วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่574 พ่อพวงมาลัย



บทที่574 พ่อพวงมาลัย

เพราะก่อนหน้านั้นเธอเข้าใจมาตลอดว่าเฟิงยี่เป็นพ่อพวง มาลัยเสเพลไปเรื่อย ไม่มีทางจะหยุดอยู่กับผู้หญิงแค่คนเดียวได้

ดังนั้นเธอสามารถรับได้ ขอเพียงได้เป็นคุณนายน้อยตระกูล เฟิงอย่างแท้จริง

แต่จนถึงตอนนี้ เธอจึงพบว่าเธอคิดผิด คนอื่นดูไม่ออกแต่เธอดูออก เพิ่งมีใจให้ผู้หญิงคนนี้จริงๆ มีสิทธิ์อะไร?

ทำไมผู้ชายที่ทอดทิ้งเธอเหมือนรองเท้าเก่าๆ ถึงได้หันหน้า ไปมองผู้หญิงคนอื่น

เธอสู้หล่อนไม่ได้ตรงไหน?

ส้งเจียเจียไม่ยอม!

ความไม่ยอมแบบนั้นก็เหมือนกับไฟที่ฝังอยู่ในใจ ของเพียง จุดไฟนั้นเพียงเล็กน้อยก็พร้อมที่พวยพุ่งทะยาน

เธอกัดฟันอย่างแรงและกำหมัดแน่น และจ้องรูปบนหน้าจอ อย่างเอาเป็นเอาตาย

ผ่านไปนานจึงสูดหายใจลึก ๆ แล้วหยิบโทรศัพท์ออกมา

แล้วโทรออก
“ฮัลโหล ช่วยฉันหาคนคนหนึ่ง ให้เขาทำอะไรบางอย่าง…

ในตอนนี้อีกฟากหนึ่ง

ถังลั่วเหยายังไม่รู้ว่าตนเองโดนสังเจียเจียหมายหัวแล้ว หง ให้เธอหยุดพักช่วงหนึ่ง อีกไม่นานจะต้องร่วมแสดงหนัง ตลกน่าตื่นเต้นกับเซ่เซียว

ดังนั้นเธอวางแผนว่าจะใช้ช่วงที่ได้หยุดพักหลายวันนี้ไปอยู่ เป็นเพื่อนแม่เธอที่โรงพยาบาล

โรงพยาบาลซึ่งเฉียวที่แม่ถังเข้ารักษาตัวปัจจุบันมีสิ่ง อำนวยความสะดวกและสภาพแวดล้อมที่ดีที่สุดในเอเชียตะวัน ออก

ทั้งนี้เฟิงยี่ยังได้จ้างคนดูแลที่ดีที่สุดให้เธอเป็นพิเศษ ดังนั้น

ถังลั่วเหยาจึงไม่จําเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ในชีวิต

ตอนนี้เรื่องเดียวที่เธอเป็นกังวลก็คือไม่มีผู้บริจาคจึงไม่ สามารถผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจได้

หากไม่ผ่าเปลี่ยนหัวใจ โรคนี้จะเป็นเหมือนคำสาปที่จะมา เมื่อใดก็ได้คอยตามติดเธอและอาจพรากชีวิตของแม่ถังไปได้ทุก ขณะ

ถังลั่วเหยารับเรื่องนี้ไม่ได้ ดังนั้นจึงได้อยากจะรักษาแม่ของ เธอให้หายมาตลอด

ในวันนี้เธอกำลังจะไปโรงพยาบาลเพื่อไปเยี่ยมแม่ถัง จู่ ๆเธอก็ได้รับโทรศัพท์จากวิ่งหนึ่ง

ถังลั่วเหยารู้สึกเกินคาดเล็กน้อย

น้อยครั้งที่จิ่งหนึ่งจะเป็นฝ่ายติดต่อเธอ และยิ่งช่วงนี้ที่เธอ ต้องเลี้ยงลูก และทำงานบริษัท มันยุ่งมากจริงๆ

ส่วนถังลั่วเหยาที่เป็นศิลปินของซิงฮุยนั้น ปกติแล้วก็มีเสี่ยว เหอหรือซูหงคอยจัดการ จึงหนึ่งแทบจะไม่ได้ลงมือเองนานแล้ว ครั้งนี้เธอโทรมาหาเธอด้วยตัวเอง มีเรื่องอะไรรึเปล่านะ?

ถังลั่วเหยารับสายพร้อมกับความสงสัยในใจ

เมื่อรับสายก็ได้ยินเสียงจิ้งหนิงยิ้มและพูด: “ลั่วเหยา ฉัน ได้ยินว่าแม่เธอป่วยเหรอ อยู่โรงพยาบาลเหรอ?”

เดิมทีเรื่องที่แม่ของเธอป่วยและเข้าโรงพยาบาลนั้นไม่ใช่ เรื่องจะปิดบริษัทได้ เธอเองก็ไม่ได้คิดจะปิดอยู่แล้ว ดังนั้น จึง หนิงรู้เรื่องนี้เธอก็ไม่ได้แปลกใจ

ถังลั่วเหยา “อือ” เพียงเบาๆ และพยักหน้า “ใช่ค่ะ ทำไมเห รอคะ?”

จิ่งหนิงหัวเราะ “ไม่มีอะไรจ้ะ ฉันก็แค่ได้ยินมาว่าคุณแม่ของ เธอเข้าโรงพยาบาลเพราะโรคหัวใจ บังเอิญว่าช่วงนี้ฉันอาจจะ ต้องเดินทางไปต่างประเทศ ที่ประเทศF เรื่องผู้บริจาคน่าจะข้อมูล มากกว่าและเร็วกว่าในประเทศ อยากจะให้ฉันลองถามให้เธอดู ไหม?”
ถังลั่วเหยาได้ฟังแล้วก็ดีใจกับข่าวที่คาดไม่ถึงมาก่อนนี้

โอกาสดีขนาดนี้เหมือนของดีหล่นมาจากฟ้า เธอจะปฏิเสธ ได้อย่างไร?

เธอรีบพยักหน้าหงิก ๆ “เอาค่ะ เอาสิคะ”

เมื่อจิ่งหนิงได้ยินน้ำเสียงที่ตื่นเต้นของเธอก็หัวเรา: “ฉัน คงจะไปอาทิตย์หน้า ถึงตอนนั้นมีข่าวอะไรจะติดต่อเธอนะ”

“ค่ะ” เสียงของถังลั่วเหยาตื่นเต้นจนเกือบสั่น เธอรู้ว่าจาก นิสัยของจิ้งหนิง หากไม่ใช่เพราะมีข้อมูลบางอย่างในมือแล้ว คงจะไม่มีทางโทรมาหาเธอแน่

เป็นไปได้มากว่าเพราะเธอมีข้อมูลเรื่องผู้บริจาคหัวใจอยู่ แล้ว แต่ยังไม่มั่นใจ ดังนั้นจึงตั้งใจโทรมาเพื่อบอกเธอไว้ก่อน

ถังลั่วเหยาตารื้น ผ่านไปนานจึงพยายามสงบจิตใจลงได้ แล้วพูด “ขอบคุณค่ะ จึงหนิง”

วิ่งหนึ่งหัวเราะ “ขอบคุณอะไรกัน? เธออย่าคิดว่าฉันคิดจะ ช่วยเธอด้วยความบริสุทธิ์ใจ ตอนนี้เธออยู่กับซิงฮุย เป็นต้นไม้ เงินที่ทำเงินคุ้มค่า ฉันยังอยากให้เธอช่วยฉันทำเงินอยู่นะ แน่นอนว่าก็ต้องอยากให้เธอไม่ต้องเป็นกังวลกับเรื่องต่างๆ ถึง จะถูกสิจ๊ะ”

เห็นได้ชัดว่าเธอพูดแบบนี้เพื่อให้ใจของเธอผ่อนคลาย

ถังลั่วเหยาเข้าใจได้และรู้สึกขอบคุณมาก
เธอสะอึกสะอื้น “ฉันทราบแล้วค่ะ คุณวางใจ ฉันจะตั้งใจ ทำงานให้ดี ขยันหาเงินค่ะ

“ดีจ๊ะ งั้นฉันบันทึกเบอร์ของเธอไว้ก่อนนะ”

ทั้งสองคนคุยกันอีกเล็กน้อยแล้วจึงวางสายไป จิ่งหนึ่งที่เพิ่งวางสายไป เสียงเคาะประตูห้องทำงานก็ดังขึ้น เสี่ยวเยถือแก้วกาแฟเข้ามา

จิ่งหนึ่งในตอนนี้ไม่แสดงแล้ว และเข้าทำงานที่อานหนิงกั๋ว ตลอด แต่เธอก็ไม่ได้ทิ้งเสี่ยวขุย ยังให้เธออยู่กับตนเองต่อไป

ในเวลาทํางานปกติหากเธอมีตรงไหนที่ไม่เข้าใจก็จะสอน และแนะนําเธอ

ด้วยวิธีนี้เสี่ยวขุยผู้ซึ่งมีชีวิตยากลำบากที่สามารถทำได้ เพียงช่วยวิ่งหนึ่งทำงานเสิร์ฟชาและถือเสื้อผ้า ตอนนี้ฝึกฝนจน ละเอียดรอบคอบ จนถือได้ว่าเป็นมือเป็นเท้าให้กับสิ่งหนึ่งก็ว่าได้

สําหรับการเปลี่ยนแปลงนี้ เสี่ยวขุยไม่รู้ว่าเธอควรรู้สึก ขอบคุณแค่ไหน

และเพราะด้วยเหตุนี้ที่ทำให้ยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้นสำหรับความ ผิดพลาดที่ทํากับจิ่งหนึ่งในอดีต

เมื่อเห็นเธอวางสายเดี่ยวขุยจึงยิ้มอย่างเขินอายและพูด “ประธานจิ่ง ฉันคงไม่ได้รบกวนคุณใช่ไหมคะ

แม้ว่าส่วนตัวเธอจะเรียกวิ่งหนึ่งว่าพี่หนิงหนิง แต่ตอนนี้จึงหนึ่งไม่ได้ทำหน้าที่แค่แผนกประชาสัมพันธ์อีกต่อไป แต่บริหาร อานหนิงกั๋วจี้ทั้งหมด

เพื่อไม่เกิดผลกระทบที่ไม่ดี ดังนั้น เสี่ยวขุยจึงเรียกเธอว่า ประธานจึงตลอดเวลาที่อยู่ในบริษัท

เมื่อจิ่งหนิงเห็นว่าเป็นเธอที่เข้ามา จึงเงยหน้าขึ้นยิ้มและวาง โทรศัพท์ไว้ด้านข้างแล้วพูด: “เปล่าจ้ะ”

เธอยกแก้วกาแฟขึ้นจิบแล้วเหมือนนึกอะไรขึ้นได้และถาม ขึ้นทันที “ใช่แล้ว อาทิตย์หน้าฉันจะไปต่างประเทศ ถึงตอนนั้น ฉันคงจัดการเรื่องในบริษัทผ่านระบบทางไกล ทางนี้หากมีอะไร เธอต้องรายงานฉันให้ทันเวลานะ

เสี่ยวขุยรีบพยักหน้า “ได้ค่ะ”

จิ่งหนึ่งมอบรายชื่อบุคลากรบนโต๊ะให้เธอ

“นี่เป็นรายชื่อคนที่จะไปร่วมงานเทศกาลภาพยนตร์ เธอ ช่วยเอารายชื่อส่งไปให้แผนกศิลปินและแผนกประชาสัมพันธ์ อย่างละใบ และขอให้คนที่ได้รับการคัดเลือกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถ้าหากว่ารีบไปได้ก็ให้รีบไป ช่วงเวลานี้ไม่ต้องไปสนใจพวกที่ ถือตัว

เสี่ยวขุยเปิดเอกสารและพลิกดู

จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นหัวเราะและพูด: “กลัวแค่พวกผู้กำกับ จะไม่ไป
ลู่หยั่นจือ?

จิ่งหนิงขมวดคิ้ว

“ทําไมล่ะ?”

เสี่ยวขุยยิ้มและพูด: “ช่วงนี้ผู้กำกับลู่ยุ่งมากค่ะ บอกว่า อยากทําหนังไซไฟ ครั้งก่อนฉันผ่านห้องทำงานของเขา ได้ยิน เขาคุยกับคนเขียนบท คาดว่าอีกไม่นานก็คงจะมาหาคุณเพื่อยื่น เสนอแล้วค่ะ”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ