วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 662 เดินทางไกล



บทที่ 662 เดินทางไกล

ดังนั้น เมื่อเปรียบเทียบกับสิ่งเหล่านี้ เธอก็พอใจมากแล้ว เมื่อคิดได้ดังนี้ถังลั่วเหยาก็ส่ายหัวตอบว่า

“ฉันไม่เหนื่อยเลยค่ะ ทำไมคุณถึงคิดอย่างนั้นล่ะคะ?”

เฟิงยี่ขมวดคิ้ว

ถังลั่วเหยาเห็นเขาดูเหมือนจะไม่ค่อยมีความสุข จึงอธิบายขึ้น ว่า “ฉันชอบถ่ายละคร และชอบงานที่บริษัทจัดหามาให้ แม้ว่า มันจะลำบากบ้างเล็กน้อย แต่ฉันก็ไม่รู้สึกเหนื่อยเลยค่ะ”

“คุณดูสิคะ ตอนนี้ฉันยังอายุน้อย มันเป็นช่วงเวลาที่ฉันกำลัง ไล่ตามความฝันของตัวเอง ฉันยังไม่เคยได้รับรางวัลราชินี ภาพยนตร์นานาชาติเลย ฉันหวังว่ารออีกสักแปดปีหรือสิบปีก็ อาจจะได้รับรางวัลสักครั้ง เมื่อถึงตอนนั้นฉันก็อาจจะพอใจในสิ่ง ที่เป็นแล้วก็ได้ค่ะ”

เมื่อเฟิงได้ยินสิ่งที่เธอพูด เขาก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ “การที่คุณทำงานหนักและมากมายขนาดนี้ ก็เพื่อสิ่งนี้งั้นเหรอ ครับ?”

ถังลั่วเหยาอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงดัง “หู” ออกมาเบาๆ เมื่อเห็น ว่าเขาไม่ได้ให้ความสำคัญเท่าไหร่นัก

“อย่าดูถูกความฝันของคนอื่นสิคะ แม้ว่าเรื่องนี้ฟังไปอาจจะไม่มีค่าสําหรับคุณ แต่ก็สำคัญมากสำหรับนักแสดงอย่างพวก

เรา”

เพ่งมองดูท่าทางจริงจังของเธอและอมยิ้ม

เขาเอื้อมมือไปลูบหัวเธอ “ครับ สำคัญ คุณเก่งขนาดนี้ ไม่ช้าก็ เร็วคุณก็จะทํามันได้แน่ๆ”

ถังลั่วเหยายิ้มอย่างภาคภูมิใจ “แน่นอนค่ะ”

เฟิงไม่ได้พูดเรื่องนี้อีกต่อไป เขาเอื้อมมือไปลูบผมของเธอ และคิดว่าทั้งสองคนไม่ได้ออกไปเที่ยวเล่นเป็นการส่วนตัวมา นานแล้ว

ดังนั้นเขาจึงพูดว่า “พอดีที่คุณได้พักผ่อนสามวัน ผมพาคุณไป เที่ยวเป็นไงครับ?”

ถังลั่วเหยาตกตะลึง เธอดีใจและตื่นเต้นเล็กน้อย “โอเคค่ะ ไป

ที่ไหนดี ?”

เฟิงจูบไปที่ริมฝีปากของเธอ “พรุ่งนี้คุณจะรู้เอง”

วันต่อมา

ถังลั่วเหยาถูกเฟิง ปลุกแต่เช้า

ตอนแรกเธอยังไม่รู้ว่าเขาจะพาเขาไปไหน ในตอนแรก จน กระทั่งทั้งสองคนขึ้นรถ ใช้เวลาขับอยู่ประมาณสี่สิบนาที รถก็มา จอดที่หน้าวิลล่าฤดูร้อนหลังหนึ่ง

เธอร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ
“คุณรู้ได้ยังไงคะว่าฉันอยากมาที่นี่?”

ชื่อของวิลล่าแห่งนี้คือรีสอร์ทหว่างเยวหากพักอาศัยอยู่ที่นี่ใน เวลากลางคืน คุณจะสามารถมองเห็นแสงไฟของเมืองทั้งเมือง และยังสามารถเงยหน้ามองดวงดาว ดวงจันทร์ที่สว่างไสวอีก ด้วย

นี่เป็นสิ่งที่หายากมาก ในเมืองหลวงที่พัฒนาเช่นนี้ ดังนั้นจึง เป็นสถานที่ที่หลายๆคนปรารถนาที่จะมาโดยตลอด

เฟิงยี่ยิ้มและพูดว่า “ผมไม่รู้ว่าคุณอยากมาที่นี่หรอกครับ แต่ ผมแค่คิดว่าทิวทัศน์ที่นี่ยอดเยี่ยมมาก คุณน่าจะชอบมัน ผมเลย พาคุณมาที่นี่”

ถังลั่วเหยาอมยิ้มแล้วยื่นหน้าเข้าไปจูบกับแก้มของเขา เธอพูด ขึ้นว่า “ของขวัญสำหรับคำขอบคุณค่ะ”

เฟิงยี่ยิ้มและรับของขวัญนี้เอาไว้

เนื่องจากเป็นทริปส่วนตัวที่ถูกจัดขึ้น หากว่าไม่มีบัตรVIP ต่อ ให้มีเงินมากมายขนาดไหนก็เข้าไปไม่ได้ ดังนั้น ทั้งสองคนจึงได้ เดินจูงมือกันเข้าไปด้านใน โดยไม่กลัวว่าจะถูกใครเห็นเข้า

เพิ่งได้ทำการจองห้องพักไว้ตั้งแต่แรกแล้ว เมื่อตอนที่ทั้งสอง เดินทางไปถึง เพิ่งจะเป็นเวลา 10:00 น.

ทั้งสองจึงได้พากันไปเปลี่ยนชุดที่ห้องก่อน และนั่งพักผ่อนอยู่ สักครู่ ก่อนจะออกมาเดินเล่นด้านนอก ตอนนี้ เป็นเดือนมิถุนายนแล้ว
ซึ่งเวลาที่ร้อนที่สุดในหนึ่งปีกำลังจะเริ่มขึ้นถึงลั่วเหยาสวมใส่ เพียงแค่ชุดเดรสสายเดี่ยวสีขาว และรองเท้าแตะ

มองไปซึ่งเหมาะสมกับการมาพักผ่อนจริงๆ

ส่วนเฟิงยี่ยังคงเป็นแบบเดิม เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกง ทํางานสีดา และรองเท้าหนัง

เพียงแต่ว่าทรงผมของเขาไม่ได้ถูกจับแต่งเป็นระเบียบเหมือน กับตอนทำงาน จึงทำให้ผมของเขาดูเป็นธรรมชาติ มันปลิวไสว ไปตามแรงลม และลงมาปิดบริเวณหางตา มองไปช่างมีเสน่ห์ เหลือเกิน

ทั้งสองคนเดินอยู่บนถนน หนุ่มหล่อและสาวสวยช่างเป็น บรรยากาศที่งดงามจริงๆ

แต่ในขณะที่กำลังเดินอยู่นั้น ก็บังเอิญพบเข้ากับคนที่รู้จักเฟิง

ยีเข้าคนหนึ่ง

“อ้าว! คุณชายรองเฟิงไม่ใช่เหรอครับ? สวัสดี! สวัสดี! คิดไม่ถึงจริงๆว่าจะมาพบกับคุณที่นี่”

มองไปแล้วเขาน่าจะอายุเราราวๆ 30-40 ปี แต่งตัวเหมือน นักธุรกิจ เมื่อพบกับเฟิงยี่เขาก็รีบตรงเข้ามา โค้งศีรษะทักทาย

เฟิงเองก็ไม่ได้หักหน้าเขา ยื่นมือออกไปทักทายแล้วพูดว่า “เถ้าแก่ฉันมาพักผ่อนที่นี่เหมือนกันเหรอครับ?

ชายคนที่ถูกเรียกว่าเถ้าแก่ฉันยิ้มขึ้นแล้วตอบว่า “ใช่ครับ พอดีว่าเป็นวันเกิดของภรรยาผม เธอบอกว่าชื่นชอบที่นี่ ผมก็เลยพาเธอมาสักหน่อย คุณชายรอง นี่คือ…….

แน่นอนว่าเขารู้จักถังลั่วเหยา

เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าเธอจะปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับเฟิง อีกทั้ง ยังเดินจูงมือกัน

หรือว่าทั้งสองคนนี้……..

ว่ากันว่าสายตาของนักธุรกิจล้วนแหลมคมและฉลาดเฉลียว เขารู้ว่าอะไรควรพูดอะไรไม่ควรพูด

แต่ภาพที่ปรากฏตรงหน้านี้ ไม่สามารถปิดบังความอยากรู้ อยากเห็น ในใจของเขาได้

เมื่อถูกเขาพบเข้าเฟิงก็ไม่ได้อยากปิดบังอะไรจึงแนะนำขึ้น

ว่า “ถังลั่วเหยา ภรรยาผมเอง ลั่วเหยาครับ นี่คือเถ้าแก่ฉินของ

บริษัทเต๋อเชิงครับ

ถังลั่วเหยายิ้มขึ้นอย่างมีมารยาท “สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก เถ้าแก่ฉิน”

เมื่อเถ้าแก่ฉันได้ยินคำว่าภรรยา ดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง ด้วยความประหลาดใจกว่าเดิม

แต่เพียงชั่ววินาทีก็กลับมาเป็นดังเดิม

เขายิ้มขึ้นด้วยท่าทางยินดีแล้วพูดว่า “ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลย ว่าคุณชายรองเพิ่งแต่งงานแล้ว ผมนี่ช่างไม่รู้เรื่องอะไรเลย คุณ นายเฟิงช่างงดงามเหลือเกิน เหมาะสมกับคุณชายรองมากเลยครับ ขอให้คุณถือเท้ายอดทองกระบอง

เพิ่งค่อนข้างชื่นชอบประโยครู้สึกไม่ยินดีที่ถูกขัดจังหวะค่อยจางหายไป

เขายิ้มแล้วพูดครับ ตอนนี้พวกเรายังไม่

ความหมายของเขานั่นคือ อะไรควรพูดอย่าพูดอื่นฟัง

เถ้าแก่ฉันคนฉลาดเฉลียวขนาด

เมื่อเขาได้ยินประโยคนี้เข้าใจความหมายรีบพยัก วางใจได้ ปากของติดแน่นยิ่งกว่าตราช้างเสียอีก รับรอง ว่าจะไม่อะไรทั่วไปแน่นอน”

เพิ่งได้ยินดังนั้น

เถ้าแก่ฉันอย่างท่าทางความว่า ถ้าอย่างนั้นไม่รบกวนพวกคุณทั้งสองแล้วครับ ผมขอตัวก่อน

เพิ่งเถ้าแก่ฉันจึง

หลังที่จากไปแล้วลั่วเหยากับเฟิงทำไมฉันรู้สึกว่า เถ้าแก่ฉันคุ้น จังเลยคะ”

เฟิงก้มหน้ามองเธอแล้วตอบว่า “เขามีความเกี่ยวข้องกับตระกูลของพวกเรา คุณพ่อของเขาเคยทำงานให้กับคุณมา ก่อน ดังนั้นถ้าหากพ่อยังอยู่ ผมคิดว่าพวกเขาเจอหน้ากันคงจะจำ

“คะ? ”

ถังลั่วเหยาตกตะลึง เธอไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้

คําว่าพ่อที่ออกมาจากปากของเฟิง ไม่ใช่เฟิงสิงลัง แต่เป็น ทหารถึง

เมื่อคิดได้ดังนั้น เธอก็เกิดความสงสัยขึ้น

“ถ้าอย่างนั้นตอนเด็กๆ ฉันน่าจะไม่เคยพบเขามาก่อน ใช้ ไหม? แล้วทำไมฉันถึงรู้สึกว่าเหมือนเคยเจอเขาที่ไหนมา ก่อน? ”

เฟิงซะงักลง เขาไม่คิดว่าเธอจะมีความรู้สึกแบบนี้

แต่เมื่อคิดไปคิดมา เถ้าแก่ฉันคนนั้นมีความเฉลียวฉลาดและมี มนุษยสัมพันธ์ที่ดี เขามักจะไปออกงานเลี้ยงและกิจกรรม ทางการค้าต่างๆนานา ไม่แน่ว่าอาจจะเคยเจอกันมาก่อนสักแห่ง ก็ได้

เขาถึงได้บอกความคิดนี้กับถังลั่วเหยา และถังลั่วเหยาเองก็ไม่ สามารถหาเหตุผลอื่นมาอธิบายที่ดีกว่านี้ได้ เมื่อคิดไปคิดมาเธอ จึงทำได้เพียงเท่านี้

ทั้งสองคนไม่ได้ถูกขัดจังหวะด้วยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ พวก เขาพากันเดินหน้ากันต่อไป


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ