วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 90 เขามาสักที



บทที่ 90 เขามาสักที

มรู้ถึงความน่ากลัวของเรื่องนี้ ก็ได้รับ ตอบว่า “ท่านประธาน ด้วยความเร็วที่เร็วที่สุดก็ ต้องใช้เวลาสิบสามนาทีถึงจะถึงครับ

ตั้งแต่สนามบินถึงจูเจียง วจี ความเร็ว ปกตินั้นต้องใช้เวลาหนึ่งชั่วโมง

เมื่อกี้พวกเขาได้ขับมาได้สักพักแล้ว ต่อ ให้ทางทีเหลือ ก็ต้องใช้เวลาสี่สิบนาทีกว่าจะ ถึง

สามารถที่จะลดให้เหลือสิบสามนาทีได้ แบบนี้ ซูซู่ได้ทำเต็มที่แล้ว

ยังไงซะรถยนต์ไม่ใช่เครื่องบิน ต่อให้ ขนาดไหน ก็บินไปไม่ได้

ลู่วิ่งเซินก็ได้เข้าใจที่เหตุผลนั้นดี เขา เม้มปากแน่น ไม่ได้พูดอะไรต่อ

และเวลานี้มีโหงก็ได้รับสายจากลูกน้อง ของตน ขมวดจนเป็นรอย “ฉันรู้แล้ว ฉันไปถามเดี๋ยวนี้

หลังจากที่เขาวางสายไป ก็ได้โทรไป หาม นเจ๋อก่อน

“ยันเจ๋อ วันนี้นายอยู่ที่จูเจียง วจี้ใช่ ไหม?”

เวลานี้ ยั่นเจ๋อยังไม่รู้ว่าได้เกิดอะไรขึ้น ได้ยินแบบนั้นแล้วก็ได้ถามด้วยความสงสัย “ใช่ครับ มีอะไรเหรอ?”

“นายรู้ว่าลูกค้าห้องแปดแปดสองแปด เป็นใครไหม?”

“แปดแปดสองแปด? ” มู่ย็นเจ๋อได้ งไป จากนั้นนัยน์ตาก็ได้กว้างขึ้น

” ผมรู้ครับ เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”

“นายรีบไปดูหน่อย เหตุการณ์เป็นยังไง ฉันไม่รู้ แต่ว่าคนที่อยู่ในนั้นจะเป็นอะไรไม่ได้ ไม่งั้นตระกูลมู่ทั้งตระกูลได้จบกันไปตามแน่ๆ

มู่ มเจ่อขมวดคิ้ว สหน้าเริ่มไม่ดี “มีคนข่มขู่ท่าน? ใครสามารถที่จะข่มขู่ พอได้อีก?”

เสียงที่เย็นๆ ของ โหงได้ส่งมา “ลู่วิ่ง

เซ็นได้ไหม?”

มู่ยั่นเจ๋อ ..….….…..

เขาก็ได้นึกอะไรนมาได้ หน้าก็ได้ เปลี่ยนไปทันที

“ผมรีบไปเดี๋ยวนี้”

วางสาย มูยั่นเจ๋อไม่พูดอะไรก็ลุกขึ้น เอา เสื้อแล้วเดินออกไปข้างนอก

แต่ยังไม่ถึงประตู ก็ได้ถูกปูหงเซียวขวาง

“พี พีจะไปไหน?”

ไว้

มู่ยั่นเจ๋อหน้าเครียด “ฉันมีธุระออกไป แบบ เธอกับคุณกวนทานข้าวอยู่ที่นี่ต่อเถอะ เดี๋ยวฉันกลับมา”

มู่หงเขียวกลับไม่ยอม เบะปาก “ฉันไม่! พูดกันแล้วว่าพี่พาพวกเราออกมาทานข้าว กิน ไปได้ครึ่งเดียวตัวเองก็วิ่งออกไปนับอะไร? เมื่อก่อน ออกไปก็ช่างมันแล้ว วันนี้เป็นวัน เกิดของฉันนะ ไม่ว่าพี่พูดอะไรก็ไปไม่ได้”

มู่ยั่นเจ๋อเริ่มรําคาญ

“ฉันไม่ใชไม่กลับมาสักหน่อย ห้องตรง ข้ามเหมือนว่าจะมีเรื่อง จิ่งหนึ่งยังอยู่ข้างใน ฉันไปดูเท่านั้นเอง ระยะห่างแค่ไม่กี่ก้าว เดี๋ยว ก็กลับมา”

มู่หงเซียวได้ยินแบบนั้น สีหน้าก็ได้ เปลี่ยนไป

เธอก็ได้ขวางประตูมากกว่าเดิม กัดฟัน แล้วพูดว่า “ไม่ได้ พี่ไปไม่ได้”

มู่ยันเจ๋อได้ขมวดคิ้วยิ่งกว่าเดิม มองมู่หง

เขียวด้วยความสงสัย

“หงเซียว เธอหาเรื่องอะไรลับหลังฉัน?”

มู่หงเขียวเริ่มมีพิรุธ สายตาเธอได้สั่นไหว ยืนอก “ฉันไม่ได้ ทํานะ ฉันก็แค่ไม่อยากให้พี่น้นไปหาผู้หญิงคน นั่นก็เท่านั้นเอง พี่ ฉันก็ช่างแล้ว วันนี้พี่เย หวั่นก็อยู่ที่นี่” พี่ยังอยากจะไปห้องตรงข้ามไป หาเธอ พี่เอาพี่เยว่หวั่นไปไว้ที่ไหน? พี่เป็น แบบนี้ได้ยังไง?

กวนเยว่หวั่นยิ้มอย่างทําตัวไม่ถูก “หง เขียว เธออย่าพูดแบบนี้…..

แด่มหงเซียวจะไม่สนที่เธอพูดที่ไหน ยิ่ง พูดก็เหมือนว่าเป็นแบบนั้น ก็ได้น้อยใจกว่าเดิม

“พี่ พี่เสี่ยวหย่าตอนนี้ยังน้องที่โรง พยาบาล ลูกก็ไม่มีแล้ว ทั้งหมดนั้นเธอเป็นคน ทํา มาถึงตรงนี้แล้ว พี่ยังจะปกป้องเธอ พี่ยัง เป็นลูกผู้ชายอยู่ไหม?”

บ่ยั่นเจ๋อขมวดคิ้วแน่น

สักพัก ได้สูดหายใจเข้าไปลึกๆ

“เมื่อกี้พอโทรมา บอกว่าลู่วิ่งเซ็นได้ข่มขู่ ตระกูล ของพวกเรา ฉันสงสัยว่าเกิดเรื่องกับ จิ่งหนึ่ง”

กวนเยว่หวั่นอึ้งไป สีหน้าได้เปลี่ยนเล็ก

น้อย

มู่หงเขียวกลับโมโหขึ้นมาเลยทันที

“พี่พูดอะไรนะ? เพื่อผู้หญิงคนนั้นแล้ว จิ่งเชินได้ข่มขู่ตระกูลเรา? นางนั่นมันดีตรง ไหน? ก็แค่คนที่ถูกเล่นแล้วทิ้ง คุ้มกับการที่ เขาต้องทําแบบนั้นเหรอ?”

สีหน้าของมู่ยันเจ๋อได้เยือกเย็น

“หงเชียว! เธอพูดบ้าอะไร?

มู่หงเขียวนิ่งไป

“ฉันคบกับจิ้งหนังมาหกปีไม่เคยมีอะไร กันเลย อะไรของที่เล่นแล้วทิ้ง? คำพูดพวกนี้ ใครสอนเธอ?”

“ฉัน

กวนเยว่หวั่นรีบลุกขึ้น เข้าไปลากแขน ของมู่ยั่นเจ๋อ “คุณมู่ หงเซียว แค่ปากไวถึงได้พูด อะไรมั่วๆ ออกมา แต่ว่าฉันรู้สึกว่าคุณไปตอนนี้

ไม่เหมาะเท่าไหร่

มู่ยั่นเจ๋อขมวดคิด

คุณกวน หรือว่าคุณเห็นคนต้องการ ความช่วยเหลือแล้วไม่ช่วย? ถึงแม้ว่าเธอนั้น จะเป็นคนที่ปากร้ายใจแข็ง แต่ถ้าได้เกิดเรื่อง จริง……

กวนเยว่หวั่นสีหน้าได้เสียไปทันที “ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น ก็แค่…….

กวนเยว่หวั่นได้ไปกระซิบที่ข้างหมู่ยั่น

เจ๋อ

สีหน้าของมู่ยั่นเจ๋อได้เปลี่ยนไปทันที “คุณพูดเป็นเรื่องจริง?

กวนเยว่หวั่นพยักหน้าอย่างแรง

“เพราะงั้น เพื่อเสียวหย่า คุณไปไม่ได้

เข้าใจไหมคะ?” มู่ยั่นเจ๋อ ”

ห้องที่อยู่ตรงข้ามไม่มีความเคลื่อนไหว

อะไร

สิบนาที วิ่งเขินก็ได้มาถึง

ทางที่เร็วที่สุดก็ต้องใช้เวลาสิบสามนาที ก็ได้ถูกเขาเร่งจนลดไปเลยสามนาที

ซูมู่สาบานได้ ตลอดชีวิตของเขาไม่เคย ที่จะขับรถเร็วขนาดนี้มาก่อน ขันเร่งได้เหยียบ จนมิด รถนั้นเหมือนว่าจะบินขึ้นมาได้

เข้าไปจูเจียงกั๋วจี้ ก็ได้มีพนักงานเข้ามา ต้องรับทันที

“คุณผู้ชาย ไม่ทราบว่าได้จองห้องไว้ ไหม? หรือว่า…….

“ห้องแปดแปดสองแปดอยู่ที่ไหน?”

พนักงานได้มอง หน้าที่เหมือนกับ ยมทูตของจิ่งเขิน ก็ได้อึ้งไป ในใจนั้นก็เริ่ม หวั่น

“คุณผู้ชาย คุณจะ……

“ฉันถามว่าห้องแปดแปดสองแปดอยู่

ไหน?”

สายตาของสูงเซ็นได้เย็นราวกับน้ำ แข็ง ซูมู่ก็ได้พูดเสียงเข้ม รีบพูด! ช้ากว่านี้แก ตายแน่! ”

วพนักงานได้สั่น ก็ได้สติ

“อยู่ชั้นแปดด้านซ้ายตรงไป

สู่จิ่งเป็นได้ก้าวเข้าไปทางลิฟต์

ไม่นายลิฟต์ก็มาถึง ประตูยังไม่ปิด ก็ได้มี มือมาบังไป ขวางประตูลิฟต์ที่กำลังจะปิด

“เดี๋ยวก่อน! ”

เห็นว่ามีกลุ่มคนได้วิ่งมาพร้อมหอบ ตอน ที่เห็นลู่จิ่งเซินกับซูมู่ ก็ได้สะดุ้ง

“ประธาน คุณมาแล้วเหรอครับ” สูจิ่งเซินมองพวกเขาด้วยสีหน้าที่เย็น ทุกคนได้ก้มหน้าลงด้วยความกลัว

พวกเขาเป็นคนที่จิ่งเซินโทรไปสั่งตอน อยู่ที่รถ ก็แค่เพราะว่าคืนนี้ไม่ได้อยู่ทางนี้ แล้ว ก็เวลา ทางที่พวกเขามานั้นรถก็ได้ติดมากๆ เพราะงั้นพวกเขาได้วิ่งมา

คิดไม่ถึงว่ายังมาช้าไป

ลู่จิ่งเป็นกระตุกมุมปากด้วยความน่ากลัว พูดเสียงเย็นว่า “พิงหวังพวกนาย กลัวว่า กับข้าวก็ได้เย็นหมดแล้ว

คนกลุ่มนั้นได้ก้มหน้า เหมือนกับเด็ก นักเรียนที่โดนด

“ประธาน ขอโทษครับ พวกเราผิดไป แล้ว”

ลู่วิ่งเชินเม้มปากแน่น ไม่พูดอะไร

คนทั้งกลุ่มได้ไปถึงในแปด ลูซึ่งเป็นก็ได้ รีบเดินเข้าไป คนที่เหลือก็ได้เดินตาม พนักงานไม่รู้จักพวกเขา เห็นเป็นคน กลุ่มหนึ่งที่ได้เดินเข้ามาอย่างน่ากลัว ก็ได้ กใจกันทันที

พนักงานคนหนึ่งก็ได้เดินเข้าไปถาม “คุณครับ ไม่ทราบว่าพวกคุณ…….

“ไปไกลๆ !”

แล้วก็มีคนผลักเขาออกไป ไม่นาน ก็หา ห้องแปดแปดสองแปดเจอ

ประตูห้องถูกล็อกไว้จากด้านในใน ด้าน ในไม่มีเสียงอะไรเลย

ลู่จึงเชินยืนอยู่ที่หน้าประตู กัดฟันแน่น ใบหน้าที่หล่อเหลานั้นได้ดึงเครียดมากจน แทบจะกัดเอ็นขาดได้

ใบหน้าเขาได้เย็น พูดอย่างเยือกเย็น “เปิดประตูให้ฉัน”

คนที่เหลือที่เห็น ก็เหมือนจะเดาได้ว่า เกิดอะไรขบข้างใน ก็ได้นิ่งเงียบไปชั่วขณะ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ