วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 472 จะเดินหน้าหรือถอยหลังก็ลำบาก



บทที่ 472 จะเดินหน้าหรือถอยหลังก็ลำบาก

บทที่ 472 จะเดินหน้าหรือถอยหลังก็ลำบาก

“พวกเขาส่วนมากก็จะแนะนำให้พวกเธอไปมอบให้ศาลฎีกา แล้วจัดการอย่างตามกฎหมาย ส่วนพวกเธอก็กลับมีรากเหง้าที่ ไม่สะอาดเอง ต่อให้เรื่องนี้คนอื่นจะทำร้าย ปกติก็ชอบทําเรื่องที่ มีพฤติกรรมลักขโมยไม่น้อยอยู่แล้ว”

“หากส่งให้ศาลฎีกา แบบนี้ที่ผ่านมาก็เป็นเรื่องที่ตบตาคนอื่น อยู่แล้ว ต้องถูกขุดออกมา ถึงเวลากระแสหนึ่งยังไม่ทันสงบ อีก กระแสก็มาอีกแล้ว ตระกูลเซ่พวกเธอคงจะจบกันแล้ว”

“ดังนั้น ทางฝั่งแม่พวกเธอก็ไม่กล้าเดินไป และไม่มั่นใจว่า พวกเราจะช่วยพวกเธอไหม ดังนั้นจึงเบี่ยงเบนความคิดไปยังลู่วิ่ง เซิน”

“คนบนโลกชอบคิดอย่างรอบคอบ พวกเราสามีภรรยามี ความสัมพันธ์ที่สามัคคี หากเธอกับเขาเกิดอะไรกันขึ้นมา ต่อให้ เพื่อที่จะปิดปากเธอ เขาก็ต้องช่วยฉันจัดการเรื่องนี้

“ไม่แน่วันข้างหน้าก็อาจจะใช้นี่เป็นจุดอ่อน แล้วมีข้อแม้ที่เยอะ กว่าเดิม และพวกเธอที่เป็นญาติของฝั่งแม่ จึงเป็นก็ยิ่งต้องโกรธ และไม่มีทางฆ่าให้สิ้นซากแน่นอน”

“ดังนั้นดาบอันพวกเธอจึงถือกระบี่อาญาสิทธิ์ อยากจะใช้สิ่งนี้ ข่มขู่ ทําให้พวกเราจะเดินหน้าหรือถอยหลังก็ลำบาก แล้วไม่กลายเป็นร่มป้องกันของตระกูลเซ่ของพวกเธอได้ ฉันพูดถูกไหม?

หลังจากเสียงพูดจบ ทั้งห้องรับแขกก็เต็มไปด้วยความเงียบ

สงบ

เหมือนมีเข็มตกพื้นหนึ่งเข็มก็ยังจะได้ยิน

เซ่เซียงหลิงทำสีหน้าซีดเซียว แล้วจึงตาอันหวาดกลัวมองจึง หนิง ผ่านไปสักพักก็ไม่พูดอะไรออกมา

และด้านข้าง สีหน้าของลู่วิ่งเซ็นไม่สบอารมณ์อย่างมาก ทำ

หน้าเขียวอย่างมาก

เป็นใครก็นึกไม่ถึง เรื่องง่ายๆ เรื่องเดียว พอวิเคราะห์แยกแยะ ออกมา กลับเป็นความจริงที่มืดครึ้มและสกปรกแบบนี้

จู่ๆ ก็มีเสียง “เพล่ง” ดังขึ้น

แก้วชาบนโต๊ะตกลงไปบนพื้น ทุกคนต่างก็สะดุ้งตกใจ

ลู่วิ่งเซินลุกขึ้น เพราะว่าโมโห นัยน์ตาเฉียบคมนั้นเปล่ง ประกายแสงอันเลือดเย็นออกมา เหมือนสามารถทำให้ทะลุ ผิวหนังคนด้วยความเย็นจัดได้

“ป้าหลิว ส่งเธอกลับบ้านเซ่! แล้วบอกพวกเขา วันข้างหน้า เรื่องของตระกูลเซ่ พวกเราตระกูลจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว! ”

ป้าหลิวจึงรีบเดินหน้า แล้วพูดด้วยความเคารพ “ค่ะ”

จิ่งหนิงเลิกคิ้ว แล้วไม่พูดอะไร
เซ่เซียงหลิงกลับทําสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน ใบหน้า เรียวเล็กขาวซีด แล้วพุ่งทะยานไปจับแขนเสื้อของลู่จึงเป็นไว้

“พี่ชาย พี่ทําแบบนี้ไม่ได้นะ พวกเราเป็นญาติกับ ถ้าพวกเรา เกิดเรื่อง ป้าที่จากไปก็คงไม่มีศักดิ์ศรี พี่ไม่สนใจพวกเราไม่ได้ นะ! ‘

ลู่วิ่งเซ็นทําแววตาเลือดเย็น วินาทีต่อไป ป้าหลิวก็เดินหน้าเข้า มาดึงมือของเซ่เซียงหลิงออกด้วยความแข็งกร้าว

“เรื่องที่ตนกระทำขึ้น ก็ต้องรับผิดชอบในผลที่ตามมา อย่าพูด ว่าพวกเราทั้งครอบครัวเป็นลูกพี่ลูกน้องกันเลย ต้องให้เป็นญาติ ทางสายเลือดเดียวกันแท้ๆ กฎระเบียบนี้ก็คงไม่เปลี่ยนแปลง! ” เขาพูดจบ ก็ไม่ได้สนใจเธออีก แล้วสาวเท้าก้าวใหญ่จากไป

เซ่เซียงหลิงจึงฝากความหวังไว้ที่วิ่งหนึ่งแล้ว

เธอร้องไห้ฟูมฟายแล้วขอร้อง “พี่สะใภ้เล็ก ฉันขอร้องเถอะ ถือว่าสงสารพวกเราเถอะ ช่วยพวกเราหน่อยเถอะ! ฉันไม่อยาก แต่งงานกับไอ้เฒ่านั่นจริงๆ ถ้าฉันแต่งงานกับเขา ชีวิตทั้งชีวิต ของฉันก็คงจะเสียไปแล้ว”

จิ่งหนิงพูดด้วยเสียงเรียบ “เรื่องในครอบครัวนี้ ฉันอาจจะพูด อะไรออกมาได้บ้าง แต่เรื่องที่เกี่ยวกับข้างนอก……..

เธอกระตุกริมฝีปากขึ้นอย่างเรียบเฉย “ลูกพี่ลูกน้องของเธอไม่ ช่วย เธอมาขอฉันแล้วจะมีประโยชน์อะไร? ”

“พี่สะใภ้เล็ก พี่ชายรักพี่มากที่สุด เขาต้องฟังพี่ พี่ไปเล้าโลมเขา เขาต้องตกลงแน่นอน”

“อ่อ? ใช่หรอ? ”

เธอเลิกคิ้วขึ้น แล้วยิ้มอย่างเย็นชา “เมื่อกี้ใครบอกว่าฉันเกิด มาต้อยต่ำเกินไป แล้วไม่คู่ควรกับลู่วิ่งเซิน? แล้วยังบอกว่าฉันมี ฐานะที่เทียบไม่ได้กับเธอ? ไหนๆ ก็เป็นแบบนี้แล้ว ฉันก็ไม่มีหน้า ไปขอร้องอะไรแล้ว ยังไงฐานะแบบนี้ของฉัน แม้แต่ตัวเองยังเอา ตัวไม่รอดเลย แล้วจะไปสนใจคนอื่นอีกได้ยังไง? ”

เซ่เซียงหลิงทําสีหน้าที่เปลี่ยนไปทันที แล้วรีบขอร้องขึ้น “ฉัน พูดผิดไปแล้ว พี่สะใภ้เล็ก ฉันเองที่ปากพล่อย ฉันพูดอะไรไป เรื่อยเปื่อยเอง พี่ชายรักพี่ขนาดนั้น แค่พี่พูดอะไรออกมา เขาไม่มี ทางไม่ฟังอยู่แล้ว”

“พี่สะใภ้เล็ก เห็นแก่พวกเราที่เป็นผู้หญิงเหมือนกัน ช่วยฉัน หน่อยเถอะ! ฉันไม่อยากแต่งงานกับไอ้เฒ่านั่นจริงๆ วันข้างหน้า ฉันต้องขอบคุณพี่เป็นอย่างดี ฉันต้องตอบแทนพี่แน่นอน! ”

จิ่งหนิงขมวดคิ้ว แต่สุดท้าย เธอก็ไม่ได้ตกลงด้วย

“เรื่องนี้เธอมาหาฉัน สู้ไปพูดนายหญิงตรงๆ ดีกว่า! ยังไงที่ ผ่านมาท่านก็ดีกับตระกูลเซ่ของพวกเธออยู่แล้ว เรื่องมัน เกี่ยวข้องกับชีวิตการแต่งงานของเธอ ท่านก็คงไม่นั่งนิ่งดูดายอยู่ แล้ว”

พูดจบ ก็ไม่ได้ให้โอกาสพูดกับเธอ แล้วสาวเท้าจากไป พอกลับถึงชั้นบน แล้วเห็นลู่วิ่งเป็นยืนอยู่ตรงหน้าต่าง และกำลังคุยโทรศักดิ์ด้วยสีหน้าที่เคล้าด้วยความเลือดเย็น

เธอไม่อยากไปรบกวน จึงสั่งให้คนใช้ไปยกน้ำชามาสองแก้ว แล้วนั่งอยู่โซฟาข้างๆ แล้วจิบชาเป็นค่าๆ อยู่บ้าง

ผ่านไปไม่นาน ก็เห็นเขาวางสายพลางเดินมาหาเธอ

จิ่งหนิงวางแก้วขาลง แล้วเอ่ยถามด้วยยิ้มจางๆ “พูดจบแล้ว หรอ? ”

ลู่วิ่งเซินไม่พูดไม่จา แค่ทำหน้าเคร่งเครียด มองออกว่าเขายัง คงโทษอยู่

เธอเลิกคิ้วขึ้น และไม่พูดอะไร แล้วเอาหมอนข้างยัดเข้าไปหลัง

เอว

จึงเป็นมองไป หว่างคิ้วขมวดขึ้นเพียงพริบตาอย่างไม่ทัน

สังเกต แล้วเดินมา โน้มตัวลงมายัดหมอนให้เธอ แล้วเอ่ยถาม

“เมื่อยเอาอีกแล้วหรอ? ”

เธอพยักหน้า “ใช่ หลับไม่ค่อยดีตอนเที่ยง เลยทำให้เมื่อย

ตามเรือนร่างมาก”

“งั้นก็ไปนอนอีกสักพักเถอะ”

“นอนไม่หลับ”

ลู่จิ่งเซินมองเธอด้วยสายตาลุ่มลึก จิ่งหนึ่งถูกเขามองจนรู้สึก กลัวเล็กน้อย จึงถอยหลังไป

“คุณมองฉันแบบนี้ไปทำไมกัน? ”
“ขอโทษ เมื่อกี้……”

“ฉันรู้”

เธอถอนหายใจ “แต่ฉันก็ยังโกรธ คุณบอกว่าทำไมถึงมีผู้หญิง มากมายขนาดนั้นจับจ้องคุณไม่ปล่อยล่ะ? อบายมุขทั้งหมดมา ลงที่คุณหมด ฉันสามารถขัดขวางในครั้งนี้ แต่ถ้าเกิดขัดขวางไป สิบครั้งร้อยครั้ง! อนาคต…….

ยังพูดไม่จบ จู่ๆ ท้ายทอยก็ถูกฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งจับไว้ จา จาก นั้น ก็มีจูบประกบลงมา

เธอแค่ทันร้องคำว่า “ซื้อ” เสียงเดียว ลมหายใจในปากจึงถูก แย่งไปทันที

วิ่งหนึ่งค่อยๆ อ่อนตัวลง สองมือจับเสื้อเชิ้ตของผู้ชายไว้ ขนตา สั่นสะเทือนเล็กน้อย

ผ่านไปสักพัก ผู้ชายคนนี้ถึงจะปล่อยเธอออก

เธอหายใจด้วยเสียงเบาไปไม่กี่ครั้ง ใบหน้าเรียวเล็กอัน งดงามนั้นแดงก่ำ แล้วจ้องเขาด้วยความเอาแต่ใจ

“ทําอะไรเนี่ย? ”

ลู่วิ่งเงินทำสีหน้าที่อ่อนโยนขึ้นมา แล้วกระตุกยิ้มตรงมุมปาก “ไม่มีอะไร ก็แค่อยากจูบคุณ”

จิ่งหนึ่งมองเขาด้วยแววตาที่เอาแต่ใจกว่าเดิม ตรงส่วนลึก ของนัยน์ตาแววใส ยังคงทิ้งร่องรอยที่เคลิบเคลิ้มในจูบเมื่อกี้นี้
ลู่จิ่งเซินจึงกลืนน้ำลาย

ไม่พูดไม่ได้ นอกจากตัวจึงหนิงเองที่ดึงดูดเขาจนเอาชีวิตเขา ไปได้ อาหารบำรุงสุขภาพอย่างครบถ้วนเมื่อตอนเที่ยงนี้ ก็เห็น ผลอย่างมาก

พอนึกถึงแบบนี้ นัยน์ตาของเขาจึงอดไม่ได้ที่จะเย็นชาอีกครั้ง แผนการร้ายของผู้หญิงคนนั้นน่ากลัวถึงขั้นนี้ ยังจะหวังว่า ตระกูลลู่จะดึงเธอออกจากเหวอีก ตลกจริงๆ!

นี่ คุณว่าเรื่องนี้ พวกเราควรบอกคุณย่าไหม? ยังไงก็ เกี่ยวข้องกับตระกูลเซ่ จะช่วยหรือไม่ช่วยก็อีกเรื่อง อย่างน้อยก็ บอกคุณย่าให้รู้ก่อน”

ลู่วิ่งเซินจับจ้องไปที่เธอ แล้วพิมพ์ด้วยเสียงเรียบ

“ผมไปพูดเอง”

เขาลุกขึ้นทันที แล้วควักมือถือออกมาโทรหานายหญิง

ในสายเล่าเรื่องคร่าวๆออกมาสักพัก นายหญิงเองก็เครียดจน เรือนร่างสั่นเทา


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ