วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 1031 เจอที่โรงละครโดยบังเอิญ



บทที่ 1031 เจอที่โรงละครโดยบังเอิญ

เธออยู่ในวงการบันเทิงมาหลายปี เป็นผู้เชี่ยวชาญในการ ประเมินการแสดงต่างๆ อยู่แล้ว

ดังนั้น ถึงแม้อีกฝ่ายแค่เพิ่งเปิดฉากเอง เธอก็ดูกลเม็ดออกได้ ไม่น้อยแล้ว

ถึงอย่างไรก็เป็นละครรายการรองสุดท้ายที่แสดงต่อหน้า สาธารณชนในรอบไม่กี่ปี

ไม่เพียงแค่พื้นฐานความชำนาญของเหล่านักแสดงที่ยอด เยี่ยม ทั้งการออกแบบเวทีกับอุปกรณ์ประกอบฉากก็ทำได้ดีมาก ในระดับหนึ่งด้วย

เห็นแต่หินก้อนใหญ่ตกลงมาจากบนฟ้า ตอนแรกเหล่านัก แสดงตัวประกอบที่อยู่ข้างๆ คือหวาดกลัว จากนั้นค่อยๆ กลาย เป็นอยากรู้อยากเห็น อยู่ในเสียงดนตรีอันผ่อนคลายนั้น ทุกคน ต่างล้อมรอบก้อนหินและวนรอบ ดั่งมนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์ใน สมัยโบราณเช่นนั้น

ผ่านไปไม่นาน จู่ๆ สีท้องฟ้าก็เปลี่ยนแปลงเร็วมาก พายุฝนฟ้า คะนองและฟ้าผ่าลงมาครั้งต่อครั้ง

แต่ละคนต่างตื่นตระหนกกันอย่างมาก หาที่หลบฝนไปทั่ว

ในเวลาเดียวกัน ผ้าฉากหลังด้านหลังของการออกแบบเวทียัง มีพายุหมุนแล้วด้วย
มีนักแสดงหลายคนอยู่บนเวทีถูกพายุหมุนพัดพาไป ทราย เหลืองปลิวเต็มท้องฟ้า ปิดฟ้าบังพระอาทิตย์ มองไม่ชัดทิวทัศน์ ตรงหน้า

ขณะที่ทุกคนกำลังอยู่ท่ามกลางความเดือดร้อน หินใหญ่ที่ตั้ง ตระหง่านอยู่ที่เดิมก้อนนั้นจู่ๆ แตกออกมาดัง “ปัง” เสียงหนึ่ง ตามด้วยการแตกของก้อนหิน ทันใดนั้นสีท้องฟ้าก็ค่อยๆ ดีขึ้น มาแล้ว

ต่อมา หญิงสาวที่งดงามดั่งภาพวาดคนหนึ่งก็เดินออกมาจาก ตรงกลางท่ามกลางสายตาอันตื่นตะลึงของทุกคน

หญิงสาวแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าหรูหรา รูปร่างสวยงาม หน้าตา สะคราญ เมื่อเดินออกมาจากก้อนหิน ดั่งยืนอยู่บนก้อนเมฆ ทั้งคนเปล่งแสงอันราวกับเทพพระเจ้าออกมา

ทุกคนมองเธอและดูท้องฟ้าที่จู่ๆ ก็ปลอดโปร่งขึ้นมา เหมือน จะเข้าใจอะไรบางอย่าง รีบวิ่งมาตรงหน้าเธอ คุกเข่าลงและกราบ ไหว้ขึ้นมา

หญิงสาวยิ้มอ่อนๆ นิ้วมือพื้นที่หนึ่ง ทันใดนั้นบนพื้นที่มีหญ้าสี เขียวขึ้นไม่น้อย

ทุกคนต่างดีอกดีใจกันมาก จากนั้น เนื่องด้วยการขอร้องของ ทุกคน เธอก็ได้เปลี่ยนทะเลทรายกลายเป็นภูเขาและแม่น้ำ เปลี่ยนใบไม้แห้งกลายเป็นบ้านหลัง ต่อไปก็ได้เต้นรำตรงกลาง เวทีอย่างงดงามหนึ่งเพลง สุดท้าย ให้ตัวเองทั้งคนกลายเป็น ภูเขาแม่น้ำของที่นี่ เพื่อให้พวกเขาสามารถใช้ชีวิตอยู่ต่อได้หลายชั่วอายุคน

ชาวบ้านทั้งหมดต่างคุกเข่าลง กราบไหว้เธออย่างซาบซึ้งใจ จากนั้นก็เห็นมีคนเริ่มสร้างวังเทพธิดา เทพธิดาได้กลายเป็น ความเชื่อที่ลึกซึ้งที่สุดของที่นี่

จิ่งหนึ่งนั่งอยู่ตรงที่นั่งของผู้ชม แม้จะรู้ทั้งรู้ว่านี่อาจจะเป็นเรื่อง ที่ถูกสร้างขึ้นมา แต่ก็ยังดูอย่างซาบซึ้งมาก

พูดตามตรง เนื้อเรื่องแบบนี้ไม่ใช่เพิ่งจะเคยมี อย่างที่พวกเขา เคยพูดครั้งก่อน บนโลกใบนี้ ไม่ว่าสถานที่ใดล้วนมีความเชื่อ ส่วนตัวของพวกเขาเอง

ส่วนเบื้องหลังของแต่ละความเชื่อ ล้วนมีเรื่องราวที่ต่างกันไม่ มากแทบทุกความเชื่อ ก็เพียงแค่อีกฝ่ายปรากฏตัวออกมาช่วย พวกเขาไว้ ตอนที่ชาวบ้านของสถานที่นั้นๆ กำลังทรมานเจ็บปวด อยู่

หลังจากนั้นผู้คนของที่นี่ก็จะสร้างวัดตั้งวังให้เขาเป็นหลาย ชั่วคน สักการบูชาและประกอบพิธีเซ่นไหว้

อาจจะเป็นเพราะการแสดงของนักเต้นบนเวทีนั้นยอดเยี่ยม มาก หรืออาจจะเป็นเพราะดนตรีอันรื่นหูและผ่อนคลายนั้น เคาะ เป็นครั้งๆ จนเปิดหัวใจของเธอออกมา

หลังจากที่ได้รับชมการแสดงจนจบแล้ว เธอกลับไม่มีอคติต่อ

วังเทพธิดาเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว

แต่กลับมีความคิดเห็นที่ไม่เหมือนกันอีกอย่างกับนิทานเรื่องนี้
แต่พอคิดดูแล้วก็ไปอยู่ที่ว่าบางครั้งตัวนิทานเองไม่มีผิด

สิ่งที่ผิดคือคนเหล่านั้นที่ใช้นิทานเรื่องนี้ ใช้ความซาบซึ้งและ จิตใจดีงามในใจของคนมาเสาะหาเงินทอง โดยมิชอบและก่อ กรรมทําเข็ญ

พอคิดถึงตรงนี้ เธอก็ปล่อยวางแล้วไม่น้อย

การแสดงจบลง เสียงปรบมือดังกึกก้อง

นักแสดงทุกคนเดินจับมือกันมาขอบคุณตรงหน้าเวที อานอ่านก็ปรบมืออยู่ข้างๆ ไม่หยุดเช่นกัน

จิ้งหนึ่งหันหน้าไปมองเธอแวบหนึ่ง ยิ้มว่า “เป็นยังไง สนุก

ไหม”

อานอานพยักหน้าไม่หยุด “สนุก”

โม่ไฉ่เวยก็ยิ้มว่า “ครั้งล่าสุดที่ฉันได้ดูก็เป็นสามปีที่แล้ว พอ ตอนนี้มาดูอีกครั้ง ก็ยังรู้สึกซาบซึ้งเช่นเคย

จิ่งหนึ่งพยักหน้า “ก็ดีอยู่”

ลู่วิ่งเซินกลับไม่ค่อยรู้สึกอะไรสักเท่าไหร่

เขาเป็นผู้ชาย ความรู้สึกไม่ได้ละเอียดอ่อนอย่างผู้หญิงในด้าน นี้อยู่แล้ว ดังนั้นเขาแค่คิดว่านี่เป็นแค่การแสดงที่ไม่แย่เรื่องหนึ่ง

ไม่คิดอะไรอย่างอื่นอย่างลึกซึ้ง

ส่วนเซวซูก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะคิดแล้ว จิตใจของเขาอยู่แต่ใน ห้องทดลองอย่างเดียว ถ้าเธอจะให้เขาพูดเรื่องเชื้อโรคหนึ่งตัวเขาสามารถพูดออกมาเป็นเจ็ดสิบ แปดสิบข้อ แต่พอเป็นเรื่อง เวทีกับเรื่องศิลปะพวกนี้ เขาเป็นคนที่ไม่มีความรู้เลยคนหนึ่ง

หลังจากที่คนกลุ่มหนึ่งรับชมการแสดงจนจบแล้ว ก็ลุกขึ้น

เตรียมตัวออกไปตามผู้ชมคนอื่นๆ ทว่าทันใดนั้น อาจจะเป็นเพราะคนเยอะเกิน เบียดกันเกินไป แล้ว ตอนที่อานอานกำลังลงบันไดอยู่ ขายืนไม่นิ่ง จู่ๆ ก็สะดุด

และร้องกรีดเสียงหนึ่ง

จิ่งหนิง อึ้ง ช่วยพยุงเธอโดยสัญชาตญาณ

แต่ในเวลาเดียวกัน ก็มีอีกคนยื่นมือออกมาพยุงเธอไว้อย่าง มั่นคงแล้ว

จึงหนิงเงยหน้าขึ้นมา ก็ชนเข้าไปในดวงตาอันลึกซึ้งและอ่อน

โยนแล้ว

“ขอบคุณคุณลุง”

อานอานรีบกล่าวหลังจากยืนได้นิ่งแล้ว

จิ่งหนิงก็ยิ้มเช่นกัน บอกประโยคหนึ่งว่า “ขอบใจนะ

“ไม่ต้องเกรงใจ”

เขาพูดอย่างเรื่อยเปื่อย เสียงเหมือนดั่งลมฤดูใบไม้ผลิและฝน ตกปรอยๆ ดูพวกเขาแวบหนึ่งและยิ้มกล่าวว่า “ที่นี่คนเยอะ ควร ให้เด็กระวังหน่อย ถ้าไปล้มลงก็ยุ่งยากแล้ว”

จิ่งหนิงพยักหน้า รีบจับมืออานอานขึ้นมาไว้ในฝ่ามือ
คนนั้นเห็นแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ คนกลุ่มหนึ่งเดินออกไปข้าง นอกต่อ

ไม่นานก็มาถึงข้างนอกแล้ว

เมื่อกี้จึงเป็นอุ้มจิ้งเจ๋อน้อยเดินอยู่ข้างหลัง ไม่เห็นฉากนั้นของ เมื่อกี้

ถึงอย่างไรฉากนั้นก็เกิดขึ้นเร็วเกินไปแล้ว แค่เวลาไม่กี่วินาที

เอง

ขณะนี้หลังจากออกมาแล้ว เห็นสายตาของอานอานมองไป มองมา ท่าทางเหมือนกำลังหาใครสักคนอยู่ จึงอดถามอย่าง สงสัยไม่ไว้ “ลูกกำลังมองหาอะไรอยู่เหรอ”

“หนูกำลังหาคุณลุงอยู่ แด๊ดดี้ เมื่อกี้หนูเกือบล้มลงแล้ว มีคุณ ลุงคุณหนึ่งช่วยหนูไว้ หนูอยากบอกขอบคุณกับเขาอีกครั้ง”

จิ่งหนิงยิ้มอธิบายว่า “คือว่ามีคนหนึ่งช่วยเธอเอาไว้ แต่เขาไป

แล้ว ลูกยังจะหาอะไร ยังหาเจออยู่เหรอ”

อานอานมองหาแล้วเนิ่นนาน ไม่เห็นเงาของคนนั้นจริงๆ อดเสียใจเล็กน้อยไม่ไว้

เธอก้มหัวอันน้อยๆ ลง ปุ๋ยปากอย่างไม่พอใจ “หนูก็แค่รู้สึกว่า คุณลุงคนเมื่อกี้เป็นคนดีมาก อยากจะขอบคุณเขาอีกครั้งแค่นั้น เอง”

จิ่งหนิงอดหลุดขำไม่ไว้
เธอจะไม่รู้ได้ยังไง เพราะลูกสาวของตัวเองคนนี้โตแล้ว รู้จัก แยกแยะความดีและความชั่ว ความงามและความอัปลักษณ์ เห็น ลุงคนเมื่อกี้ใจดีแถมยังหน้าตาดีด้วย จึงอยากจะดูอีกหน่อยแค่ นั้น

ก็ไม่ใช่ว่าอ่านอ่านมีความคิดอะไรอย่างอื่น ถึงอย่างไรเธอก็ ยังเล็กอยู่ จะโตยังไงก็ยังเป็นแค่เด็กคนหนึ่งอยู่ดี

แค่เพราะว่าซึมซับจากสิ่งหนึ่ง ประทับใจคนที่หน้าตาดีหน่อย ตั้งแต่เกิด ฉะนั้นจึงเป็นแบบนี้

จิ่งหนิงปลอบใจเสียงเบาว่า “ไม่เป็นไร ถ้าหาไม่เจอ งั้นเราก็

ไม่ต้องหาแล้ว เวลาไม่เช้าแล้ว เรากลับบ้านกันเถอะ”

ทีนี้อานอานถึงพยักหน้า

คนกลุ่มหนึ่งขึ้นไปนั่งบนรถ เตรียมตัวกลับบ้าน

เวลานี้ท้องฟ้าก็มืดลงแล้ว

แต่ตอนกลางคืนก็หนาวเช่นกัน หนาวแบบอากาศแห้งอย่าง

นั้น

จิ่งหนิงจัดเสื้อผ้าของจิ้งเจ๋อน้อยให้เรียบร้อย นั่งอยู่ในรถชม ทิวทัศน์อันสวยงาม ในกลางคืนภายนอกหน้าต่างอย่างอารมณ์ดี ทันใดนั้น จู่ๆ ก็เห็นมีรถคันหนึ่งจอดอยู่ข้างหน้า

เนื่องจากพวกเขาคนเยอะ รถหนึ่งคนนั่งไม่พอ ดังนั้นจึงนั่ง แยกกันอยู่ตลอด


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ