วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 820 การต้อนรับขับสู้ที่ยากที่จะปฏิเสธ



บทที่ 820 การต้อนรับขับสู้ที่ยากที่จะปฏิเสธ

ทันใดนั้นเฉียว ก็นึกถึงทฤษฎีนางสนมที่เสี่ยวเยวพูดเมื่อกี้นี้ และประกายความเยาะเย้ยลอยขึ้นจางๆ ในดวงตาของเธอ

“มีเรื่องอะไรหรือ”

เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

วันนี้ดูเหมือนหลินเยว่เอ๋อร์มีความสุขเป็นพิเศษ บิดเอวเดิน มาถึงตรงหน้าเธอ แล้วกล่าวว่า “ก็ไม่มีเรื่องอะไร ก็คือซื้อเนียน เพิ่งให้คนส่งของดีมามากมาย และฉันก็เห็นว่าเธออยู่ทางนี้พอดี ของดีเช่นนี้ฉันไม่สามารถจะรับไว้เพียงคนเดียวได้ ดังนั้นจึงให้ คนส่งมาให้คุณสองอย่าง คุณดูนี่ ”

ขณะที่เธอพูด โบกไม้โบกมือ ให้เสี่ยวถาวถือถาดหนึ่งถาด เดินเข้ามา

หลินเยว่เอ๋อ เอาสิ่งของในถาดขึ้นมาวางลงบนโต๊ะตรงหน้า

เธอ

“โสมเก่าแก่ชั้นดีของภูเขาฉางไป หากตุ้นน้ำซุบดื่มไม่เพียง จะทำให้ผิวสวย ยังสามารถช่วยยืดอายุได้ คุ้มเลยนะ

สายตาของเฉียวฉีจ้องไปที่โสมต้นที่ถูกวางทิ้งอยู่บนโต๊ะ

ขณะเดียวกัน เสี่ยวเยวที่เพิ่งจะเก็บถาดอาหารลงไป แล้วกลับ ขึ้นมาพอดี เมื่อเห็นภาพนี้ สีหน้าเปลี่ยนไปทันที
เธอก้มหน้า รีบเดินเข้ามา แล้วยืนข้างๆเฉียว

ขณะที่เธอกำลังคิดว่า เฉียว จะตอบโต้กลับไปด้วยความ

โกรธ

เห็นเพียงเธอยิ้มจางๆ

แล้วเฉียวฉียกมือขึ้นไปหยิบโสมต้นนั้นมาดู แล้วกล่าวด้วย รอยยิ้มว่า “เป็นของชั้นดีจริงๆ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ต้องขอบคุณ มาก”

ขณะพูด ก็ยกมือขึ้นเอาโสมส่งให้เสี่ยวเยว่

“เสี่ยวเยว่ เอาไปเก็บไว้

เสี่ยวเยวตะลึงไป เบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ

“คุณเฉียว …….…….

เฉียวยิ้มเล็กน้อย เป็นน้ำใจของคุณหลิน จะปฏิเสธความ หวังดีของคนอื่นได้อย่างไรกัน”

ท่าทางสงบจิตสงบใจเช่นนี้ของเธอ เหมือนกับสายน้ำใส สะอาด จนทำให้ความโกรธ ในใจของเสี่ยวเยวกับหายไปทันที

เธอก้มหน้าเล็กน้อย รับสิ่งของมา แล้วกล่าวเสียงเบาว่า“ค่ะ”

หลินเยว่เอ๋อร์ที่อยู่ตรงข้ามเมื่อเห็นเช่นนี้ ก็ไม่รู้ว่าทำไม จู่ๆก็ รู้สึกเหมือนหมัดทุบไปที่สําลีเช่นนั้น ทำให้เธอหงุดหงิดขึ้นมาเล็ก น้อย
เธอกล่าวเสียงเย็นชา เฉียว คุณยังไม่รู้ใช่ไหม ฉันกับซื้อ เฉียนจะแต่งงานกันแล้ว ”

ปลายนิ้วเฉียวฉีชะงักไป

มองดูเธอด้วยแววตาสงบนิ่ง “ฉันรู้ คุณเคยบอกแล้ว หลินเยว่เอ๋อร์”

เธอกัดฟัน ก้มตัวลงกระซิบเสียงต่ำว่า “คุณไม่ทิ้งหรือ

เฉียวฉียิ้มจางๆ

ปลายนิ้วค่อยๆ เข้าในฝ่ามือ เหมือนกับจะทิ่มไปในเนื้อ แต่ บนใบหน้ากลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเช่นนั้น

“พวกคุณแต่งงาน ฉันจะพึงทำไม ฉันไม่ได้รักเขา”

อะไร

หลินเยว่เอ๋อร์ตะลึงงัน และขณะเดียวกัน หางตาก็มองไปเห็นที่ ไม่ไกลออกไปมีเงาคนที่คุ้นเคยเข้าใกล้มา

ทันใดนั้น เธอก็หัวเราะออกมา แล้วลุกขึ้น เสียงหัวเราะเบาๆ และมีเสน่ห์กล่าวว่า “ก็ถูก ถึงแม้ฉันจะเคยได้ยินมาว่า คุณกับซื้อ เฉียนเป็นคู่รักหมั้นหมายกันมาตั้งแต่เด็ก และเมื่อก่อนยังเติบโต มาด้วยกันช่วงหนึ่ง แต่ว่าเรื่องของความรู้สึก ก็เป็นเช่นนี้ เวลารัก ก็รักจะเป็นจะตาย เมื่อไม่รักแล้วก็เหมือนคนแปลกหน้าที่เดินอยู่ บนถนนเดียวกัน ดังนั้นความคิดของคุณตอนนี้ ฉันก็เข้าใจ ”

ขณะที่พูด ก็ชายหางตามองไปทางปากบันไดอยู่ตลอดเวลา
เห็นเพียงคนคนนั้นยืนอยู่ตรงนั้น ไม่ขยับอีกเลย

เนื่องจากเฉียว หันหลังให้กับประตูทางเข้า ดังนั้นจึงไม่ได้เห็น ฉากนี้

เธอรู้สึกเพียงเหมือนในใจถูกสิ่งของอะไรทิ่มเล็กน้อย ไม่ถือว่า เจ็บ แต่ทำให้คนรู้สึกไม่สบายอย่างบอกไม่ถูก

ตามหลักแล้ว ตอนนี้เธอไม่ควรจะไปสนใจชีวิตส่วนตัวขอ งกู้อเนียน

ไม่ว่าอย่างไร ความสัมพันธ์ของทั้งสอง ได้จบลงไปตั้งแต่เมื่อ สี่ปีก่อนแล้ว

จบลงในวันที่เขาส่งตัวเองเข้าไปในคุกด้วยมือของเขาเอง

แต่ว่าจิตใจคนเรา ไม่ฟังคำสั่งการเลย คุณยิ่งไม่อยากไป สนใจอะไร ในใจก็ยิ่งไปสนใจสิ่งนั้น แม้แต่ในวันนี้ รู้ทั้งรู้ว่าหลิน เยว่เอ๋อร์อาจไม่ได้พูดความจริง แต่จงใจทำให้เธอโกรธ ในใจก็ ยังอดไม่ได้ที่จะหงุดหงิดขึ้นมา

เฉียวฉีสูดหายใจลึกๆ พยายามระงับอารมณ์ในใจ แล้วกล่าว เสียงเคร่งขรึมว่า”คุณเข้าใจก็ดีแล้ว อย่างนี้ต่อไปไม่ต้องมาหา เรื่องฉันอีก ต้องรู้ว่า แมลงวันบนโลกนี้ถึงแม้จะไม่กัดคน แต่บิน ไปมาอยู่ข้างหูก็ทำให้คนรำคาญมาก ”

ประโยคนี้พูดมาแบบไม่เกรงใจ ทันใดนั้นสีหน้าหลินเยว่เอ๋อร์ เปลี่ยนไปทันที

แต่อาจจะเป็นเพราะคำนึงถึงอะไรบางอย่าง เธอไม่แสดงออกว่าโกรธออกมา แต่ยิ้มเล็กน้อย

“สิ่งที่คุณพูด ไม่เหมือนกับว่าไม่สนใจ

เฉียว กล่าวเสียงเย็นชา คุณหมายความว่า ฉันจะต้องอวยพร ให้พวกคุณรักกันชั่วนิรันดร์ถึงจะถือว่าไม่สนใจหรือ

“มันต้องอย่างนั้นอยู่แล้ว”

หลินเยว่เอ๋อร์ยิ้มจางๆแล้วเดินเข้าไปใกล้เธอทีละก้าว ยืนอยู่ ข้างเธอแล้วกระซิบเสียงเบาว่า “ไม่ว่าอย่างไร ต่อไปหากฉันกับ ซื้อเฉียนแต่งงานกันแล้ว ฉันก็จะเป็นคุณผู้หญิงของปราสาทนี้ ส่วนคุณเป็นเพียงแขกคนหนึ่ง ถ้าหากทำให้ฉันรู้สึกว่าในใจคุณ ยังปรารถนาเฉียน ฉันก็จะไม่มีทางวางใจได้

เมื่อเฉียว ได้ยินเช่นนั้น ก็หัวเราะออกมาเหมือนได้ฟังเรื่อง ตลกขบขัน

“ปรารถนาหรือ ฉันปรารถนาเขาหรือ

เธอยิ้มเย็นชา กล่าวเสียงหนักแน่นว่า “หลินเยว่เอ๋อร์ บนโลก ใบนี้ ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเหมือนคุณ เก็บเศษเหล็กอะไรได้ก็ถือเป็น สิ่งของล้ำค่าไปหมด

หยุดไปครู่หนึ่ง แล้วกล่าวว่า “หากฉันปรารถนาเขาจริง ช่วง หลายปีมานี้ปรารถนาไปนานแล้ว คุณคิดว่าตอนนี้ยังจะมีเรื่อง ของคุณอยู่อีกหรือ”

หลินเยว่เอ๋อร์ชะงักไป
ไม่คิดว่ามาถึงขั้นนี้แล้ว เธอยังปาก อีก

ดวงตาเธอเป็นประกายแวบหนึ่ง ทันใดนั้นก็ยกมือขึ้นจับไปที่

รถเข็นของเธอ “ทางด้านโน้นวิวทิวทัศน์สวยกว่า ฉันจะเข็นคุณไปรับลมทาง

โน้น

ขณะพูด ก็เข็นรถเข็นของเธอ เดินไปทางขอบระเบียง

เฉียวฉีขมวดคิ้ว

ปฏิเสธไปตามเรื่อง ไม่ต้องหรอก ฉันอยู่ตรงนี้ก็ดีมากแล้ว”

“อย่าเลย ฉันจะบอกคุณให้นะ ครั้งก่อนฉันก็ยืนดูวิวกลางคืน อยู่ทางโน้น วิวสวยมาก คุณอยู่ทางนี้มองไม่เห็นผิวทะเลสาบ เลย”

ขณะที่หลินเยว่เอ๋อร์พูด ก็เป็นเธอเดินไปโดยไม่ตั้งใจ

เพราะว่าเสียงคุยกันของทั้งสองนั้นเบามาก คนรับใช้ที่ยืนอยู่ ข้างๆไม่ได้ยินว่าพวกเธอคุยอะไรกันเลย และนับประสาอะไรกับ ซือเฉียนที่ยืนอยู่ไกลๆ

เมื่อเสี่ยวเยว่เห็นเธอเย็นเฉียวฉีเดินไป ก็อ้าปากโดยปริยาย อยากจะขวางไว้

แต่วินาทีต่อมา ก็ถูกเสี่ยวถาวขวางไว้

หันหน้ามาก็เห็นสีหน้าเยาะเย้ยของเสียวถาว “คุณเฉียวของแกยังไม่พูดอะไรเลย ทำไมแกถึงเรียกอย่างตื่นตระหนก พวกเธอสองคนแค่พูดคุยกัน หรือแกคิดว่าจะกินคุณ เฉียวของพวกแกได้หรือ

เสี่ยวเยวชะงักไป คิดไปคิดมาก็ใช่

ไม่พูดอย่างอื่น แค่เรื่องตบตีกัน หลินเยว่เอ๋อร์สิบคนก็ไม่ใช่คู่ ต่อสู้ของเฉียว

ดังนั้น จึงวางใจลง แล้วก็ไม่พูดอะไรอีก

ส่วนอีกด้านหนึ่ง ที่จริงในใจเฉียว ก็ต้องการจะดูว่าหลินเยว่ เอ๋อร์คิดจะทําอะไรกันแน่ ดังนั้นในปากบอกว่าไม่ยินยอม แต่ไม่ ได้ปฏิเสธจริงๆที่จะให้เธอเป็นตัวเองเดินไปข้างหน้า

ไม่นานทั้งสองก็มาถึงตรงขอบระเบียง

ราวระเบียงทางนี้ค่อนข้างต่ำ ถ้าคนยืนอยู่ ก็ถึงแค่เหนือขา เท่านั้น

เฉียวมองดูแสงจันทร์ในทะเลสาบ แล้วถามว่าคุณต้องการ จะพูดอะไรกันแน่”

หลินเยว่เอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อย “ดูไปแล้วคุณก็มองออกว่าฉันเป็น คุณมาทำไม คือมีเรื่องบางอย่างอยากคุยกับคุณเพียงลำพัง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ