วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 455 กลับมาเที่ยวเล่นสถานที่เก่าอีกครั้ง



บทที่ 455 กลับมาเที่ยวเล่นสถานที่เก่าอีกครั้ง

ลู่จิ่งเซินหยุดนิ่ง

เขาจ้องมองเธอ และซักถามอย่างจริงจังว่า “พวกคุณสนิทกัน หรอ?”

จิ่งหนิงนิ่งเงียบ

เมื่อนึกถึงผู้ชายคนนี้มีท่าทางหึงหวงเพราะเรื่องกู้ซื้อเฉียน เธอ ก็หัวเราะฮ่าฮ่าอย่างสนุกสนานขึ้น

“ไม่สนิท ไม่สนิมแม้แต่นิดเดียว”

ลู่จิ่งเซินพูดขึ้นว่า : “ได้ยินมาว่าเขาช่วยคุณหรอ?”

“อืม….ถึงแม้เป็นแบบนี้ แต่อันที่จริงแล้วเขาต้องการหลอกใช้ ฉันค่ะ ฮ่าฮ่า แล้วใครกันทำให้ฉันมีพรสวรรค์ด้านซึ่งรถละ?”

จิ่งหนึ่งยิ้มอย่างเก้อเขิน และรู้สึกว่าหัวข้อนี้ไม่ควรพูดต่อไปได้ แล้ว

เธอเหลือบมองเห็นรถแต่งคันหนึ่งจอดอยู่ไม่ไกล เลยพูดขึ้นว่า : “ทางนั้นมีรถ ฉันไปดูหน่อยว่ายังสามารถใช้งานได้อยู่หรือ เปล่า ถ้าหากใช้งานได้จะได้ขับแก้เบื่อสักหน่อย”

ขณะที่พูดก็เดินตรงไปที่รถคันนั้น

อาจเป็นเพราะตอนนั้นรีบย้ายกะทันหันเกินไป เลยมีสิ่งของทิ้ง ไว้จำนวนไม่น้อย แม้แต่รถก็ทิ้งไว้ไม่ได้ใช้งาน
พื้นที่ตรงนี้เปล่าเปลี่ยว และทุกคนต่างทราบว่าเป็นแหล่ง กบดานของกลุ่มมังกรด้วย ดังนั้นเลยไม่มีใครกล้ามาขโมยของ ที่นี่

จิ่งหนิงงัดเปิดประตูรถยนต์อย่างง่ายดาย และตรวจสอบ อุปกรณ์ภายในรถ สิ่งที่น่าตกใจคือรถยนต์ที่ทิ้งไม่ได้ใช้งานคันนี้ คิดไม่ถึงว่าไม่ได้ฟังถึงขั้นใช้งานไม่ได้เลย

เธอลงมือซ่อมแซมอะไหล่ด้วยตัวเอง จากนั้นก็มุดเข้าใน รถยนต์ และเริ่มสตาร์ทเครื่อง

เสียงเครื่องยนต์ดังแอ๊กแอ๊กขึ้น บนใบหน้าของจึงหนิงเผย รอยยิ้มเบิกบานใจขึ้น แล้วโบกมือเรียกลู่จึงเป็นที่นั่งบนเก้าอี้รถ

เข็น

“พวกเราไปหลังภูเขากันเถอะ เดี๋ยวฉันพาคุณไปชมสักรอบ”

ลู่จิ่งเซินไม่ขัดขืน ถึงแม้เขาไม่เคยเห็นวิ่งหนึ่งขับรถซิงมาก่อน แต่รู้ว่าเธอเป็นผู้เชี่ยวชาญ และเป็นคนรู้จักความพอดี

ช่วงที่ผ่านมานี้อยู่แต่ในบ้าน เลยรู้สึกเบื่อหน่าย ถ้าหาก สามารถฉวยโอกาสนี้ผ่อนคลายคงเป็นเรื่องดีแน่นอน

ดังนั้นทั้งหมดเลยไปลานวิ่งหลังภูเขา

จิ่งหนิงได้เตรียมสตาร์ทเครื่องร้อนล่วงหน้าแล้ว จากนั้นก็สวม หมวกกันน็อค ส่วนทั้งสามคนที่ยืนดูอยู่ด้านข้างส่งสายตาพอใจ ขึ้น จากนั้นก็เหยียบคันเร่งทันที

หลังจากได้ยินเสียงดังแต๊น รถยนต์ก็แล่นออกไปด้วยความเร็วดั่งคันธนู

จิ่งหนิงฝึกฝนอยู่ที่กลุ่มมังกรมาหลายปี แน่นอนว่าทักษะการ ขับรถของเธอไม่ธรรมดา

นับตั้งแต่ชนะการแข่งขันชิงรถ ในครั้งนั้นกับลู่หมั้นคือ หากยึด

ตามกฎเธอต้องไปให้คำแนะนำต่อกลุ่มรถแทนเขาเป็นประจำ

ซึ่งเรื่องนี้เป็นความลับระหว่างเธอกับลู่หยื่นจือ ถึงแม้ต่อมาลู่ห นั่นคือเพิ่งมารู้ว่าเธอเป็นภรรยาของลู่จิ้งเซินก็ยังคงรักษาสัญญา ไม่ได้เปิดโปงความลับนี้

ซึ่งเรื่องนี้ เขาชื่นชมและเลื่อมใสต่อเธอเป็นอย่างมาก

บนลานวิ่งที่กว้างเห็นเพียงรถยนต์คันสีฟ้าแล่นด้วยความเร็ว อย่างลื่นไหลคล้ายกับสายลม จนทำให้คนมองรู้สึกชื่นชมและ สนุกตามไปด้วย

ถนนรถวิ่งมีขนาดใหญ่ และถนนรถวิ่งก็มีเส้นทางยาวเหยียด ไปจนถึงข้างหลังภูเขา

สามารถพูดได้ว่า เพื่อสะดวกต่อการฝึกซ้อม กลุ่มมังกรกวาด ซื้อพื้นที่บนภูเขาหมดเลย

จึงหนิงขบวนออกข้างนอกรอบหนึ่ง จึงจะรู้สึกผ่อนคลาย

สุดท้ายรถยนต์ที่แล่นอย่างสวยก็จอดลงเบื้องหน้าสู่จึงเป็นอ ย่างมั่นคง

จิ่งหนิงลงจากรถ ถอดหมวกกันน็อคออกอย่างสง่างาม ทำให้เส้นผมยาวลอนสีน้ำตาลพลิ้วสะบัดกลางอากาศ ขณะเดียวกัน เธอก็ยิ้มแย้ม และส่งสายตาเปล่งประกายด้วย

“เป็นยังไงบ้าง? ทักษะการขับรถของฉันพอได้ใช่ไหม?”

ไม่รอลู่วิ่งเซินพูด โม่หนานกับซูมก็ปรบมืออย่างกระตือรือร้น

“สุดยอดมาก คุณนายช่างมีพรสวรรค์จริงๆ ฉันยังไม่เคยเห็น ใครซิงรถได้สวยงามขนาดนี้เลย สุดยอดมาก!”

โม่หนานพูดเสริมขึ้นว่า “ใช่ เมื่อก่อนฉันนึกว่าจึงหนิงเก่งแค่ ทำธุรกิจ คิดไม่ถึงว่าจะชิงรถเก่งขนาดนี้ เมื่อฉันเกือบตกใจ ช็อกแล้ว”

จิ่งหนิงยักคิ้ว และจ้องมองพวกเขา “พวกคุณสองคนชมกันต่อ ไปเถอะ ถึงยังไงฉันก็รู้ตัวอยู่แล้ว”

เมื่อซูมู่กับโม่หนานถูกฝ่ายตรงข้ามมองออกก็ลูบจมูกอย่าง เก้อเขินขึ้น

ทันใดนั้นลู่วิ่งเซินก็ปรบมือดังขึ้น

เขาอมยิ้มและพูดว่า : “ไม่เลวเลย ทักษะแบบนี้ ต่อให้แข่งขัน ระดับประเทศต้องติดท็อปห้าแน่นอน”

จึงหนิงยักคิ้วอย่างภาคภูมิใจขึ้น “แน่นอน ฉันเป็นใคร”

ท่าทางอวดเก่งของเธอทำให้ผู้ชายรู้สึกขำขึ้นมา ซูมู่กับโม่หนานเห็นท่าทางเย็นชาของเธอจนเคยชินแล้ว แต่เป็นครั้งแรกที่เห็นเธอแสดงท่าทางอวดเก่งแบบนี้ จึงอดใจไม่ หัวเราะออกมาไม่ได้

จิ่งหนึ่งขับรถสะใจมากพอสมควรแล้ว เลยพาพวกเขาไปเดิน เล่นข้างหน้า

เธอไปตรงโรงอาหาร และพูดว่า : “สถานที่ตรงนั้นเป็นที่กิน ข้าวของพวกเราเมื่อก่อน ในตอนนั้นต้องฝึกซ้อมอย่างยาก ลำบากทุกวัน ดังนั้นตอนปล่อยให้กินข้าว ทุกคนกระโจนไปตรง นั้นอย่างไม่คิดชีวิตเลย

ถึงแม้ฉันมีอายุมากกว่าพวกเธอ แต่ก็ถือเป็นรุ่นน้อง เพราะฉัน เข้าร่วมช้า ดังนั้นตอนที่เพิ่งเข้ามาใหม่ๆเลยแย่งของพวกเธอ ต่อ มาเลยเกิดความขัดแย้งกันขึ้น

ถ้าหากไม่แย่งก็กินอาหารเที่ยงไม่อิ่ม หากไม่มีอาหารกิน ตอน ฝึกซ้อมตอนบ่ายก็ไม่มีเรี่ยวแรง หากทำผิดก็ต้องถูกลงโทษ ซึ่ง บทลงโทษรุนแรงมาก หากไม่ตายก็ถึงกับถลกผิวหนังออก

ดังนั้นต่อมาฉันจึงไม่เกรงใจกับพวกเธออีกแล้ว ฉันยังจำได้ว่า

ในตอนที่ปล่อยกินข้าว ฉันวิ่งมาถึงที่หนึ่งตลอดเลย”

ขณะที่พูด เธอก็เดินมาหยิบชามใบหนึ่งในโรงอาหาร “อ๋อ คุณดูสิ ซามแบบนี้เลย ในตอนนั้นฉันกินสองชามติดต่อกันเลย”

เมื่อโม่หนานกับซูมได้ยินแบบนี้ก็กลั้นขำไม่ไหว แทบ จินตนาการไม่ออกเลยว่าวิ่งหนิงผู้เรียบร้อยและอ่อนโยน ในตอน นั้นแย่งกินข้าวกับกลุ่มคนได้ยังไงกัน
พวกเขาพูดคุยพลาง และหัวเราะพลาง โดยไม่สังเกตเห็นลู่วิ่ง เงินที่คอยจ้องมองด้วยสายตาเย็นชาอยู่ด้านข้างมาตลอด

หลังจากพาพวกเขาเที่ยวชมเสร็จ ก็พบว่าได้เวลาแล้ว ถึงเวลา ทานอาหารค่ำแล้ว

ดังนั้นทุกคนเลยเตรียมตัวกลับกัน

ทันใดนั้น พวกเขาก็เห็นผู้หญิงอายุประมาณสามสิบปีกว่าคน หนึ่งจูงมือเด็กหญิงอายุหกเจ็ดขวบคนหนึ่งอยู่ ซึ่งกำลังเดินออก มาจากในบ้านหลังหนึ่ง

ทั้งสองคนนิ่งอึ้งชั่วขณะ เพราะที่นี่รกร้างมานานมากแล้ว แล้ว จึงมีผู้หญิงคนหนึ่งจูงเด็กหญิงคนหนึ่งที่นี่ตอนนี้ได้ล่ะ?

จึงหนิงนิ่งอึ้งสักพัก จากนั้นก็เคลื่อนสายตาจ้องมองกระเป๋า

เดินทาง ใบหนึ่ง ในมือของเธอ

กระเป๋าเดินทาง ใบนี้เธอจำได้ว่าตาKเคยใช้เมื่อก่อน

ลายมือไก่เขี่ยกับลวดลายบนกระเป๋าเดินทางล้วนเป็น ตาเป็นคนเขียนด้วยตัวเอง เขามีงานอดิเรกอย่างหนึ่งนั้นคือ วาดเขียน เพราะผนังกำแพงในบ้านหรือสิ่งของที่เขาใช้เป็น ประจำมักมีลวดลายสีสันที่ไม่เหมือนกันกำกับไว้ตลอด

เพราะเหตุนี้ ดังนั้นกระเป๋าเดินทางแบบนี้มีเพียงใบเดียวใน โลก และไม่มีใบที่สองแล้ว

จิ่งหนิงตัวแข็งทื่อ และนิ่งอึ้งอยู่ที่เดิมสักพัก
จนกระทั่งทั้งสองคนนั้นเดินมาถึงเบื้องหน้าของพวกเขา วินาที ที่เดินผ่าน เธอก็เอ่ยปากขึ้นทันที

“เดียวก่อนค่ะ”

ฝ่ายตรงข้ามหยุดฝีเท้าลง และหันหน้ามองเธอด้วยสีหน้ามึนงง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ