็นคนเนรคุณ กลืนทรัพย์สินของเธอไปแล้วไม่พอ ยัง คิดจะให้เธอแบกรับหนี้สินห่วยแตกนั่นอีก

หลังจากไม่ไฉ่เวยผ่านความเจ็บปวดแล้วก็ได้ใจเย็นลง

เธอรู้สึกว่าจะให้เป็นแบบนี้อีกต่อไปไม่ได้แล้ว ตัวเองเป็นฝ่าย ถูกกระทำมาตลอด เธอต้องเป็นฝ่ายรุกโจมตีก่อน หาหลักฐานที่ จึงเซี่ยวเต๋อมีชู้และโอนย้ายทรัพย์สินให้ได้ ยื่นคำขออายัด จาก นั้นเอาทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของเธอกลับคืนมาทั้งหมด

ดังนั้น ช่วงนั้นเธอได้เตรียมตัวไว้เยอะมาก จ้างคนสะกดรอย ตาม และหาคนสืบสวนบัญชีส่วนตัวของจึงเซี่ยวเพื่อในหลายปีนี้


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ