วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่146 ออกกำลังกายเสียหน่อย



ผ้าม่านก็ยังคงไม่มีปัญหาอะไรเช่นเดิม รวมทั้ง ระเบียงทางด้านนอก นอกจากดอกไม้แล้ว ก็ไม่มี อะไรอย่างอื่น

เพื่อความละเอียดรอบคอบ จิ่งเซี้ยวเต๋อให้คน ออกไปดูตรงระเบียงด้านนอก แม้แต่ด้านล่างก็ไม่มี ใครซ่อนอยู่เลยแม้แต่คนเดียว

แล้ว คงจะไม่มีอะไรอยู่แล้ว ถึงจะถูก

จิ่งเสี่ยวหย่าเห็นสถานการณ์แล้ว ก็รู้สึกไม่ อยากจะเชื่อ

“เป็นไปได้ไงคะ? ทั้งๆที่หนูได้ยินว่าผู้หญิงคน นั้นกำลังร้องไห้อยู่ แล้วก็ร้องไห้ออกมาอย่างน่า รันทดด้วย ราวกับว่ามีคนบีบคอเธออยู่อย่างไรอย่าง นั้น ทำไม ทำไมไม่มีคนอยู่กัน?”

เธอเดินไปตรงระเบียงอย่างงงๆ แล้วสำรวจ ด้วยความลุกลี้ลุกลน

แต่ความจริงแล้ว ภายในช่องว่างที่ไม่ได้มี ขนาดใหญ่เช่นนี้ ถ้าหากซ่อนใครเอาไว้ ก็จะต้องเห็น ตั้งแต่แรกแล้ว ไม่มีทางที่จะสามารถซ่อนตัวได้จนถึง ตอนนี้

“หรือ……….จริงๆ…….

“ผีอะไรกัน? ฉันไม่เคยเชื่อเรื่องพวกนี้หรอก

นะ!”

จิ่งเชี่ยวเตอโมโหขึ้นมา แล้วดึงผ้าม่านอย่างแรง และในขณะนี้เองจู่ๆของชิ้นเล็กๆสีดำกร่วงลงมา

จากทางด้านบน

แล้วหลังจากนั้นบริเวณรอบๆก็มีเสียงร้องไห้

ครวญครางดังขึ้นมา

ทุกคนต่างก็พากันตกตะลึง

ราวกับกลายเป็นหินอยู่ตรงนั้น

ทุกคนต่างพากันมองไปยังของชิ้นเล็กๆที่วาง อยู่บนพื้น ผ่านไปซักพักหนึ่งถึงได้เข้าใจ ว่าแท้ที่จริง เสียงร้องไห้ก่อนหน้านี้ เป็นของสิ่งนี้ที่เป็นตัวสร้าง ปัญหานี่เอง

หยู วเหลียนก้มลงหยิบขึ้นมา เห็นเป็นเครื่อง บันทกเสียงขนาดเล็กอันหนึ่ง

คงจะมีคนบันทึกเสียงลงไปก่อนหน้านี้ แล้วตั้ง เวลาเล่นเอาไว้ ดังนั้นจึงเสี่ยวหยาถึงได้ยินเสียง ร้องไห้ของผู้หญิงดังขึ้นเป็นครั้งคราว

“กล้าดียังไง! ”

เธอขว้างสิ่งนั้นลงพื้นอย่างแรง สีหน้าดูแย่มาก

ยิ่งนัก

“ใครกัน? ที่กล้าเอาของแบบนี้มาไว้ในห้อง ของคุณหนูรอง?”

คนรับใช้ที่ตามเข้ามานั้นเห็นสถานการณ์นี้ แล้ว ต่างก็พากันตกใจจนหน้า ด

แล้วรีบส่ายหน้าปฏิเสธ ล้วนแต่ไม่ยอมรับว่า ตัวเองเป็นคนทํา
จึ่งเขียวเผื่อมองจึงเสี่ยวหยาด้วยสีหน้าที่

เคร่งขรึม

“วันนี้มีใครเข้ามาในห้องลูกหรือเปล่า?”

จึงเสี่ยวหยาดูงงๆเล็กน้อย คิดอยู่พักหนึ่ง แล้ว

ส่ายหน้า

“เยอะมากค่ะ หนูจําไม่ได้หรอก”

ทั้งวัน ห้องของเธอมีคนรับใช้เข้าออก ไม่หา หกคน ก็คงสามถึงสี่คน ใครจะไปรู้ว่าจะมีใครมาเล่น อะไรบ้าๆแบบนี้?

“หี! เป็นแบบนี้ใชไหม? ถ้าอย่างนั้นก็แจ้ง ตารวจก็แล้วกัน! พาไปสอบสวนจะต้องเจอตัวแน่” แล้วก็มีคนเริ่มขอร้องให้ยกโทษให้ขึ้นมาใน ทันที

“คุณผู้ชาย ไม่ใช่ฉันจริงๆนะคะ ฉันไม่ทำเรื่อง แบบนี้หรอกค่ะ”

“ใช่ค่ะ พวกเรากับคุณหนูไม่ได้เป็นศัตรูกัน ทําไมจะต้องทําเรื่องแบบนี้กันด้วยล่ะคะ? นี่มันไม่ได้ เป็นผลดีอะไรกับเราเลยนะคะ!”

แต่วิ่งเซียวเต่อฟังพวกเธอเสียที่ไหนกัน?

“เอาล่ะ เรื่องนี้ก็เอาแบบนี้แล้วกัน พวกแก วางใจได้ ถ้าหากไม่ใช่พวกแกทำจริงๆ ก็จะไม่ไป สืบหา แต่ถ้าโดนฉันจับได้ว่าในบ้านนี้มีสายของศัตรู

สายตาของเขาจ้องมองไปยังสองสามคนตรง หน้าอย่างดุๆ พลางยิ้มออกมาอย่างเย็นชา ” ! แล้วอย่ามาหาว่าฉันไม่เกรงใจก็แล้วกัน”

ว่าแล้วก็ให้คนควบคุมตัวคนรับใช้สองสามคน นี้ เข้าออกห้องของ งเสี่ยวหย่าเอาไว้ก่อน รอจนฟ้า สว่างแจ้งความแล้ว ก็ค่อยพาตัวไป

คฤหาสน์บ้านส

ภายในห้องนอนที่เงียบสงัด โทรศัพท์มือถือที่ วางอยู่ตรงหัวเตียงสั่นขึ้น

จิ่งหนิงลืมตาขึ้นมา ร่างบางถูกชายหนุ่มกอด เอาไว้แน่น แขนแข็งแรงวางอยู่บนร่างของเธอ ใน ความมืดนี้สามารถได้กลิ่นหอมจากร่างของชายหนุ่ม ได้อย่างชัดเจน

เธอยกมือขึ้นมาอย่างแผ่วเบา จับมือของชาย หนุ่มเพื่อยกแขนเขาออก แล้วถึงได้โน้มตัวไปหยิบ โทรศัพท์มือถือมา

เห็นเพียงแค่ว่าด้านบนนั้นเป็นข้อความฉบับ หนึ่งที่ไม่ได้ระบุชื่อ ด้วยเนื้อหาง่ายๆ

“จัดการเรื่องเสร็จแล้ว อย่าลืมโอนเงินให้ตรง เวลา

จิ่งหนึ่งยิ้มริมฝีปากโค้ง ไม่ได้ตอบกลับ ซึ่ง หลังจากที่ลบข้อความไปแล้ว ก็วางโทรศัพท์มือถือ เอาไว้ตรงที่เดิม

ทางด้านหลัง ชายหนุ่มส่งเสียงเบาๆ นมา แล้วตามด้วยแขนแข็งแรงนั้นที่ยื่นออกมาแล้วดึงตัว เธอกลับเข้าไปในอ้อมกอดอีกครั้ง

“อะไรหรือครับ?”
ชายหนุ่มไม่ได้ลืมตาขึ้นมา น้ำเสียงยังคงมี ความง่วงและความขี้เกียจอยู่ด้วยเช่นกัน

จิ่งหนึ่งยิ้มแล้วเอ่ยขึ้นเบาๆ “ไม่มีอะไรค่ะ ข้อความขายสินค้าเข้ามาก็เลยถูกปลุกให้ตื่นเฉยๆ เองค่ะ”

ท่ามกลางความมืดนี้ ลู่วิ่งเป็นค่อยๆลืมตาขึ้น มามองหญิงสาวตรงหน้า

ภายในห้องนั้นไม่ใช่ว่าจะไม่มีแสงสว่างอยู่เลย จิ่งหนิงไม่ชอบความมืด ดังนั้นในมุมหนึ่งของห้อง จะ มีโคมไฟตั้งพื้นสีส้มขนาดเล็กวางอยู่ตรงนั้นมาโดย ตลอด เป็นแสงอุ่นๆที่สว่างออกมาท่ามกลางความมืด

นี้

เขามองใบหน้าที่สดใสและสวยงามของหญิง สาวที่อยู่ในอ้อมกอดแล้วยิ้มออกมา

“ดึกขนาดนี้แล้วกลับนอนไม่หลับ ดูแล้วอยาก จะออกกําลังกายเสียหน่อยแล้วใช่ไหม?”

จิ่งหนึงสะดุ้ง และวินาทีต่อมานั้น ก็รู้สึกได้ถึง ความตั้งใจของมือใหญ่ที่วางอยู่ตรงเอวของเธอ แล้ว ริบกระชับทั้งร่างกายขึ้นมาทันที

“ลู่วิ่งเซ็น อย่ากวนสิคะ!”

“ก็คุณนอนไม่หลับไม่ใช่หรือ? ทําให้เหนื่อยก็ จะหลับได้ง่ายนะ”

“ลู่จิ่งเซ็น! อื้อ……..

สี่วันหลังจากนั้น ถังลั่วเหยาได้ปิดกล้องทุกฉากของเรื่องตำนานรักข้ามพิภพเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จังหนึ่งให้เธอเข้ามายังกองถ่ายเรื่องตามหา

เหยียนซื่อหวาและลู่หยื่นจือเป็นเพื่อนสนิทกัน เรื่องตามหาฝันถึงแม้ว่าเหยียนซื่อหวาจะเป็นผู้กำกับ แต่ลู่หยั่นจือนั้นเป็นผู้อยู่เบื้องหลังของการควบคุม และการลงทุนนั่นเอง

จิ่งหนิงเคยสงสัยความสัมพันธ์ของลู่หยั่นจึ อกับลู่วิ่งเซ็น เนื่องจากว่าเธอเคยเห็นลู่หยั่นจือปรา กฏตัวอยู่ในออฟฟิศของลู่วิ่งเขินไม่ใช่แค่เพียงครั้ง เดียวเท่านั้น

ถ้าหากเป็นเพราะเรื่องงานก็ว่าไปอย่าง แต่นี่ เป็นการคุยเล่นกันเพียงเท่านั้น

เวลาของลู่จิ่งเซินนั้นมีค่ามากแค่ไหน ไม่มีใคร รู้ดีเท่าเธออีกแล้ว และยิ่งทำให้เธอรู้สึกสงสัย ว่า บุคคลนี้มีความสัมพันธ์อะไรกับลู่วิ่งเซินกันแน่ ถึง สามารถให้เขาอยู่ที่นี่ได้ตลอดเวลาเช่นนี้

จนกระทั่งวันหนึ่ง ลู่หยั่นจือถือของขวัญมายัง ฝ่ายประชาสัมพันธ์ บอกว่าต้องการพบเธอ

หลังจากที่วิ่งหนิงออกไปแล้ว ลู่หยั่นจือจึงเอ่ย ขึ้นมาอย่างตรงไปตรงมา “คุณอาสะใภ้สี่ ต้อง ขอโทษด้วยจริงๆนะครับ ที่ผมมีตาแต่หามีแววไม่ ไม่รู้ถึงความสัมพันธ์ของคุณอาสี่กับคุณอา มีตรง ไหนที่ทำให้ไม่พอใจต้องขอโทษด้วยนะครับ”

จิ่งหนังเบิกตาขึ้น ด้วยอาการเหมือนกับเจอ เรื่องแปลกประหลาด“เรียกฉันว่าอะไรนะ?”

“คุณอาสะใภ้ !”

จงหนิงตกใจ

ลู่หยั่นจือเห็นสถานการณ์แล้ว จึงรู้ว่าเธอ เข้าใจผิด จึงรับอธิบาย “คืออย่างนี้ครับ ความจริง แล้วผมเองก็เป็นคนของตระกูลลู่แห่งเมืองหลวงนี้ เหมือนกัน เพียงแต่ไม่ใช่สายตรง แล้วอีกอย่างความ สัมพันธ์ก็ค่อนข้างห่างไกลกันด้วยครับ เพราะฉะนั้น คนส่วนมากก็จะไม่รู้กัน หากตามความอาวุโสแล้ว ผมจะต้องเรียกท่านประธานลู่ว่าคุณอาสี่ คุณก็เลย ต้องเป็นคุณอาสะใภ้ ไงครับ”

จิ่งหนังไม่สามารถยิ้มออกมาแบบปกติได้แล้ว

“แท้ที่จริง….ก็เป็นแบบนี้เอง ถ้าอย่างนั้นความ สัมพันธ์ของพวกเราคุณก็รู้แล้วสิ?”

“รู้ครับ ตอนนี้รู้แล้ว”

ลู่หยั่นคือมีอาการดีใจและนึกกลัวออกมา ทําให้จิ่งหนิงเกือบจะคิดไปว่าเขาทําอะไรผิดต่อตัว เองหรือเปล่าไปเสียแล้ว

คุณอาสะใภ้สี่ครับ นี่เป็นของขวัญเล็กๆน้อยๆ จากผม กรุณารับไว้ด้วยครับ”

เขาว่าพลางยื่นกล่องของขวัญออกมา

จิ่งหนีงถอยหลังไปก้าวหนึ่ง

แล้วมองเขาอย่างระแวง

“คุณเองอย่าเรียกฉันว่าอาสะใภ้สื่อะไรนั่นเลยฟังแล้วมันไม่นหูเท่าไหร่ เรียกชื่อฉันเลยดีกว่า!” ลู่หยั่นจือเองก็ไม่ได้ยืนหยัดต่อเช่นกัน จึง หัวเราะออกมา

จิ่งหน่งชี้ไปยังกล่องของขวัญในมือเขา “ฉัน

รับไว้ไม่ได้หรอกค่ะ คุณเอากลับไปเถอะ!” เธอว่าแล้ว กำลังจะก้าวเดินออกไป ลู่หยั่นคือรีบไปขวางเธอเอาไว้ “คุณอา….. งหนิง จริงๆแล้วที่ผมมาครั้งนี้ มี เรื่องอยากจะพบคุณน่ะครับ”

จังหนิงผงะไป แล้วมองเขาด้วยความ ประหลาดใจ “เรื่องอะไรคะ?”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ