วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 255 บุคคลลึกลับ



บทที่ 255 บุคคลลึกลับ

หลังสามวัน จิ่งหนึ่งก็ต้องได้ข่าวคราว เตรียมแผนการไว้รับมือ เรียบร้อยแล้ว

ถึงตอนนั้นต่อให้เธอเอาตัวเขากลับไป ก็ไม่สามารถที่จะทำ อะไร

อาหารได้เย็นแล้ว เธอจะพยายามขนาดไหนยังมีประโยชน์ อะไร?

จึงเสี่ยวหย่าร้อนรนจนแทบบ้า แต่ว่าอีกฝ่ายนั้นไม่ฟัง ไม่ว่าจะพูดยังไงก็ไม่เป็นผล เพราะได้ ยืนยันแล้วว่าเธอต้องอยู่ที่นี่ ที่ไหนก็ไปไม่ได้

ผ่านไปสามวัน ก็ปล่อยเธอไปแน่นอน

พอจึงเสี่ยวหย่าที่ได้สิ้นหวังไปแล้ว ก็ได้ใจเย็นลง

เธอมองผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า แล้วก็ย้อนนึกเรื่องที่เกิดขึ้นใน ช่วงสามวันมานี้ อยู่ๆ ก็คิดอะไรได้ ตาเป็นประกาย

“เธอเป็นคนของตระกูลกวน?”

เป็นไปอย่างที่คิด ได้เห็นว่าตัวของผู้หญิงคนนั้นได้แข็งไปสัก wn

จากนั้น ก็ได้พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“พูดบ้าง! ฉันจะไปเกี่ยวข้องกับตระกูลกวนได้ไง

“ฉันไม่เชื่อ ถ้าเธอไม่ใช่คนของตระกูลกวน ทำไมถึงได้ย้ำว่า ฉันต้องอยู่ที่นี่อีกสามวัน? หรือว่าเธอคือกวนเสวีเฟย?”

หญิงสาวได้หัวเราะอย่างเยือกเย็น

“กวนเสเฟยนับเป็นตัวอะไร? เป็นแค่ไอ้ตัวที่เขาไม่เอาก็ เท่านั้น เหมาะที่มันจะมาอยู่ระดับเดียวกับฉัน?

เธอตายใจเถอะ ฉันไม่มีทางที่จะบอกเธอว่าฉันเป็นใครหรอก พอแล้ว ฉันยังมีธุระ ไม่คุยกับเธอแล้ว ฉันไปล่ะ

พูดจบ ก็ได้หันหลังเดินจากไปจริง

จึงเสี่ยวหย่าก็ได้ร้อนใจทันที

“เธออย่าไป เธอปล่อยฉันก่อน! เธอไม่รู้เหรอว่าการทำแบบนี้ เป็น การกักขังหน่วงเหนี่ยว ฉันบอกเธอเลย”

หญิงสาวเดินถึงหน้าประตูได้ยินแบบนั้นก็ได้นิ่ง แล้วก็ขำอย่าง

“เธอยังรู้ว่านี่เรียกว่าการกักขังหน่วงเหนี่ยว? ก่อนหน้าตอนนี้ ได้ฟังคนอื่น ทำไมเธอไม่รู้ว่าเป็น การกักขังหน่วงเหนี่ยว

จิ่งเสี่ยวหย่า ..………….

สุดท้ายอีกฝ่ายก็ออกไป

เธอได้นั่งอย่างสิ้นหวังอยู่ตรงนั้น รู้แต่ว่าหัวนั้นจะแตกอยู่แล้ว ความกดดันอยู่ก็ได้ล้อมเข้ามาอย่างไม่ทราบสาเหตุ แทบจะทําให้เธอบ้า

ผ่านไปนาน เธอถึงได้ปรับอารมณ์ได้

พิงอยู่ที่กำแพง แล้วก็สูดหายใจเข้าไปลึกๆ

ไม่ได้ ยอมแพ้ไม่ได้

ยังมีหวัง

คนคนนั้นไม่ได้คิดที่จะฆ่าเธอ ขอแค่เธอมีชีวิตอยู่ ต้องคิดหา วิธีหนีออกไปได้แน่

จิ่งหนึ่ง เธอรอก่อนเถอะ!

ขอแค่เขาหนีออกไป เขาต้องไปลากตัวของเธอจากที่นั่นเอง กับมือแน่!

และอีกด้าน

หยูซิ่วเหลียนหานิ่งเสี่ยวหย่าไม่เจอติดต่อกันสองวัน ได้ใจร้อน จนแทบบ้า

ไม่มีแค่เขา คนทั้งตระกูลซึ่งก็ได้ร้อนรนไปไม่หมด

ไม่มีเหตุผลอื่น ก็เพียงเพราะทางเมืองหลวง เดิมคนที่ได้เจรจา กันเรียบร้อยได้มาแล้ว พูดแล้วว่าจะมาถึงตอนบ่าย

ตอนนี้อีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะมาถึงแล้ว แต่จึงเสี่ยวหย่ากลับ หายตัวไป ไม่มีข่าวอะไร

จะให้พวกเขาไม่ร้อนใจได้ยังไง?
หวังเสวีเหมยพูดอย่างโมโห “ฉันจะไปถามได้เด็กนั่นอีกที ไม่ ว่ายังไง เรื่องของพวกเขาวางไว้ตรงนั้นไปก่อน เรื่องทางนี้ถึงจะ สําคัญ เขาไม่ยอมบอก ฉันก็จะไปบอกพวกนักข่าวว่าหล่อนเป็น คนเอาตัวเสี่ยวหย่าไปซ่อน ฉันจะดูว่าถึงตอนนั้นนางนั้นจะเก็บ กวาดยังไง!”

หยูซิ่วเหลียนได้มีสีหน้าที่ลำบากใจ

“แต่ทุกครั้งที่เขาให้พวกเรารับสาย ก็จะให้ผู้ช่วยของหล่อนพา ไปที่ห้องกักตัว พูดจบก็วาง พวกเราไม่มีหลักฐานมายืนยันเรื่อง

จิ่งเซี่ยวเต๋อขมวดคิ้ว

“เอางี้ พวกเราก็ได้พูดไปตามตรงกับคนทางนั้น

“ไม่ได้!” หวังเสว่เหมยได้ปฏิเสธไปแบบไม่คิด “เพราะว่าเรื่อง ก่อนหน้า อีกฝ่ายก็ได้ไม่พอใจในตัวเสี่ยวหย่าแล้ว ตอนนี้ถ้ายังมี เรื่องแบบนี้ออกมาอีก ต่อไปต่อให้เสี่ยวหย่ากลับมา ก็ยากที่จะ ยืนอยู่ในตระกูลนั้นแล้ว พวกเราจะไม่ยุ่งเรื่องนี้ไม่ได้

“งั้นทำยังไง? ไฟได้เผามายังหน้าแล้ว ยังมีเวลาไหนมาสนใจ อะไรมากมายขนาดนั้น?”

หวังเสวีเหมยได้ถอนหายใจ

“ลองโทรไปก่อนเถอะ! ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็ตกลงเรื่องที่เธอ ขอร้องไปก่อน เธออยากจะฟังความจริง ตัวจริงนั้นต้องแสดงตัว อยู่แล้ว ถึงตอนนั้นค่อยพูดก็ไม่สาย”
สองคนเห็นแบบนั้น ก็รู้ว่าตอนนี้ก็มีแค่วิธีนี้ เพราะงั้นก็ได้พยัก

เที่ยงวันนั้น ซึ่งหนึ่งก็ได้รับโทรศัพท์จากทางนั้น

ได้ยินเสี่ยวเหอบอกว่าพวกเขายอมรับข้อตกลงแล้ว เธอก็ได้ แปลกใจเล็กน้อย

การเปลี่ยนคำพูดนี้เปลี่ยนไปเร็วไปไหม ทำให้คนไม่ได้ตั้งตัว จริงๆ

แต่พอคิดถึงน้ำเสียงที่โมโหของหมูจิ๋วเหลียนเมื่อวาน มาหา เธอเพราะอยากได้ตัวคน เธอก็ได้คิดไปสักพัก แล้วก็เข้าใจ เหตุผล

นี่น่าจะแผนเป็นการเลื่อนเวลาออกไป

จึงหนิงก็ได้หัวเราะ ไม่ได้พูดออกไป จับโทรศัพท์แล้วพูดว่า “ว่ามา! ห้าปีก่อน แม่ของฉันตายไปยังไงกันแน่? พวกเธอมีใคร ได้เข้าร่วมด้วย?”

หวังเสบู่เหมยสูดหายใจเข้าลึกๆ

“เรื่องนี้มันสำคัญมากๆ พูดในโทรศัพท์มันพูดไม่ชัดเจน อีก อย่างฉันจะรู้ได้ยังไงว่าเธอไม่ได้อัดเสียง? เอาแบบนี้ เธอออกมา พวกเราคุยกันต่อหน้า

จึงหนังหัวเราะ

“นายหญิงจัง ความคิดเห็นนี้ไม่ดีเลยสักนิด ถ้าเป็นเพราะเพื่อช่วยจึงเสี่ยวหย่าแล้วอยากให้ฉันปรากฏตัว งั้นก็ขอโทษนะ ไม่ใช่เพราะฉันไม่ยอม แต่เพราะฉันไม่รู้ว่าจึงเสี่ยวหย่าอยู่ที่ไหน จริงๆ

คำพูดนี้คุณสามารถเลือกที่จะเชื่อ แต่ก็สามารถเลือกที่จะไม่ เชื่อ ฉันไม่สน แต่ฉันได้พูดไปแล้ว อย่างอื่นคุณก็ไปตกลงกันเอง

พอแล้ว ไหนๆ ก็ไม่ได้คิดที่จะพูดจริงๆ งั้นก็ไม่ต้องมาทำให้ฉัน เสียเวลา ฉันยังมีธุระ ลาก่อน

เธอพูดจบ ก็ได้ตัดสายไป

หวังเสบู่เหมยมองโทรศัพท์ที่ถูกตัดสายไป สีหน้าได้โมโหจน เปลี่ยนสี

รอให้เธอเดินออกไป หยูซิ่วเหลียนก็ได้รู้พุ่งเข้ามาว่า “แม่คะ เป็นไงบ้าง? หล่อนว่าไง?”

หวังเสว่เหมยได้มองบน ใส่เธออย่างแรง

“ยังจะพูดอะไรอีก? นางแพศยานั่น! ฉันว่าหล่อนนั้นไม่เห็นโลง ศพไม่หลั่งน้ำตา รอให้ฉันสืบว่าเธออยู่ที่ไหนมาได้ ฉันต้อง…….

ข้างๆ เสี่ยวเหอก็ได้มองบนอย่างทนไม่ไหว ก็ได้หัวเราะอย่าง เย็นชา

“เป็นหลานตัวเองทั้งคู่แท้ๆ ดูที่พูด คนหนึ่งหายตัวไม่ได้ไม่ ถาม อีกคนหายตัวกลับร้อนใจซะขนาดนี้ ก็ไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่
ซึ่งเขียวเต๋อก็ได้ทนต่อไปไม่ได้

“เธอพูดอะไร? ถ้ายังที่จะพูดอะไรบ้าๆ ออกมาอีกนะฉันนึก ปากเธอแน่!”

เสี่ยวเหอสีหน้าเย็นชา “อ้อ? งั้นคุณก็ลองดู ที่นี่เป็นวัฒนธรรม ซึงฮุย ไม่ใช่จึงชื่อกรุ๊ปของพวกคุณ คุณว่าตัวเองสามารถที่จะฉีก ปากฉันได้ไหม!!

“แก!”

“พอแล้ว!”

หวังเสวีเหมยก็ได้ห้ามเขาไว้ ก็ได้มองเสี่ยวเหออยากเยือกเย็น พูดเสียงเข้ม “พูดอะไรไร้สาระกับสุนัขรับใช้ทำไม? พวกเรา กลับ!!

หยูซิ่วเหลียนได้ไม่พอใจเล็กน้อย

“แม่คะ เธอไม่ได้บอกว่าเสี่ยวหย่าอยู่ที่ไหนเหรอ? ขั้นตอนนี้ พวกเรากลับไปจะทํายังไงดี? คนพวกนั้นช่วงบ่ายก็จะ…….

“เรื่องนี้กลับไปค่อยพูด”

หวังเสว่เหมยก็ได้กลับไปแบบไม่ได้อะไรอีกครั้ง

จิ้งหนึ่งฟังที่เสี่ยวเหอรายงานเสร็จ ก็ยิ่งรู้สึกไปอีกว่าเรื่องนี้มัน เหมาะเจาะเกินไป

เห็นท่าทางของพวกเขา เรื่องที่จิ้งเสี่ยวหย่าหายตัวนั้นเป็น ความจริงแน่ๆ!
เธอนั้นจะมาหาคน ก็ต้องหายตัวระหว่างทางที่มาจากเมืองจีน ถึงเกาะซีหนิงแน่ๆ งั้นจะไปไหนได้อีก?

ซึ่งหนึ่งนั่งคิดไป คิดไปอยู่นาน ก็ได้ลุกขึ้นไปที่ห้องหนังสือของ ลู่จิ่งเซ็น

ลู่วิ่งเป็นตอนนี้กำลังจัดการเรื่องงาน จิ้งหนึ่งไม่ได้รบกวนเขา ก็ได้เดินตรงไปที่ชั้นวางหนังสือเตี้ยๆ ข้างๆ ก็ได้ค้นเอาแผนที่ ออกมาอันหนึ่ง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ