วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 680 คิดจะทำอะไร



บทที่ 680 คิดจะทำอะไร

อีกฟากหนึ่ง มีกรรมการและผู้ถือหุ้นมากกว่าหนึ่งโหล ทั้งราย ใหญ่และรายย่อย

เพราะเฟิงเหยียนและเฟิงที่ค่อยๆ เติบโตขึ้น ดังนั้น หลาย เรื่องในตอนนี้ เฟิงสิงลังจึงได้มอบหมายให้เพิ่งเหยี่ยนเป็นคน จัดการ

และตัวเองอยู่ในสถานะที่เกษียณไปแล้วครึ่งทาง

ดังนั้นการประชุมในวันนี้ ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ต่างเข้าร่วม แต่ ประธานในที่ประชุมก็ยังเป็นเฟิงเหยี่ยน

ทุกคนไม่รู้สึกแปลกใจกับเรื่องนี้

ที่สุดแล้วความสามารถของเฟิงเหยี่ยนล้วนปรากฏให้เห็นแล้ว ว่าไม่ได้น้อยไปกว่าเฟิงสิ่งลังเลยและแอบจะน่าหน้าไปด้วย

ทุกคนต่างยอมให้กับเขา บวกกับเฟิงสิ่งลังมีความตั้งใจว่าจะ ส่งต่อบริษัทให้เขาอยู่แล้ว ถึงแม้จะไม่ได้พูดอย่างชัดเจน แต่ทั้ง เฟิงชื่อกรุ๊ป ใครบ้างที่ไม่รู้ว่าเฟิงเหยี่ยนคือเจ้าของเฟิงซื่อกรุ๊ปคน ต่อไป?”

ดังนั้นเมื่อทุกคนเห็นสีหน้าที่ไม่ดีของเขาในตอนนี้ในใจก็อด คิดไม่ได้ว่าไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น

ในตอนนั้นเอง เสียงโทรศัพท์ของผู้ถือหุ้นหลายคนก็ดังขึ้น
พวกเขาแอบหยิบขึ้นมาดูและสีหน้าเปลี่ยนในทันที

ถึงแม้เฟิงเหยี่ยนจะให้คนออกไปปิดข่าวนี้แล้ว แต่เรื่องนี้เกิด ขึ้นกลางวันแสกๆ อีกทั้งยังเกิดขึ้นบนถนนใหญ่

ถึงแม้สื่อจะไม่กล้ารายงานข่าวนี้เพราะกลัวเฟิงชื่อกรุ๊ป แต่ว่า สำหรับไทยมุงที่ผ่านไปผ่านมา พวกเขาไม่สนใจเรื่องพวกนี้อยู่

แล้ว

บวกกับผู้ถือหุ้นใหญ่แต่ละคนก็มีแหล่งข่าวเป็นของตัวเอง ดัง นั้น เรื่องนี้ไม่สามารถจะปิดพวกเขาได้อยู่แล้ว

และเพราะแบบนี้ ดังนั้นหลังจากที่เกิดเรื่องแล้ว กูยิงจึงได้ โทรหาเฟิงเหยี่ยน อย่างน้อยก็ไม่ยอมให้เขาไปโรงพยาบาลแล้ว ให้เขาอยู่ที่บริษัทเพื่อจะทำให้คนพวกนี้สงบ

มีคนลุกขึ้นทันทีและพูดด้วยใบหน้าซีดขาว: “ท่านประธานเกิด

เรื่องแล้ว!”

“เอ๊ะ?”

คนอื่นๆ ที่ไม่ได้รับข่าวก็อดแปลกใจไม่ได้เมื่อได้ยินข่าวนั้น และทุกคนก็มองไปที่บุคคลที่พูดด้วยความประหลาดใจ

คนที่พูดเป็นชายวัยกลางคนในวัยสี่สิบของเขาซึ่งเป็นผู้ถือหุ้น รายใหญ่อันดับสองของเฟิงซอกรุ๊ป แซ่หง

ในขณะนี้ เขาก้มหน้าลง มองเฟิงเหยียนอย่างจริงจัง และพูด อย่างเคร่งขรึม: “ผู้จัดการเฟิง การประชุมวันนี้จะพอแค่นี้ก่อนได้ ไหม ท่านประธานเกิดอุบัติเหตุ พวกเราไม่สนใจไม่ได้หรอกนะทุกคนรีบไปที่โรงพยาบาลก่อนจะดีกว่า”

พอพูดแบบนี้ คนฟังก็โกลาหล

ทันใดนั้นก็มีคนถามด้วยความกังวล “คุณว่าอะไรนะ? ท่าน ประธานประสบอุบัติเหตุเหรอ?”

“ใช่น่ะสิ เพิ่งได้ข่าวเมื่อกี้เอง ได้ยินว่าตอนนี้อยู่ในห้องผ่าตัด

เป็นตายเท่ากัน!”

“ใช่ๆ ๆ ฉันก็ได้ข่าว เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้กับท่านประธาน พวกเราควรจะต้องไปเยี่ยมอยู่แล้ว ทุกคนจะอึ้งอยู่ตรงนี้ทำไม? รีบไปสิ ไปๆ ๆ”

พูดแล้วก็จะพากันออกไป

อย่างไรก็ตามในตอนนั้นเองที่เพิ่งเหยี่ยนพูดขึ้น

เขาไม่รีบร้อนและไม่โกรธ แต่ถามด้วยน้ำเสียงสบายๆ “พวก คุณคิดจะทำอะไรกันครับ?

ทุกคนตกตะลึงและหันกลับมา

เห็นเพียงเฟิงเหยียนที่กลับนั่งลงแล้วไขว่ห้างด้วยท่าทีสง่างาม

มองดูพวกเขา

ท่าทางเสียดสีในดวงตาของเขา และความเยือกเย็นแบบนั้น ซึ่งทําให้คนอยากถอยออกมา

ทุกคนต่างตกตะลึงกับรัศมีอันทรงพลังที่เล็ดลอดออกมาจาก เขา และพวกเขาไม่กล้าพูดอะไรอยู่สักพัก
ผ่านไปครู่หนึ่งจึงมีคนพูดขึ้นเบาๆ “พวกเราก็จะไปดูที่โรง พยาบาล”

“ดู?”

เฟิงเหยี่ยนหรี่ตาลองเล็กน้อย “พวกคุณเป็นหมอหรือรู้เรื่อง การช่วยชีวิตเหรอครับ? ไปดูแล้วจะรู้อะไร? หรือจะพูดว่า ที่จริง แล้วพวกคุณไม่ได้เป็นห่วงเป็นใยพ่อผม แต่เป็นห่วงว่าหากเขา เป็นอะไรขึ้นมาแล้ว อำนาจทั้งหมดจะตกไปอยู่ในมือของคนอื่น

เมื่อเขาพูดจบทุกอย่างก็อยู่ในความเงียบ

ทุกคนหันมามองหน้ากัน มองกันไป มองกันมา ไม่มีใครกล้า เปิดปาก

มีเพียงท่านประธานหงที่เป็นคนเปิดประเด็น เห็นแบบนั้นแล้ว

จึงลุกขึ้น

“ผู้จัดการเฟิง คุณพูดแบบนี้ไม่ถูกนะ ทำไมถึงบอกว่าพวกเรา ไม่เป็นห่วงประธานเฟิง? พูดให้ไม่น่าฟัง ต่อให้พวกเราไม่มีความ เป็นมนุษย์ แต่เราก็รู้จักประธานเฟิงมายี่สิบกว่าปี เราร่วมกัน ฝ่าฟันมาตั้งแต่ตอนยังหนุ่ม เรียกได้ว่าเป็นพี่น้อง ความรู้สึกเช่น นั้นไม่อาจจะเรียกว่าจอมปลอมได้หรอก”

“คุณที่เป็นลูกชายแท้ๆ ของท่านประธาน พ่อได้รับบาดเจ็บ สาหัสอยู่ในโรงพยาบาล คุณไม่ไปดูเขาก็ยังพอว่า ทำไมถึงได้ ห้ามพวกเราไม่ให้ไปด้วย? คุณจะหาว่าเราไม่ชอบธรรมงั้นเห รอ?”
คำพูดนี้เรียกได้ว่ามีชั้นเชิงมาก

เป็นการแสดง “มิตรภาพอันยาวนาน” อีกทั้งยังแสดงถึงความ ทะเยอทะยานของเฟิงเหยี่ยนด้วย

จะพูดไปหากจะบอกว่าถ้าพวกเขาไม่ได้ไปแล้วไม่ชอบธรรม เช่นนั้นเฟิงเหยี่ยนที่เป็นลูกแท้ๆ ก็ไม่ไป จะเรียกได้ว่าไม่ชอบ

ธรรมมากกว่าไหม?

เพิ่งเหยี่ยนเงยหน้าขึ้นมองท่านประธานหงแล้วหรี่ตาด้วยรอย ยิ้มเล็กน้อย ในแววตา

“เหรอครับ? ในเมื่อเป็นเช่นนั้น งั้นก็ให้ผมกล่าวหาว่าคุณไม่ ชอบธรรมเถอะครับ อย่างไรเสียพ่อผมก็มีแค่ผมกับน้องชายที่ เป็นลูก หากอดไม่ได้ที่จะตำหนิ อาหงวันนี้ก็พักผ่อนอยู่ที่บริษัท แล้วกัน หากพ่อผมจะว่าอะไรล่ะก็ ผมจะเป็นคนรับผิดชอบเอง”

ท่านประธานหงหยุดนิ่งกะทันหัน

สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นซีดขาวในทันที

ผู้อำนวยการคนอื่นเห็นแบบนี้อดไม่ได้ที่จะพากันขมวดคิ้วและ ไม่พอใจกับการกระทำของเฟิงเหยี่ยนเป็นอย่างมาก

เฟิงเหยี่ยนกลับไม่สนใจพวกเขา และสั่งการผู้ช่วยฉันที่อยู่ข้าง เขา: “ไปชงชาให้พวกผู้อำนวยการหน่อยนะ เอาชาต้าหงเผา กระปุกที่ดีที่สุดในห้องทำงานพ่อผม วันนี้พวกเขาอารมณ์ค่อน ข้างร้อน เชื่อว่าดื่มชาแล้ว อารมณ์คงดีขึ้นเยอะ”

ผู้ช่วยได้ยินแบบนั้นแล้วก็รับคำเบาๆ และหันหลังเดินออกไป
ผ่านไปไม่นานก็ต้มชาเข้ามาจริงๆ สองกา

วางถ้วยชาลงตรงหน้าทุกคนแล้วรินชา แน่นอนว่าตรงหน้าเฟิง เหยี่ยนก็มีแก้วหนึ่ง

เขามองไปที่ชาที่มีควันฉุยและจิบมัน

เมื่อคนอื่นๆ เห็นเช่นนี้ก็ไม่กล้าพูดอะไรหรือยั่วยุอะไร

แต่เอาแต่หันไปมองก็พบว่ามีคนล็อกประตูแล้ว ทำให้พวกเขา ไม่สามารถออกไปจากห้องประชุมได้

ดีที่ตอนนี้เฟิงสิงลังอยู่ในห้องผ่าตัดยังไม่ได้ตายจริงๆ ดังนั้น ถึงแม้ว่าทุกคนจะไม่พอใจอยู่แล้ว กลับไม่กล้าที่จะหักหน้ากัน ตอนนี้

สุดท้ายจึงได้แต่ต้องยอมนั่งลงอย่างไม่เต็มใจ

อีกด้านหนึ่งที่โรงพยาบาล

ตอนที่เพิ่งรีบไปถึงที่โรงพยาบาล เฟิงสิงลังก็ยังไม่ออกจาก ห้องผ่าตัด

ในทางเดินที่ว่างเปล่า มีเพียงยิงนั่งอยู่ตรงนั้น ข้างๆ มีผู้ หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ด้วย พอเขาเห็นก็จำได้ว่าเป็นซูหวาน จึงอด

ประหลาดใจไม่ได้

แต่เวลาเช่นนี้ เขาไม่ว่างพอจะถามอะไรมากมาย หลังจากรีบ วิ่งเข้าไปจึงถามขึ้น “แม่ครับ พ่อเป็นยังไงบ้าง?”

กูยิงเงยหน้ามองเขาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “ยังไม่ออกมา ยังไม่มีรายละเอียดชัดเจน”

เพิ่งได้ยินแล้วก็ได้แต่ขมวดคิ้วแน่น

ซูหว่านเห็นดังนั้นจึงได้พูดปลอบด้วยความหวังดี: “พี่สิ่งลังมี บุญวาสนา จะต้องไม่เป็นไรเฟิง เธอไม่ต้องเป็นห่วงนะ

เฟิงมองเธอ จากนั้นก็หันไปมองแม่ของตน สุดท้ายก็อดไม่ ได้ที่จะถามออกมา: “แม่ครับ ทำไมพวกแม่ถึงอยู่ด้วยกันได้?


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ