วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 801 คอยสังเกตการเปลี่ยนแปลงอย่างเงียบๆ



บทที่ 801 คอยสังเกตการเปลี่ยนแปลงอย่างเงียบๆ

และด้วยทักษะนี้ มันจึงมีส่วนช่วยในงานของ เฉียวอย่างมาก ในภายหลัง และแม้แต่ อาวุธลับที่ซ่อนอยู่ของเธอที่ได้เรียนรู้มาในภาย

หลัง ก็ล้วนแล้วแต่มีพื้นฐานมาจากสิ่งนี้

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ แววตาของเธอก็หม่นหมองลง

มีความรู้สึกแปลก ๆ บางอย่างเกิดขึ้นในหัวใจของเธอ

เมื่อเสี่ยวเยว่เห็นว่าเธอเล่นปาเป้าอย่างเอาจริงเอาจัง หล่อน จึงพูดออกไปด้วยรอยยิ้มว่า “คุณเฉียวคุณปาเป้าได้แม่นยำจริงๆ ค่ะ”

เฉียวคลี่ยิ้มเล็กน้อย เธอหยิบลูกดอกขึ้นมาแล้วยื่นมันไปให้

หล่อน จากนั้นก็พูดออกไปว่า “เธออยากจะลองดูไหม?”

เมื่อได้ยินคําถามนั้น เสี่ยวเยวก็เบิกตากว้างด้วยความ ประหลาดใจ

“ฉันหรือคะ? ไม่เอาค่ะ ไม่เอาค่ะ”

หล่อนโบกไม้โบกมือไปมาปฏิเสธ “ฉันเล่นไม่เป็นหรอกค่ะ”

เฉียว มองตรงไปที่หล่อน พร้อมกับรอยยิ้ม “ถ้าเธอไม่ลอง แล้วเธอจะรู้ได้อย่างไร?”

เมื่อได้ยินเธอพูดแบบนี้ ใจของเสี่ยวเยวก็เต้นแรงขึ้นมา
หลังจากที่ลังเลอยู่นาน สุดท้ายหล่อนก็อดใจไม่ไหว เดินไป หยิบลูกดอกมา

“งั้น… ครั้งนี้ฉันแค่ลอง ถ้าเกิดว่าฉันป่าพลาด คุณก็อย่า

หัวเราะฉันนะคะ”

เฉียวฉพยักหน้าเป็นการตอบรับ “ปาไปเถอะ ฉันไม่หัวเราะ เธอหรอก”

เสี่ยวเยวตั้งท่าเลียนแบบเธอ หล่อนเล็งไปที่เป้าที่แขวนอยู่บน ผนังฝั่งตรงข้าม จากนั้นก็ปามันออกไป

และผลลัพธ์มันก็เป็นไปอย่างที่คาดเอาไว้

เพราะมันไม่ใช่แค่พลาด แต่ลูกดอกมันยังบินลอยออกจากเป้า ไปไกล และอีกนิดเดียวก็จะหลุดจากหน้าต่างบานข้างๆ แล้ว

เมื่อเสี่ยวเยว่เห็นแบบนั้น หล่อนก็รู้สึกเขินอาย และรู้สึกเสียใจ

เล็กน้อย “ตอนที่ฉันดูคุณปา มันเหมือนจะง่ายมากเลย แต่ทำไม

ตอนที่ฉันปา มันต่างกันมากขนาดนี้ล่ะคะ?”

เฉียว พูดออกไปพร้อมกับรอยยิ้มว่า “ตอนที่เธอตั้งท่า มือ และสายตาของเธอจะต้องอยู่ในทิศทางเดียวกัน แต่เมื่อกี้ที่เธอ ปา ทิศทางของมือเธอมันคงจะผิดทิศทาง เธออยากจะลองอีก ครั้งไหม?”

คราวนี้ เสี่ยวเยวส่ายหัวปฏิเสธเป็นพัลวัน

“ไม่ค่ะ ไม่ ไม่ ฉันคิดว่าถึงแม้ว่าฉันจะลองอีกสักกี่ครั้ง ฉันก็ คงจะปาไม่ได้เหมือนเดิม ฉันไม่เคยฝึกมาก่อน และฉันก็ปาไม่เป็นด้วย คุณเล่นเถอะค่ะ”

เมื่อเจียว เห็นแบบนั้น เธอก็ไม่ได้คิดออดอีกต่อไป เธอหยิบ ลูกดอกขึ้นมา จากนั้นก็ปามันออกไป

ลูกดอกเล็กๆ นั้น เมื่อมันมาอยู่ในมือของเธอ ก็เหมือนกับว่า มันมีตาอย่างไรอย่างนั้น

ลูกดอกบินลอยเข้าไปปักอยู่บนเป้า ทีละดอกๆ

เมื่อเสี่ยวเยว่เห็นเช่นนั้น หล่อนก็ถึงกับตกตะลึง

หล่อนเอาแต่ยืนปรบมือไม่หยุดอยู่ข้างๆ

“คุณเฉียวคุณปาได้แม่นมากจริงๆ เท่มากเลย!”

เฉียวฉีกระตุกยิ้มมุมปาก จากนั้นเธอก็เอื้อมมือไปหยิบลูกดอก และกำลังจะปามันอีกครั้ง แต่ทันใดนั้นเอง จู่ๆ หางตาของเธอก็ เหลือบไปเห็นร่างของใครบางคนยืนอยู่ด้านนอกหน้าต่าง เธอจึง หยุดชะงักการเคลื่อนไหวกะทันหัน

เธอขมวดคิ้ว โดยที่ไม่มีใครทันได้สังเกตเห็น จากนั้นก็มองตรง ไปยังร่างที่ยืนอยู่ด้านนอกประตู และถามออกไปว่า “คุณมาที่นี่ ทําไม?”

กู้ซือเฉียนเดินเข้ามา

เขามองดูเธอผ่านทางหน้าต่าง ในดวงตาของเขามีรอยยิ้ม จางๆ ซ่อนอยู่ “เดินเล่น ผ่านมาทางนี้เฉยๆ”

เขาเหลือบมองดูเป้าที่เธอแขวนเอาไว้บนผนัง จากนั้นก็หัวเราะออกมา “ฝึกปาเป้าหรือ? ฉันไม่ได้เห็นมันมาสองสามปี แล้ว พัฒนาขึ้นนะ”

เฉียวฉีได้แต่เค้นเสียงเย็นชาออกมา

เธอขี้เกียจเกินกว่าจะใส่ใจเขา

แต่กู้ซื้อเฉียนก็ไม่รู้ว่าทำไม เพราะมันไม่เหมือนกับครั้งก่อนๆ ครั้งนี้เธอไม่สนใจเขา และหลีกเลี่ยงเขาอย่างชาญฉลาด

เขาจับขอบหน้าต่างเอาไว้ด้วยมือข้างเดียว และก็ออกแรงผลัก จากนั้นร่างทั้งร่างของเขาก็กระโดดเข้ามาอย่างมั่นคง

เฉียว เบิกตากว้าง

เธอหันศีรษะไปด้านข้าง และเธอก็เห็นใบหน้าที่ตื่นตระหนก ของเสี่ยวเยวอย่างที่เธอคิดไว้

เธออดที่จะรู้สึกโกรธขึ้นมาไม่ได้ เธอจึงถามเขาออกไปว่า

“คุณจะทําอะไร?”

กู้ซือเฉียนเลิกคิ้วขึ้นสูง มองดูใบหน้าที่มีรอยแผลเป็นเล็กน้อย ของเธอที่เต็มไปด้วยความโกรธ เขาไม่ขยับเขยื้อนตัวเลยแม้แต่ น้อย เพียงแค่ยิ้มเท่านั้น

“ก็ข้ามหน้าต่างไง เธอไม่เห็นหรือ?”

เฉียวฉี “ ”

มีไฟปะทุขึ้นมาในใจของเธอ มันจะแสดงออกไปก็ไม่ใช่ จะไม่ แสดงออกไปก็ไม่เชิง
แต่เมื่อดูแล้วความจริงนี่เป็นของเขา สุดท้ายเขาจะหรือไม่อะไร มัน

เธอทำได้เพียงแค่หน้าหนีทางที่จะสนใจเขา

เมื่อซื้อเฉียนเห็นแบบนั้น ของเขาก็รู้สึกเหมือนโดนปิดกั้น

เขาว่าผู้หญิงนี้กำลังโกรธอยู่ แต่ได้แม้แต่น้อย เพียงแค่พูดออกไปด้วยเสียงราบเรียบว่า คน ฉันส่งให้ไปสืบหากลุ่มคนลอบสังหารเธอก่อนหน้า

เฉียวฉีตกตะลึงไปหนึ่ง

เธอหันไปมองเขา ข่าวอะไรไหม

ซื้อเฉียนหยิบลูกดอกขึ้นมา จากนั้นก็ปามันออกไป และ ลูกดอกนั้นมันไปจากนั้น ก็ตอบกลับว่า ไม่มี

เฉียวฉีขมวดคิ้วหุ่น

กู้ซือเฉียนจึงออกกำลังหลบซ่อนอยู่ เธอลองคิดดูๆ ไปทำให้เธอ เพราะฉะนั้นเป็นไปได้สูงเขาเป็นศัตรูกับเธอ ก่อน”
เมื่อเฉียว ได้ยินดังนั้น เธอก็ตระหนักได้ถึงความรุนแรงของ เรื่องนี้ เธอก้มศีรษะลงและครุ่นคิดเกี่ยวกับมัน

แต่ถึงอย่างนั้น ไม่ว่าเธอจะพยายามคิดสักแค่ไหน เธอก็คิด

ไม่ออกว่า ใครกันแน่ที่เกลียดเธอมากขนาดนี้ ในช่วงระยะเวลาสี่ปีที่ผ่านมานี้ เธออยู่แต่ในคุก ถ้าจะกันพูด กันตามตรง เธอไม่ได้ไปไหนเลย เพราะอย่างนั้นมันก็เป็นไปไม่

ได้เลยที่เธอจะไปเป็นศัตรูกับใคร

และเมื่อสี่ปีก่อน มันก็เป็นความจริง ที่เธอทำให้ใครหลายคน ต้องขุ่นเคืองใจ แต่ทั้งหมดนั่นมันก็มาจากผลประโยชน์หรือ ความคับแค้นใจขององค์กร

และในตอนนี้ กลุ่มหงส์แดงก็ได้แยกย้ายกันไปแล้ว อีกอย่าง เธอก็ถอนตัวออกมาแล้วด้วย อดีตศัตรูเหล่านั้น บางคนก็ตายไป แล้ว บางคนก็เกษียณอายุไปแล้ว และเท่าที่เธอรู้ ก็ไม่มีใครที่จะ ตามมาแก้แค้นเธอแน่นอน

แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

เมื่อเห็นเธอขมวดคิ้ว และนั่งทำหน้างุนงงแบบนั้น

ดวงตาของกู้ซื้อเฉียนก็เปล่งประกายลึกซึ้งออกมา ความจริง แล้วเขาไม่อยากจะให้เธอมานั่งเดาแบบนี้อีก

“เอาล่ะ ถ้าคิดไม่ออกก็ไม่ต้องคิดแล้ว อีกฝ่ายต้องการที่จะฆ่า เธอ ครั้งนี้ไม่สําเร็จ เพราะอย่างนั้นมันต้องมีครั้งต่อไป เราอย่า เฝ้ารอกระต่ายใต้ต้นไม้เลย คอยสังเกตการเปลี่ยนแปลงอย่างเงียบๆ จะดีกว่า”

เฉียว รู้สึกตกใจ

จากนั้นเธอก็ตระหนักได้ว่า ที่เขาพูดมามันก็มีเหตุผล เธอจึงพยักหน้าตอบรับ “ก็ได้ ฉันเข้าใจแล้ว” กู้อเนียนกัดริมฝีปาก และคลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย

เสี่ยวเยวที่ยืนอยู่ห่างจากพวกเขาไม่ไกล หล่อนก้มศีรษะลง และก็มีความคิดบางอย่างฉายวาบเข้ามาในแววตาของหล่อน

วันถัดมา

ด้วยความที่เฉียวนอนกลางวันมากไป พอตกกลางคืนเธอ เลยนอนไม่หลับ ดังนั้นเธอจึงเล่นปาลูกดอกจนดึกถึงเข้านอน และด้วยเหตุนี้ เช้านี้เธอเลยนอนตื่นสาย

เมื่อเธอลืมตาตื่นขึ้นมา เธอก็เห็นว่าด้านนอกมีสว่างจ้าแล้ว เธอรีบดีดตัวลุกขึ้น และหันไปมองดูเวลา ตอนนี้เป็นเวลาสิบโมง เช้าแล้วจริงๆ

ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ นี้ เฉียวฉพักฟื้นอยู่ในบ้านตลอด เธอ เอาแต่กินๆ นอนๆ เธอรู้สึกว่าน้ำหนักของเธอเพิ่มขึ้นมาเยอะมาก เธอจึงรู้สึกไม่ดีอยู่นิดหน่อย

เธอแทบจะไม่ได้ลุกออกจากเตียง เพราะเมื่อเธอลืมตาตื่นขึ้น เธอก็จะเห็นเสี่ยวเยวผลักประตูเข้ามาในห้อง พร้อมกับถาด อาหารเช้า
“คุณเฉียว คุณตื่นแล้วหรือคะ?” เฉียวพยักหน้าเป็นการตอบรับ

“วันนี้อากาศข้างนอกดีมาก หลังจากที่รับประทานอาหารเช้า เสร็จแล้ว คุณอยากจะออกไปเดินเล่นไหมคะ?”

เฉียว หันหน้าไปมองแสงแดดที่สดใสด้านนอก จากนั้นหัวใจ

ของเธอก็สั่นไหวเล็กน้อย

เธอพยักหน้าตอบรับ “ได้”

เมื่อเสี่ยวเยวได้ยินแบบนี้ ใบหน้าของหล่อนก็เผยสีหน้ามี ความสุขออกมา จากนั้นหล่อนก็พูดออกไปว่า “ถ้าอย่างนั้นฉันจะ ไปเตรียมตัวก่อนนะคะ”

พอพูดเสร็จ หล่อนก็จัดอาหารเช้าในเธอ จากนั้นก็เดินออกไป ด้วยความที่ตอนนี้เฉียวฉียังเดินไม่ค่อยได้ ดังนั้น เมื่อเธอต้อง

ออกไปข้างนอก เธอจึงต้องนั่งวีลแชร์ตลอด

เธออยู่แต่ในบ้านว่างๆ มาหลายวัน เธอจึงรู้สึกเบื่อหน่ายไม่ น้อย และอากาศดีๆ เหมือนอย่างวันนี้มันก็หาไม่ได้ง่ายๆ ออกไป เดินเล่นข้างนอกสักหน่อย มันก็คงจะดีไม่น้อย

เพราะอย่างนั้น เธอจึงรีบรับประทานอาหารเช้า หลังจากนั้น เธอก็นั่งลงบนวีลแชร์และปล่อยให้เสี่ยวเยวผลักเธอออกไป

อากาศข้างนอกแจ่มใส และมีแสงแดดจ้า ช่วงนี้เป็นช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิ ดวงอาทิตย์จึงสาดแสงลงมาบนร่างกายของผู้คน มันให้ความรู้สึกอบอุ่น และแม้ว่าในใจของ ผู้คนจะมีหมอกควัน แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ดูสว่างขึ้นมาไม่น้อย


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ