วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 603 เตรียมการไว้นานแล้ว



บทที่ 603 เตรียมการไว้นานแล้ว

อย่างไรเสีย ใครๆ ก็รู้ว่าถนนฝั่งตรงข้ามจะนำไปสู่โรงแรม เท่านั้น และ ณ เวลานี้ คนที่จะผ่านไปมานั้นน้อยมาก

ถ้าอีกฝ่ายมาที่นี่เพื่อจับคนโดยไม่มีเป้าหมาย มันจะดูคงโง่ เกินไป

การสำรวจข้อมูลที่นี่ผีก็ยังรู้ว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนถึงจะ

สำรวจข้อมูลของคนได้

และในตอนนี้หิมะก็ยังตกอยู่และข้างนอกอากาศที่หนาวขนาด นี้ด้วย เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีคนโง่แบบนี้

ดังนั้นจึงเป็นไปได้สูงที่อีกฝ่ายอาจรู้มานานแล้วก็เป็นได้ ซึ่งใน

เวลาตอนนี้ มักจะมีคนเดินผ่านที่นี่

แล้วใครจะเดินผ่านล่ะ? ก็คงเป็นได้แค่ถังลั่วเหยานั่นแหละ

โดยที่อีกฝ่ายจับตาดูหล่อนมานานแล้ว และรู้ถึงเวลาเลิกงาน ของหล่อนและได้ทำการเตรียมการไว้ล่วงหน้าที่นี่แล้วจากนั้นก็ รอแค่ให้หล่อนเดินผ่านมาแล้วทำการลักพาตัวหล่อนไปโดยตรง

เมื่อนึกถึงจุดนี้ เซ่เซียวก็หยิบมือถือออกมา เขาเปิดไฟฉาย พร้อมกับยกมือถือขึ้นแล้วเดินไปตามซอยนั้น

หลังจากที่เดินไปเพียงไม่กี่ก้าวก็พบรอยยางล้อรถ

เห็นเพียงว่ามีรอยที่เว้นระยะห่างเท่าๆ กัน 3 อัน และเพราะมีหิมะตก มาก

จึงมีชั้นหิมะบางๆ อยู่บนพื้น

ดังนั้นรอยจึงยังคงชัดเจน

หากดูจากรอยนี้แล้วมันต้องเป็นสิ่งที่คล้ายกับรถสามล้อ แน่นอนเลย

ซึ่งสิ่งนี้ก็สามารถพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เพราะอะไรทำไมตอนที่ เสี่ยวจึงตอบสนองกลับมานั้น ถึงหยุดนิ่งได้แค่ 10 กว่าวินาที เท่านั้น แล้วก็โดนจับเข้าไปแล้ว ซึ่งแม้แต่เงาก็ยังหาไม่เจอเลย

เพราะอีกฝ่ายได้นำคนนั้นขึ้นรถนานแล้ว จากนั้นก็ขับสามล้อ จากไปอย่างรวดเร็ว

และนี่ก็เป็นการยืนยันความคิดก่อนหน้าของเขาแล้ว

อีกฝ่ายต้องเป็นคนที่รู้จักถังลั่วเหยาแนกระทั่ง ได้เตรียมรถ สามล้อไว้ที่นี่ล่วงหน้าแล้ว เพื่อที่จะให้สะดวกต่อการขนย้ายตัว หล่อน

และทำไมถึงเลือกอยู่ในซอยนี้แทนที่จะเป็นถนนข้างนอก ท้ายที่สุดก็คนก็น้อยเหมือนกัน

เขามองขึ้นไปที่ด้านบนสุดของซอยนั้น เนื่องจากเป็นเขตเมือง เก่าที่นี่จึงมีกล้องน้อยมาก

และในซอยนี้จึงไม่มีกล้อง แต่บนถนนข้างนอกนั้น เพราะต้อง ถ่ายการจราจรของรถที่วิ่งผ่านไปมา ดังนั้นจึงมีกล้อง

เพราะเพื่ออีกฝ่ายจะไม่โดนถ่ายได้ จึงเลือกที่นี่
พูดแบบนี้แล้วอีกฝ่ายยังมีมีความกังวลอยู่บ้าง

เมื่อนึกถึงจุดนี้ เซ่เซียวจึงทำสีหน้าหนักอึ้งและถามว่า “แจ้ง ตำรวจแล้วหรือยัง?”

เสียวถึงพยักหน้าติดต่อกัน

เซ่เซียวครุ่นคิด และพูดว่า “ต้องแจ้งเรื่องนี้ให้กับผู้กำกับ ด้วยนะเพราะพวกเราอยู่ที่นี่ มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้วและ อีกฝ่ายก็ออกไปนานแล้วด้วยดังนั้นควรรอตำรวจมาก่อนแล้ว ค่อยคุยกันอีกที”

เสียวจึงพยักหน้าอย่างรวดเร็วแต่ฉันยังกังวลอยู่เลย “พลั่วเหยาล่ะจะทำยังไง?

เซ่เซียวขมวดคิ้วและมองลึกเข้าไปในซอยนั้น

จากนั้นไม่นาน เขาก็พูดว่า “ในเมื่อไม่ใช่เพื่อเงิน ไม่ใช่เพื่อ กามตัณหาแต่อีกฝ่ายจงใจศึกษาอยู่ที่นี่เพื่อลักพาตัวหล่อนมัน ต้องเป็นคนที่รู้จักหล่อนเป็นอย่างดีแน่และการที่เราอยู่ต่อที่นี่มัน ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก แม้ว่าจะเป็นคนที่คุ้นเคยกับหล่อนอยู่ แล้ว ทำแบบนี้มันต้องมีการวางแผนอยู่แล้ว งั้นพวกเราก็ลอง ใช้วิธีการที่นิ่งเงียบดู โดยที่เรากลับไปและรอดูข่าวก่อนเพราะ อีกฝ่ายมีแผน จะต้องการส่งข่าวกลับมาแน่นอน

เสี่ยวนิ่งฟังการวิเคราะห์ของเขาแล้ว ถึงได้นิ่งลงและพยักหน้า

ทั้ง 2 หันหลังแล้วเดินออกไปพร้อมกันโดยไม่รู้ว่าเป็นเพราะ พวกเขาไม่แน่ใจหรือคิดอะไรในใจ หรือตกใจจากเมื่อครู่
พวกเขาเดินไปได้แค่ไม่กี่ก้าวเสียวจึงส่งเสียง โอ๊ยและล้มลง

กับพื้น

เซ่เซียวตกใจและรีบหันไปดูหล่อน

เห็นแค่หินก้อนๆ ใหญ่กระเด็นออกมาบนพื้นอย่างกะทันหัน คาดว่าเสี่ยวฉิงคงไม่ได้ระวังตัว เลยสะดุดก้อนหินจนล้ม และ หัวเข่าก็กระแทกลงตรงมุมและขอบของหินโดยตรง จนเลือด ไหลออกมาทันที

สีหน้าเซ่เซียวเปลี่ยนไปทันที

เขาย่อตัวลงอย่างรวดเร็วพร้อมกับช่วยพยุงตัวหล่อนลุกขึ้น จากพื้นแล้วถามว่า “คุณเป็นยังไงบ้าง? คงไม่เป็นไรนะ?”

สีหน้าเสี่ยวฉิงซีดเล็กน้อยเนื่องจากความเจ็บจึงมีเหงื่อไหล

ออกจากหน้าผากหล่อน

แต่หล่อนยังคงกัดฟันพูดว่า “ฉันไม่เป็นไร”

เซ่เซียวเงยหน้าขึ้นและเมื่อมองไปที่สีหน้าหล่อนก็รู้แล้วว่า หล่อนกําลังอดทนอยู่

เนื่องจากเป็นฤดูหนาว ตัวหล่อนเองก็ยังสวมถุงน่องหนาๆ

อีก และยังมองไม่ออกว่าแผลเป็นอย่างไร พร้อมกับที่นี่ที่ไม่ สะดวกในการรักษาอีกด้วย

เซ่เซียวจึงทำได้แค่ถอดผ้าพันคอตัวเองออกก่อนและช่วยทำ แผลง่ายๆ ให้ขาของหล่อนจากนั้นจึงพูดว่า “อดทนไว้นะผมจะ พาคุณไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้”
เสี่ยวจึงได้ยินดังนั้นก็ส่ายหัวอย่างรวดเร็ว

“ไม่ต้องหรอก ฉันไม่ต้องการ จริงๆ นะมันแค่หกล้มนิดเดียว ไม่จำเป็นต้องไปโรงพยาบาลให้มันลำบากขนาดนั้นหรอก พวก เราไปหาพี่ลั่วเหยากันก่อนเถอะ…

“เชื่อฟังหน่อยสิ!”

เซเซียวก็ก้มหน้าลงทันทีแน่นอนด้วยน้ำเสียงที่เคร่งครึมอย่าง มาก

เสี่ยวจึงไม่เคยเห็นท่าทีแบบนี้ของเขามาก่อนเลยจึงทำให้ หล่อนตกใจไปครู่หนึ่ง

จากนั้นหล่อนยังไม่ทันได้ตอบสนองกลับมา ก็เห็นเขาหันตัว กลับไปทันที โดยหันหลังให้ตัวเอง และย่อตัวลง

เซเซียวหันหลังให้หล่อนและพูดด้วยเสียงเข้มว่า “ขึ้นมา”

เสี่ยวฉิงตะลึงไปครู่หนึ่ง และในวินาทีนั้นจึงนึกได้ว่าเขากำลัง จะแบกตัวเอง

ใบหน้าหล่อนก็ร้อนจนแดงฉานไปครู่หนึ่งหล่อนก็โบกมือครั้ง แล้วครั้งเล่าอย่างทำอะไรไม่ถูก

“พี่พี่เซียวไม่ต้องแล้ว ฉันทำเองได้…”

“หยุดพูดเหลวไหลได้แล้ว!”

ที่จริงแล้วเซ่เซี่ยวก็หมดหนทางจริงๆ ตอนนี้มันดึกมากแล้ว และที่นี่ก็เปลี่ยวมากด้วย แม้ว่าจะอยากโบกแท็กซี่ก็ไม่สามารถโบกได้

อาการบาดเจ็บที่ขาของหล่อน ก็ค่อนข้างรุนแรงด้วย หากยัง ไม่รีบไปรักษาที่โรงพยาบาล ก็อาจได้รับโรคแทรกซ้อน หรือ อาจแผลเป็นขนาดใหญ่ซึ่งมันจะไม่น่าดู

และสาวๆ ต่างก็รักสวยรักงามกันทุกคน ขาที่สวยเรียวยาว

ขนาดนี้ หากมีแผลใหญ่ที่ขาแล้วต่อไปจะใส่กระโปรงยังไงล่ะ?

เซ่เซียวเป็นสุภาพบุรุษและเป็นคนที่เข้าใจผู้หญิงมาโดยตลอด และเขาก็รู้ถึงความสำคัญของความสวยความงามสำหรับผู้หญิง คนหนึ่ง

ดังนั้น เขาจึงไม่เคยรู้สึกว่าบาดแผลเล็กๆ อย่างนี้จะเป็นเรื่อง เล็กน้อย

เมื่อเดี๋ยวนิ่งเห็นถึงการยืนกรานของเขาแล้ว หล่อนก็กัดริม

ฝีปากตัวเองและไม่กล้าปฏิเสธไปในชั่วขณะหนึ่ง

หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่งหล่อนจึงกล้าที่จะก้าวไปข้างหน้าอย่าง ระมัดระวัง และเอนตัวไปยังหลังอันกว้างของเขา พร้อมกับนอน คว่ำาหน้าลงไป

เมื่อเซ่เซียวรู้สึกว่าหล่อนนอนคว่ำหน้าบนหลังเขาแล้ว เขาก็

ออกแรงยกหล่อนขึ้น และแบกหล่อนไว้

เสี่ยวนิ่งร่างกายผอมบางเมื่อนอนคว่ำอยู่บนหลังของผู้ชาย แทบจะไม่มีน้ำหนักอะไรเลย

แต่ด้วยเหตุนี้ หล่อนก็เขินจนหน้าแดงอย่างอดไม่ได้ หล่อนหดตัวลง ไม่กล้าแม้แต่จะพูดขัดอะไร ทั้งร่างกายหล่อนก็ดึงไป หมด และตื่นเต้นจนทนไม่ไหว

เซ่เซียวคงไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติของหล่อนเขาแค่รู้สึก ว่าร่างกายของหล่อนแข็งที่อเล็กน้อยและคิดว่ามันยังคงเจ็บอยู่

ดังนั้นเขาจึงปลอบใจว่า “มันเจ็บมากใช่ไหม? ทนหน่อยอีก

หน่อยนะข้างหน้าที่โรงพยาบาลไม่นานก็จะรักษาได้แล้ว” แม้ว่าที่นี่จะเปลี่ยวมากแต่ก็ยังโรงพยาบาลเล็กๆ อยู่ข้างหน้า

ถ้าคนในกองถ่ายได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยหรือเป็นหวัด และไม่ อยากไปโรงพยาบาลใหญ่เพราะมันลำบาก พวกเขาก็จะไปโรง พยาบาลที่ค่อนข้างเล็กแห่งนี้

ยังไงก็ไม่ใช่โรคร้ายแรงก็รักษาเหมือนกันหมด และไม่ได้มี ความแตกต่างอะไรมาก

เสี่ยวนิงส่งเสียงอึมไป 2 ครั้ง

เสียงเหยียบหิมะดังมาจากข้างหูของหล่อน หล่อนรู้สึกเขิน อายเล็กน้อย และถามเบาๆ ว่า “พี่เซียว ฉันต้องขอโทษด้วย นะ ทำให้พี่ต้องเกี่ยวข้องไปด้วย

เซ่เซียวได้ยินดังนั้นก็ยิ้มอย่างตื่นตาตื่นใจ

“พูดถึงการเกี่ยวข้องหรือไม่เกี่ยวข้องนั้นทำไม อย่าบอกนะ ว่าคุณเป็นผู้ช่วยของลั่วเหยา ต่อให้เป็นเพื่อนที่รู้จักกันโดย บังเอิญ ก็ไม่อาจเห็นเพื่อนตายต่อหน้าใช่ไหม?”
นอกจากนี้สาวอ่อนช้อยน่ารักขนาดนี้ ขายังโดนกระแทกใน กลางดึกจนกลายเป็นแบบนี้ แล้วใครจะอดใจไม่สนใจอย่างนี้ได้ ล่ะ?

แต่เดี๋ยวจึงไม่ได้คิดอย่างนั้น หล่อนแค่รู้สึกว่า เซ่เซียวเป็นคน มีฐานะและมีเกียรติ และยังเป็นซูเปอร์สตาร์อีก


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ