วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 788 ใส่ร้ายป้ายสี



บทที่ 788 ใส่ร้ายป้ายสี

เช่นนั้นเหลือเพียงคนเดียวก็คือเดียวนั่นเอง

ดังนั้น หลินเยว่เอ๋อร์ไม่พูดอะไรมากก็ตรงเข้ามาทวงสิ่งของคืน

แต่ดูจากท่าทีของหล่อนตอนนี้แล้ว ดูเหมือนไม่กลัวการที่จะถูก เธอเข้าไปรื้อค้นในบ้านเลย หรือหล่อนไม่ได้เป็นคนเอาไปกันแน่ นะ?

ความคิดของหลินเยว่เอ๋อร์วนไปวนมา แต่ท้ายที่สุดแล้ว ใน เมื่อเธอเดินทางมาก็จะให้เสียประโยชน์เปล่าๆไปไม่ได้

ดังนั้นจึงได้ กัดฟันพูดขึ้นว่า “ค้นก็ค้นสิ เชอะ!

เมื่อพูดจบเธอก็พาคนรับใช้เสี่ยวถาวเข้าไปด้านในห้อง

ตลอดการค้นหา ทั้งสองคนพยายามหาทุกซอกทุกมุม พวก เธอรื้อห้องของเฉียวฉี โดยเจ้าของห้องนั่งอยู่บนโซฟาไม่แม้แต่ จะขมวดคิ้วเข้าหากันสักเล็กน้อย

แต่คนรับใช้ส่วนตัวของหล่อนเสี่ยวเยว่ ขณะที่นำน้ำชาเดินขึ้น มาเสิร์ฟก็ได้เห็นภาพตรงหน้า เธอเบิกตากว้างด้วยความ ประหลาดใจ

“คุณเฉียวคะ พวกเธอพวกเธอทำอะไรกันอยู่เนี่ย?” เสี่ยวเยวรู้สึกกังวลขึ้นมาทันที

แต่เฉียวฉียังคงนิ่งเงียบดุจขุนเขา เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงลึกล้ำว่า “เสี่ยวเยว ไม่ต้องเข้าไปห้ามพวกเธอหรอก ปล่อยให้หากันไป เถอะ”

เมื่อเสี่ยวเยว่เห็นดังนั้น แม้ในใจของเธอจะไม่พอใจมากแต่ก็ ไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก

เนื่องจากห้องไม่ได้ใหญ่มากนัก ประกอบกับเฉียวไม่ชอบให้

มีสิ่งของรกห้องมากมาย ดังนั้นการตกแต่งห้องจึงเรียบง่าย

ค้นหาได้ไม่ยาก

ผ่านไปประมาณยี่สิบนาทีทั้งห้องก็ถูกหาจนหมดสิ้น

สีหน้าของหลินเยว่เอ๋อร์ไม่น่ามองนัก เธอจ้องไปยังเฉียว ที่นั่ง อยู่บนโซฟา และไม่ชายตามามองตนแม้แต่น้อย ในใจของเธอก็ ร้อนระอุด้วยความโมโห ใบหน้าของเธอก็ร้อนผ่าวเช่นกัน

เฉียวฉีเงยหน้าขึ้น

สายตาของเธอมองไปด้วยความเยือกเย็นสงบ ถามขึ้นว่า “คุณหลินคะ หาเสร็จแล้วเหรอ? พบสร้อยที่คุณทำหายไปมั้ยล่ะ?”

หลินเยว่เอ๋อร์กัดริมฝีปากกรอดๆ

เธอพูดออกมาอย่างดื้อรั้นว่า “ต่อให้ในห้องนี้ไม่มีของอยู่ ก็ไม่ ได้หมายความว่าคนเอาไปไม่ใช่คุณ ดีไม่ดีบางทีอาจจะซ่อนไว้ที่ อื่นก็ได้?”

เฉียวเลิกคิ้วขึ้นแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ
หลินเยว่เอ๋อ ชะงักลง

เมื่อพบว่าหล่อนไม่ได้ทำท่าทาง โมโหอย่างที่ตนคิดเอาไว้ แม้แต่อารมณ์โกรธก็ยังไม่มีเลยด้วยซ้ำ

หล่อนเพียงนั่งมองอยู่บนโซฟาอย่างเงียบๆ และพูดออกมาว่า “ถ้าคุณพูดอย่างนี้ แสดงว่าหาไม่ว่าอย่างไรก็ตามคุณคงจะโทษ

ว่าฉันขโมยให้ได้สินะ?”

หลินเยว่เอ๋อ สําลัก

เมื่อถูกสายตาอันเยือกเย็นของหล่อนมองมา ในใจของเธอก็ รู้สึกผิดอยู่เล็กน้อย

แต่ตอนนี้เธออยู่บนหลังเสือจะให้ลงมาก็คงยาก และเธอไม่มี ทางให้ถอยกลับแล้ว ในวันนี้เธอจะต้องใส่ร้ายผู้หญิงคนนี้ให้ได้

แทนที่เธอจะถอยออกไปเสียตอนนี้ ทำให้เรื่องราวใหญ่โต

ขึ้นและไล่เธอออกไปจากที่นี่ไม่ดีกว่าเหรอ

เมื่อคิดได้ดังนั้น แผนการอันชั่วร้ายก็แวบเข้ามาในดวงตาของ เธอ

เธอมองไปยังเฉียว และเยาะเย้ยขึ้นว่า “แท้จริงแล้วฉัน ต้องการจะหาเรื่องคุณ หรือตัวคุณเองรู้สึกผิดลึกๆ ในใจ ทุกคนก็ รู้ดี เฉียว ฉันขอบอกกับคุณตามตรงว่า สร้อยเส้นนั้นเป็นซอยที่ แม่ของฉันทิ้งเอาไว้ให้ และมันสำคัญกับฉันมากๆ ถ้าคุณเอามัน ไปจริงๆละก็ขอให้น้ำออกมาคืนฉันแต่โดยดีเถอะ ไม่อย่าง
“ไม่อย่างนั้นคุณจะทําอะไรกัน?

เฉียว พูดด้วยน้ำเสียงอันเย็นชา และดูน่ากลัวบ่งบอกถึง อันตรายเล็กน้อย

แต่ว่าหลินเยว่เอ๋อร์กลับฟังไม่ออก

เธอยังคงพูดต่อไปอย่างเย่อหยิ่งว่า “ไม่อย่างนั้นฉันจะให้กู้ซื้อ เฉียนขับไล่คุณออกไปจากที่นี่ซะ! คอยดูเถอะว่าฉันจะทำจริงหรือ เปล่า! ”

“เหอะๆ! ”

เฉียว หัวเราะขึ้น

เสียงหัวเราะของเธอบางเบา และดูเหมือนจะเกลียดชังเล็ก น้อย แต่ยิ่งเป็นแบบนี้ทำให้หลินเยว่เอ๋อร์ที่ยืนอยู่ตรงด้านหน้า รู้สึกได้ใจ ราวกับว่าหากเธอเพียงบดขยี้เล็กน้อยอีกฝ่ายหนึ่งก็ ตายได้ง่ายๆ

เฉียวฉีจึงพูดออกมาว่า “หลินเยว่เอ๋อร์ ที่จริงฉันชื่นชมคุณมาก ทีเดียวนะ”

หลินเยว่เอ๋อ ตกตะลึงทันที

เธอขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างไม่รู้ตัว เธอไม่รู้ว่าจู่ๆเฉียว พูดออกมาแบบนี้มีจุดประสงค์อะไรกันแน่

เฉียว จึงพูดต่อไปว่า “คุณรู้หรือเปล่า? เวลาที่ฉันมองคุณ ฉัน รู้สึกเหมือนมองคนโง่ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร เอาแต่กระโดดโลดเต้นอยู่ต่อหน้าฉัน ทุกครั้งฉันอารมณ์ปัญหาทุกอย่างไม่ใช่ปัญหาต่อไป เนื่องจากบาง คนสมองได้

ในครั้งนี้เข้าใจโดยถ่องแท้

สีหน้าของเธอแย่มาก

เธอกัด

ทําไมฉันกล้า

เฉียวฉลุกยืน

ความสูงของเธอนั้นสูงหลินเยว่เอ๋อร์ประมาณห้าหกเซนต์ ติเมตรได้ เมื่อยืนขึ้นมาแบบทำให้รู้สึกเธอขึ้นไปแม้ มองจากสายนั้นกว่า ใครอยู่ในเหตุการณ์ล้วนต้องพาหวาดกลัว

เธอเดินไหนแต่ไรเชื่อในแล้วครั้งเล่า และตอนคุณกลับฉันกินหญ้าหรืออย่างไรให้คุณสาดน้ำสกปรก ได้อย่างงั้นเหรอ

ออร่าร่างกายเธอแผ่ออกมาทำให้หลินเยว่ตกตะลึงเธอตัวสั่นและถอยหลังออกไปก้าวหนึ่ง

จากนั้นจึงกลืนน้ำลายและพูดอย่างติดชัดว่า “แก แกคิดจะทํา อะไร?”

เฉียว หัวเราะเย้ยหยัน

ขณะนี้ หลินเยว่เอ๋อร์ถูกเธอบีบบังคับให้จนมุมแล้ว

มือข้างหนึ่งของเธอยกขึ้น และยื่นไปแตะผนังบริเวณศีรษะด้าน ขวาของหล่อน เธอโค้งตัวลงไปเล็กน้อย ดวงตาแหลมคมนั้นมอง ไปในดวงตาของหล่อน

ตอนนี้ทั้งสองคนอยู่ใกล้กันมาก ถึงขนาดที่ว่าหลินเยว่เอ๋อร์ สามารถสัมผัสได้ถึงลมหายใจอันเยือกเย็นของเฉียวเลยทีเดียว

ลมหายใจของผู้หญิงคนนี้ช่างเยือกเย็นเหลือเกิน เธอไม่ใช่คน

ธรรมดาแน่!

เมื่อความคิดนี้ปรากฏขึ้นในสมองของเธอ และวินาทีต่อมา เธอก็รู้สึกเจ็บบริเวณหู ไม่รู้ว่าเฉียวหยิบกริชสั้นออกมาตั้งแต่ เมื่อไหร่อย่างไร เธอนำกริชเล่มนั้นกรีดไปที่หูของหล่อนเบาๆ

หลินเยว่เอ๋อร์ตกใจเสียจนหน้าซีดเผือด เธอรู้สึกว่าร่างกาย แข็งทื่อขยับไปไหนไม่ได้

แม้แต่ปากก็ยังสั่น

“แก แก แกต้องการอะไร?”

เฉียว หัวเราะออกมาด้วยความเยือกเย็น
จากนั้นเป่าลมไปบริเวณข้างหูของหล่อน

น้ำเสียงของเธออ่อนโยนจนดูไม่เหมือนกับคุกคาม แต่กำลัง พูดอะไรบางอย่างที่ไพเราะเสนาะหู

แต่ถึงอย่างไรก็ดี มันก็ยังทำให้อีกฝ่ายหนึ่งรู้สึกสะพรึงกลัว เฉกเช่นเดียวกับงูพิษที่น่ากลัว เลื้อยขึ้นไปบริเวณหลังใบหู

ทําเอาขนลุกขนพอง

เธอได้ยินเฉียว พูดออกมาเบาๆว่า “คุณเดาดูสิ ครั้งก่อนที่มี คนใส่ร้ายป้ายสีและต้องการหาเรื่องฉันแบบนี้ ตอนนี้น่าจะอยู่ ทีไหนกันนะ?”

ในใจของหลินเยว่เอ๋อร์คิดว่าเธอและหล่อนรู้จักกันมาไม่นาน เธอจะไปรู้ได้อย่างไรว่าคนที่ใส่ร้ายป้ายสีหล่อนเป็นอย่างไรตอน

แต่ดูเหมือนว่าเฉียวจะไม่ได้ต้องการให้เธอตอบออกมา

หล่อนกลับพูดเบาๆว่า “เธอตายแล้ว ถูกฉันใช้กริชเล่มนี้กรีด ลงไปบนหนัง หน้า ร่างกาย ขา จำนวนเก้าสิบเอ็ดแผล และที่สุด ท้ายคือการตัดหลอดเลือดใหญ่ของเธอจนเสียชีวิต”

ใบหน้าของหลินเยว่เอ๋อร์ซีดราวกับกระดาษ

เธอรู้สึกว่าความเจ็บปวดของมีด กำลังกรีดลงไปที่เนื้อของเธอ ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้านี้เป็นเหมือนปีศาจที่เพิ่งคลานออกมาจากนรก
น้ำเสียงของหลินเยว่เอ๋อร์ฟังดูสั่นเทา “แก แกกล้าเหรอ….. ถ้า แกกล้าแตะต้องฉันล่ะก็ กู้ซื้อเฉียนจะต้องไม่เอาเธอไว้แน่

เฉียวหัวเราะเย้ยหยัน

“อ๋อ อย่างงั้นเหรอคะ? ถ้าฉันไม่เชื่อแล้วจะทำยังไงล่ะ? พวก เรามาลองดูกันไหม? ดูซิว่าถ้าคุณตายไปเขาจะแก้แค้นให้คุณ หรือเปล่า?”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ