วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 936 คําสาปแห่งโชคชะตา



บทที่ 936 คําสาปแห่งโชคชะตา

ในตอนที่เขาเดินทางไปที่ประเทศจีน เขาได้ผ่านหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง และได้ยินมาว่า ในหมู่บ้านแห่งนั้นมีอาจารย์ท่านหนึ่งที่ ชื่นชอบการสะสมของโบราณ อาจารย์ท่านนั้นมีอายุมากกว่าเก้า สิบปีแล้ว แต่ร่างกายยังคงแข็งแรง ในตอนที่เขายังเป็นหนุ่ม เขา ได้เดินทางตั้งแต่เหนือจรดใต้เพื่อรวบรวมของโบราณ พอแก่ตัว ลงเขาก็ไม่อยากอยู่ในเมือง เพราะอากาศไม่ค่อยดี เลยพาหลาน สาวย้ายไปอยู่ที่ชนบท

ปกติแล้วเจียงต่มักจะชอบค้นคว้าเกี่ยวกับโบราณวัตถุ และ นั่นก็นับได้ว่าเป็นงานอดิเรกของเขา ดังนั้นเขาจึงไปเยี่ยมเยียน เพราะอยากจะดูโบราณวัตถุสองสามชิ้นที่เขาสนใจ

และอีกฝ่ายก็ไม่ได้ปฏิเสธเขาแต่อย่างใด แต่กลับให้การ

ต้อนรับเขาอย่างอบอุ่น อีกทั้งยังนำสิ่งของดีๆ ที่ตัวเองมีทั้งหมด

มาให้เขาดูอีกต่างหาก

ท่านเป็นคนที่มีฐานะดีมากคนหนึ่ง หนำซ้ำยังไม่กลัวว่าเมื่อดู เสร็จแล้วเขาจะแย่งชิงไปทันที ยังคงรอให้เขาดูเสร็จ แล้วถึงจะ เก็บสิ่งนั้นไป

เขายิ้มและวางสํารับอาหารที่เขากินเสร็จแล้วไว้ จากนั้นก็ส่ง เขาออกไป

และในตอนนั้นเอง ที่เจียงได้เห็นแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ชั้นนั้น
จากที่เขาพูดมา ในตอนนั้นแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ถูกเก็บเอา ไว้ในที่ที่ไม่ได้โดดเด่นเท่าไหร่นัก จะพูดว่ามันถูกโยนเอาไว้บน โต๊ะตัวเก่า และปนอยู่กับของชิ้นเล็กชิ้นน้อยอื่นๆ ที่ไม่มีค่าก็ว่าได้

ดูเหมือนว่า พวกเขาจะเพิ่งขุดของเหล่านั้นขึ้นมาจากดิน เพราะบนของพวกนั้นยังคงมีกลิ่นของดินติดอยู่ และแผ่นหยก คัมภีร์สวรรค์ชิ้นนั้นก็เช่นเดียวกัน

ไม่รู้เหมือนกันว่าตาของท่านปูไม่ดีเองหรือเปล่า เขาไม่เห็น คุณค่าของแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ชิ้นนั้น หรือเดิมทีแล้วเขาก็ไม่ ได้ชอบอะไรแบบนั้นอยู่แล้ว เพราะบนแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ยัง ไม่ได้ถูกทําความสะอาด แต่วางเอาไว้อย่างนั้นเลย

เขาเห็นมัน ในตอนที่เขากำลังจะกลับพอดี ความจริงเขาก็ อยากจะเข้าไปดูให้ละเอียดกว่านี้อีกสักหน่อย แต่ก็ช่วยไม่ได้ เพราะมันใกล้ได้เวลาขึ้นเครื่องแล้ว เขาจึงไม่สามารถอยู่ต่อได้

และอีกอย่างท่านก็ไม่ได้ตั้งใจจะรั้งให้เขาอยู่ต่อ เขาจึงไม่

สามารถทำเกินกฎเกณฑ์ได้ ดังนั้นเขาจำต้องจากไป

และด้วยเหตุนี้เอง ในตอนนั้นเขาจึงทำได้แค่เพียงกวาด สายตามองมันคร่าวๆ เท่านั้น และเขาก็ไม่ได้มั่นใจร้อย เปอร์เซ็นต์ว่า ของชิ้นนั้นมันจะเป็นแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์

ตอนนี้ เขาแค่คิดที่จะลองเสี่ยงดู และให้เบาะแสนี้แก่กู้ซือ เฉียน

หลังจากที่กู้ซือเฉียนฟังจบ เขาก็นิ่งเงียบไปประมาณสองสามวินาที
จากนั้นเขาก็มองตรงไปที่ เจียง และถามออกไปว่า “ท่าน ที่คุณเพิ่งจะพูดถึงเมื่อสักครู่นี้ เขาชื่อว่าอะไรนะครับ?”

เจียงคําตอบกลับไปว่า “เขาแซ่ซิว ส่วนชื่อของเขาผมเองก็ไม่รู้ เหมือนกันครับ ผมรู้เพียงแค่ว่าภายใต้ยุทธจักรนี้สมญานามของ เขาคือตาแก่ชิวคนที่อายุมากกว่าหรือคนที่ไม่คุ้นเคย ลับหลังก็ เรียกเขาว่าอย่างนี้กันหมด แม้กระทั่งคนรุ่นหลังที่เคารพนับถือ เขา ก็เรียกเขาแค่ว่าท่านซิว”

กู้ซือเฉียนพยักหน้าตอบรับ

“เข้าใจแล้วครับ ขอบคุณนะครับสำหรับเบาะแสทั้งหมด หลัง จากที่ฉันได้ตรวจสอบเบาะแสนี้แล้ว ฉันจะติดต่อกลับไปหาคุณ อีกที พอถึงตอนนั้นถ้าคุณมีเรื่องอะไรที่อยากจะขอร้อง คุณก็บอก ฉันมาได้โดยตรงเลยนะครับ”

เจียงตำรีบลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว และกล่าวขอบคุณออกมา

“ขอบคุณมากนะครับคุณ ผมไม่มีเรื่องที่อยากจะขอร้อง หรอกครับ ถ้ามันสามารถช่วยคุณได้ นั่นก็ถือว่าเป็นเกียรติอย่าง สูงสําหรับผมแล้ว”

กู้ซื้อเนียนเม้มริมฝีปากแน่น และไม่ได้สนใจคำพูดที่สุภาพ ของเขาเท่าไหร่นัก

และให้ลุงโอเดินออกไปส่งเขา หลังจากนั้นก็กลับมาพูดคุยกับ เฉียวฉี

“คุณคิดว่าสิ่งที่เขาพูดมา มันเป็นเรื่องจริงหรือว่าเรื่องโกหกกันแน่?”

เฉียว ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดออกไปว่า “ฉันไม่คิดว่า เขาจะโกหกเรานะ ดูแล้วเขาก็เป็นคนที่ซื่อสัตย์คนหนึ่งเลย ว่ากัน ว่าเขาทําได้ดีมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อีกอย่าง เขาคงไม่ กล้าโกหกคุณ เกี่ยวกับข้อเท็จจริงของเบาะแสนี้หรอกมั้ง ”

เธอหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง และหัวเราะออกมา “ใครจะไปรู้ล่ะ?

ต้องไปที่นั่น พอได้ดูสิ่งสิ่งนั้นเดี๋ยวก็จะรู้ได้เอง”

กู้ซื้อเฉียนพยักหน้าตอบรับ “งั้นพรุ่งนี้พวกเราเดินทางไป ประเทศจีนกัน”

เฉียวฉีตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นเธอก็พูดออกไปด้วยน้ำเสียง ประหลาดใจว่า “ทำไมมันถึงได้เร็วขนาดนี้ล่ะ?”

“แน่นอน ผมป่าวประกาศเรื่องแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ออกไป แล้ว และตอนนี้ทุกคนต่างก็รู้เรื่องนี้กันหมดแล้ว ว่าของสิ่งนี้มี ทั้งหมดสิบสองชิ้น และอีกอย่างคนที่อยากจะได้ของสิ่งนี้ไม่ใช่แค่ เพียงหนานกงจิ่นและเราสองสามคนเท่านั้น จะต้องมีคนอื่นที่ อยากจะได้มันเหมือนกันอย่างแน่นอน

“การที่เจียงเอาข่าวนี้มาเปิดเผยให้เราได้รู้ นั่นก็รับประกัน ไม่ได้ว่าเขาจะไม่เอาไปบอกคนอื่นด้วยเหมือนกัน เพราะอย่างนั้น เราจึงต้องชิงลงมือก่อน”

เมื่อได้ยินแบบนี้ เฉียวฉีก็มีปฏิกิริยาตอบสนองขึ้นมาทันที จากนั้นเธอก็พยักหน้าตอบกลับไป “ได้ งั้นฉันจะไปเก็บของตอน นี้เลย”
“โอเค”

หลังจากที่เฉียวขึ้นไปที่ชั้นบนแล้ว กู้ซื้อเฉียนก็เดินไปสั่งให้ ฉินเยวไปจัดเตรียมรถและเครื่องบินที่จะเดินทางไปในวันพรุ่งนี้ และในเวลาเดียวกัน เขาก็ต่อสายไปหาจิ้งหนึ่ง

เมื่อได้รับสายโทรศัพท์จากเขา จึงหนิงก็รู้สึกแปลกใจขึ้นมา เล็กน้อย

กู้ซื้อเฉียนไม่ได้ปิดบังเหตุผลที่เขากำลังจะไปประเทศจีนใน ครั้งนี้แต่อย่างใด เพราะเขารู้ว่า เมื่อเขาไปถึงประเทศจีน ไม่ว่า เขาจะทำอะไร พวกเขาก็ต้องรู้การเคลื่อนไหวของเขาอย่าง แน่นอน

เมื่อถึงตอนนั้นแทนที่จะต้องมาคอยหวาดระแวงกัน สู้บอกไป เลยตั้งแต่ตอนนี้จะยังดีกว่า

และเมื่อมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับความเป็นความตายของเฉียว

เขาจึงเชื่อว่าจิ้งหนิงและลู่วิ่งเป็นจะต้องไม่นิ่งเฉยอย่างแน่นอน

แน่นอนว่า หลังจากที่วิ่งหนึ่งฟังจบ หล่อนก็ตอบตกลงทันที และบอกให้พวกเขาออกเดินทางไปก่อน แล้วหล่อนกับลู่จิ่งเซ็น จะจัดการเรื่องอื่นๆ ให้

เพียงไม่นานกู้ซื้อเฉียนก็กดวางสาย

และทันทีที่เขาวางสายไป จึงหนึ่งก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้น หล่อนก็นำเรื่องนี้ไปบอกกับไม่หนาน เพื่อให้เขาไปตรวจสอบ เรื่องของท่านปูชิวสักหน่อย
กู้ซื้อเขียนและคนอื่นๆ จะออกเดินทางในวันพรุ่งนี้ เพราะอย่าง นั้นก่อนหน้าที่พวกเขาจะออกเดินทาง ก็ยังเหลือเวลาอีกสิบ ชั่วโมง เธอจึงหวังว่าข่าวที่เธอไปหามา มันจะเป็นประโยชน์ต่อ พวกเขาบ้างที่จะเริ่มออกมาเดินทางในวันพรุ่งนี้

ด้วยความที่เรื่องนี้อยู่ในประเทศจีน เพราะอย่างนั้น ไม่หนาน จึงตรวจสอบมันได้ไม่ยาก

ไม่นาน เธอก็สืบหาข่าวได้ และนำมันกลับไปบอกพวกเขาอีก ครั้ง

จากการไปสืบข่าวมาของโม่หนานท่านปูชิวคนนี้ ตอนที่เขายัง เป็นหนุ่มเขาก็เป็นพ่อค้าของเก่าที่ทุกคนต่างก็รู้จักกันเป็นอย่างดี

หลังจากที่ได้เดินทางขึ้นเหนือจรดใต้มาตลอดหลายสิบปี เขา ก็ได้สินค้าดีๆ มามากมาย แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะการซื้อเข้าขายอ อกวัตถุโบราณเหล่านี้หรือเปล่า ที่ทำให้สูญเสียผลบุญไป หรือ อาจเพราะสาเหตุอื่น

เขามีลูกชายสองคน และลูกสะใภ้อีกสองคน หลังจากนั้นทั้งคู่ ก็เสียชีวิตลงทีละคนๆ อย่างไม่ทราบสาเหตุ

ส่วนภรรยาของเขาก็ด่วนจากไปเร็วมากเช่นกัน เมื่อลูกชาย ของเขาเสียชีวิตลง ก็ได้ทิ้งลูกเอาไว้คนหนึ่ง เพราะอย่างนั้นเขาก็ เลยต้องเลี้ยงดูเด็กคนนั้นต่อ และพาไปไหนมาไหนด้วย ต่อมา เด็กคนนั้นก็ได้แต่งงาน และให้กำเนิดลูกสาวคนหนึ่ง

ความจริงเขาก็คิดว่าหลังจากนี้ครอบครัวของเขาก็คงจะได้อยู่ อย่างมีความสุข แต่ไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะคำสาปจริงๆ หรือเปล่าเพราะเพียงไม่นานพวกเขาสองสามีภรรยาก็เสียชีวิตลงด้วย อุบัติเหตุทางรถยนต์

หลังจากที่พวกเขาเสียชีวิต ก็ทิ้งเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเอาไว้ชื่อว่า เสี่ยวฮัว ท่าน วทนไม่ได้ที่จะต้องมาเห็นเด็กหญิงตัวเล็กๆ ถูก ทิ้งเอาไว้ข้างนอกเพียงลำพัง เพราะอย่างนั้นเขาจึงเอาเด็กคนนั้น มาเลี้ยง แต่ด้วยความที่เขากลัวว่าหล่อนจะเป็นเหมือนกับปู่ย่า และพ่อแม่ของหล่อน เพราะอย่างนั้นเขาก็เลยเปลี่ยนชื่อเล่นให้ หล่อนว่าหมาน้อย

ในชนบท มีเด็กชายคนหนึ่งที่ชื่อว่าหมาน้อย ในขณะที่ทุกคน กำลังมีความสุขอยู่นั้นจู่ๆ เด็กชายก็เสียชีวิต แถมไม่มีใครรู้สึก อะไรด้วยซ้ำ

แต่เด็กผู้หญิงกลับไม่เหมือนกัน

เสี่ยวฮัวไม่เคยยอมรับชื่อของตัวเองเลย ไม่เพียงแต่ท่าน วจะเปลี่ยนชื่อให้เธอแล้ว เขายังฝากเธอให้เพื่อนบ้านในชนบท เลี้ยงดูเธออีก และจะมาหาเธอเป็นระยะๆ เพราะอย่างนั้นเธอจึง มักจะหนีไป

เขารอจนกระทั่ง เสี่ยวฮัว เติบโตอย่างปลอดภัยจนถึงอายุสิบ แปดปี เขาคิดถึงบ้าน และหลังจากกลับมายังบ้านเกิด เพราะอายุ ที่มากแล้ว ทําให้ใช้ชีวิตไม่ค่อยสะดวก ดังนั้นเขาจึงพาหลาน สาวคนนี้มาอยู่เคียงข้างเขา และคอยดูแลเขาในช่วงบั้นปลาย

แต่ก็ไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะคำสาปแห่งโชคชะตาจริงๆ หรือว่ามันเป็นเพราะอย่างอื่นกันแน่ เพราะเพียงไม่นานหลังจากที่หลาน สาวกลับมาหาเขา จู่ๆ หล่อนก็หายตัวไปอีกครั้ง

ใช่แล้ว มันไม่ใช่การตาย แต่มันเป็นการหายตัวไป


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ