วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 499 ความหวังดี



บทที่ 499 ความหวังดี

หลังจากที่ซูหงเห็นใบหน้าของถังลั่วเหยาก็ตกใจช็อก

เธอเดินมานั่งข้างถังลั่วเหยาอย่างระมัดระวัง เพราะกลัวทำให้ เธอตื่น

แต่ตอนที่เธอเดินเข้ามา เธอถึงกับตกใจใบหน้าแดงก่ำที่ผิด ปกติของถังลั่วเหยา

แม้แต่จังหวะหายใจยังหอบ และร้อนมากด้วย

ซูหงนิ่งอึ้งชั่วขณะ จากนั้นก็ยื่นมือทาบวางลงบนหน้าผากของ ถังลั่วเหยา

เป็นดั่งที่เธอคาดการณ์ไว้ ถังลั่วเหยาเป็นไข้แล้ว

ตอนที่เธอวางทาบสัมผัสอุณหภูมิก็รู้ว่าไม่ใช่อาการธรรมดา

“ลั่วเหยา ลั่วเหยา เธอตื่นสิ” ซูหงผลักดังลั่วเหยาด้วยท่าทาง อ่อนโยนขึ้น ถึงแม้ไม่ได้แฝงน้ำเสียงรีบร้อน แต่เสียงดังฟังชัดอยู่

เธอกลัวทำถังลั่วเหยาตื่น จึงปล่อยให้เธอตกอยู่ในฝันร้ายต่อ

ใช่ ฝันร้าย

ในตอนนี้ถังลั่วเหยานอนน้ำตาไหล และขมวดคิ้วแน่น และ แสดงสีหน้าขืนข่ม เห็นได้ชัดเจนว่าเหมือนกำลังทุกข์ใจกับเรื่อง บางอย่าง
หงไม่รู้ว่าเธอผ่านอะไรมาบ้าง แต่จากที่รู้จักกับถังลั่วเหยา ถ้าหากไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่น่าตกใจ เธอคงไม่ตกอยู่ในสภาพแบบ นี้แน่

และเป็นเพราะแบบนี้ ซูหงจึงรู้สึกไม่วางใจ

ผ่านไปไม่นาน ถังลั่วเหยาก็ถูกเธอปลูกตื่น

เมื่อเห็นซูหงอยู่เบื้องหน้า ถังลั่วเหยาก็ร้องไห้ด้วยความเจ็บ

ปวดอีกครั้ง

“พี่หง….” เธอไม่พูดจาไร้สาระเลย แต่ยื่นมือโอบกอดผู้

จัดการของตัวเอง

ซูหงพบว่า ถังลั่วเหยานอนเปลือยกาย

สิ่งที่สำคัญคือ บนร่างกายของเธอมีร่องรอยมีความสัมพันธ์

เต็มไปหมด

ซูหงตกใจช็อก

“ลั่วเหยา ตกลงเธอเป็นอะไรหรอ?”

ถังลั่วเหยาไม่พูดอะไร เอาแต่จ้องมองซูหง พร้อมกับส่ายหน้า

น้ำตาไหลพราก

ซูหงนิ่งเงียบชั่วขณะ

ในเมื่อถังลั่วเหยาไม่อยากพูดอะไร เธอก็ไม่มีสิทธิ์จะซักถาม

มากความ

แต่เมื่อมองท่าทางไร้วิญญาณของถังลั่วเหยา หงก็รู้สึกโมโหเดือดดาล

เธอรู้จักกับถังลั่วเหยามาหลายปีแล้ว สำหรับซูหงแล้ว ถังลั่ว เหยาไม่เพียงแค่เป็นดารา ในต้นสังกัด แต่เป็นเพื่อนที่ดี และน้อง สาวด้วย

น้องสาวมีปัญหา เธอจะไม่ออกหน้าช่วยเหลือได้ยังไง?

ดังนั้น หงจึงลังเลสักพัก สุดท้ายก็ตัดสินใจ

เธอโอบกอดถังลั่วเหยาอย่างเอ็นดู และพูดด้วยน้ำเสียงกลั้น ความโมโห ว่า : “ลั่วเหยา เอาเถอะ ใครกล้าทำแบบนี้กับเธอ หรอ”

ถังลั่วเหยาสะดุ้งตกใจ จากนั้นก็ร้องไห้ฟูมฟายจนหายใจไม่ เป็นจังหวะ

เมื่อหงเห็นถึงลั่วเหยาเป็นแบบนี้ก็โมโหไม่ออก

เธอพูดด้วยน้ำเสียงแหลมคมว่า : “ลั่วเหยา เธอรู้ใช่ไหมว่า หากเรื่องนี้ถูกคนนอกรู้จะส่งผลเสียต่อเธอมากแค่ไหน? แล้ว คนนอกจะมองเธอยังไง อีกอย่างเธอคิดว่าฉู่ยี่จะคิดยังไงกับเธอ?

ตอนนี้ฉันขอพูดกับเธอตามตรง ฉันยังสามารถคิดหาวิธีรับมือ ได้ ถ้าหากแม้แต่ฉันไม่รู้เรื่องนี้ ถั่วเหยา เธอจะเดียวดายไม่มีคน ช่วยเหลือนะ”

ถังลั่วเหยาที่ร้องไห้ฟูมฟายก็ค่อยลงร้องไห้เบาลงเรื่อยๆ เธอเงยหน้ามองซูหง ขณะเดียวกันในดวงตาที่สับสนก็ค่อยๆสลายหาย

เธอว่า ชูหงถูกต้อง

เรื่องใช่เรื่องเธอสามารถปกปิดเพียงเดียวได้

ใช่ เธอสามารถตายเรื่องนี้ โดยการหงช่วยเหลือ

เธอต้องทำลายหลักฐานบนของเธอ สงสัยการขาดงานของ

หลังจากไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน ถังลั่วเหยาก็ตัดสินใจเล่าความ

เป็นมา

แต่เธอครั้งแรกของเธอกับเฟิงไว้ถึงยังไงสองนี้ เธอมอบ

อีกอย่างบอกเกรงว่ายิ่งวุ่นวายด้วย

ถึงแม้ถังลั่วเหยาปกปิดรายละเอียดที่สำคัญ เล่าให้กับหง เพียงทิศทางของสาเหตุ แต่ฝ่ายตรงข้ามก็ยังตกใจกับการตัดสิน ใจของเธอ

ลั่วเหยา เธอเป็นบ้าหรอเธอ ทำไมเธอถึง……

ทำไมถึงใช้หนึ่ง ทั้งกับผู้ชายไม่ความสัมพันธ์อะไรกัน

ถังลั่วเหยาก้มหน้าและยิ้มแย้มอย่างเวทนาขึ้นเฟิงยี่น่าสงสารไม่ได้”

เธอยังไม่ทันพูดจบ ซูหงก็พูดแทรกขึ้นมาด้วยความขุ่นเคือง

“ถังลั่วเหยา เธอเห็นฉันเป็นคนโง่หรอ? คุณชายรองเฟิง ต้องการผู้หญิงแบบไหนก็ได้ ทำไมต้องเธอต้องทำด้วย เธอทำให้ ฉันโกรธมากเลย!”

ซูหงซักถามด้วยความโมโห แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ถามถึงเรื่องนี้ ทั้งหมด

ถังลั่วเหยาเม้มริมฝีปาก และพูดขึ้นว่า : “ขอบคุณมากนะ”

เธอรู้ว่า หงพูดเพราะความหวังดี

คนทำงานเก่งอย่างหง ทำไมจะมองไม่ออกถึงรายละเอียดที่ เธอปกปิดไว้ และตรรกะของเรื่องนี้ก็ผิดเพี้ยนด้วย

เธอไม่ได้พูดอะไร และเธอไม่เพียงไม่พูด แต่ยังไม่โกรธในสิ่งที่

เธอทราบด้วย

จากการกระทําของเธอ เธอสมควรได้รับคำขอบคุณจากถังลั่ว

เหยา

หงเองก็รู้ความหมายของถังลั่วเหยาเหมือนกัน

เธอโบกมืออย่างหมดแรง เหมือนกับต้องการเล่าเรื่องทุกข์ใจ ทั้งหมดออกมา : “พูดมาเถอะ เธอวางแผนจัดการยังไงต่อ จะคุย กับทางงานยังไง จะปกปิดต่อยี่ยังไงด้วย”

ถังลั่วเหยารู้ว่า เรื่องนี้เธอไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะเรื่องนี้เปิดเผยไม่ได้

ข่าวใหญ่เน่าฉาวแบบนี้ เธอต้องโง่เขลาเท่านั้นถึงจะเปิดโปง

แล้วจะพูดอธิบายต่อคนรอบข้างยังไง ถึงจะทำให้เรื่องนี้เงียบ หายไป และไม่กลายเป็นเรื่องใหญ่ ถังลั่วเหยาครุ่นคิดอยู่สักพัก และซักถามขึ้นว่า “พี่หง เรื่องนี้

พวางแผนจัดการยังไงหรอ?”

ซูหงกระแอมหนึ่งที : “นับว่าเธอยังมีสติ รู้ว่าต้องซักถามฉัน” “เรื่องนี้ฉันต้องการจัดการแบบนี้” ซูหงอมลูกอมเม็ดหนึ่ง แล้ว พูดต่อขึ้น

“ทางต้นสังกัดงานฉันบอกกับพวกเขาแล้วว่า ช่วงนี้สุขภาพ ร่างกายของเธอไม่ค่อยดี ต้องการพักผ่อน ส่วนเรื่อง เธอต้อง เป็นคนออกหน้า”

“ฉันควรทำยังไง?” ถังลั่วเหยาซักถามขึ้น

ซูหงนิ่งเงียบสักพัก แล้วพูดอย่างจริงจังว่า : “ฉันต้องการให้ เธอบอกเขาว่า ช่วงนี้ร่างกายของเธอไม่สบาย แต่ไม่ได้ป่วยทาง กาย แต่เป็นทางใจ”

“ป่วยทางใจหรอ? ฉันควรพูดยังไง” ถังลั่วเหยาขมวดคิ้ว และ เผยสีหน้าสงสัยจ้องมองซูหง “อีกอย่าง ทำไมหรอ?”

ซูหงยิ้มและพูดว่า : “ฉันต้องการให้เธอบอกเขาว่า ตอนนี้ สภาพจิตใจของเธอแย่ เพราะเหนื่อยล้ามาก เลยไม่อยากพบใคร เหตุผลเรียบง่ายมากก็คือเธอรู้สึกกดดันมาก จึงสามารถ หลีกเลี่ยงคําถามและความเป็นกังวลของเขาได้ และจะสามารถ เยียวยาร่องรอยบนร่างกายของเธอ และรอให้ทุกอย่างผ่านไป อย่างราบรื่นค่อยปรากฏตัว”

“แบบนี้หรอ….” ถังลั่วเหยาลังเล และพยักหน้าเล็กน้อย

“ใช่ งั้นต้องลําบากเธอแล้วล่ะ”

หงเหลือบมองเธอด้วยสายตาไม่พอใจเล็กน้อยขึ้น “ระหว่างเราสองคนต้องพูดขอบคุณกันตั้งแต่เมื่อไหร่?”

ถังลั่วเหยาครุ่นคิดสักพัก แล้วลูบปลายจมูกเล็กน้อย : “คุณ พูดหมายถึงฉัน เป็นเพราะฉันเลอะเลือน”

พูดจบ ถังลั่วเหยาก็เช็ดน้ำตา แล้วเตรียมลุกขึ้น

แต่เธอเพิ่งเดินลงจากเตียงเพื่อเตรียมสวมเสื้อ กลับหกล้มลง

บนพื้นแล้ว

ซูหงรีบเดินไปนั่งยองข้างตัวถังลั่วเหยา แล้วช่วยพยุงลุกขึ้น “เธอเป็นอะไรหรอ?”

เธอเพิ่งดูจบก็พบว่าถังลั่วเหยาตัวร้อนมากจนน่าตะลึง

ซูหงกุมขมับเล็กน้อย และพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดว่า : “ฉัน ลืมไปเลยว่าเธอกำลังเป็นหวัดอยู่ ตอนนี้เธอรีบกลับไปนอนบน เตียงก่อน เดี๋ยวฉันไปในน้ำอุ่นมาให้ แล้วค่อยไปซื้อยาให้กับ เธอ”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ