วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 599 อธิบายความเข้าใจผิด



บทที่ 599 อธิบายความเข้าใจผิด

คิดได้แบบนี้ เธอจึงถอนหายใจออกมา หันกลับไปหาเสี่ยวนิ่ง “เราไปกันเถอะ”

เสียวจึงพยักหน้า เดินตามเธอออกไป

หลายวันต่อมา ทุกคนรับรู้ได้ว่า เซ่เซียวนั้นอารมณ์ไม่ดี

คุณชายท่านนี้ แม้ว่าตระกูลเซจะธรรมดา แต่ว่ามีความใกล้ ชิดกับตระกูลลู่ อีกทั้งเซ่เซียวยังสนิทกับลู่จึงเป็นอีกด้วย เพราะ แบบนี้ทุกคนจึงมองเป็นเรื่องเล็กไม่ได้

เขาอารมณ์ไม่ดี ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เขา ทว่าก็ยังมีความ สงสัยอยู่ในใจ

ไม่กล้าถามเซ่เซียว ทำได้เพียงถามตงเซ็งที่ใกล้ชิดกับเขา

ที่สุด

และตงเซิงเองก็ไม่ค่อยเข้าใจ แม้ว่าในใจจะพอรู้สาเหตุอยู่ บ้าง แต่เขากล้าพูดที่ไหนกัน

ถ้าเกิดพูดแล้ว เซ่เซียวจะไม่ถลกหนังเขาเลยหรือยังไง

ดังนั้น ตงเซิงจึงปิดปากเงียบ ใครมาถามก็ไม่ยอมเผยอะไรสัก

นิด

ถังลั่วเหยาเห็นแบบนี้แล้ว ปวดหัวขึ้นมา แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ บอกความจริงกับเซ่เซียว เป็นวิธีที่ดีที่สุด แต่ก็เป็นวิธีที่โหดร้ายที่สุดเช่นกัน

ว่ากันว่า บางครั้งชอบใครสักคน ไม่กล้าพูดออกไป เพราะกลัว ว่าสําหรับอีกฝ่าย เราอาจไม่ได้เป็นแม้กระทั่งเพื่อน

แต่ตอนนี้ เธอไม่ได้รังเกียจเลยที่จะเป็นเพื่อนกับเซ่เซียว แต่สำคัญก็คือเขาไม่ให้โอกาสเธอก็เท่านั้น แม้กระทั่งผู้กำกับเองก็สัมผัสได้ว่าทั้งสองนั้นไม่ปกติ

มีวันหนึ่ง เซเซียวเลิกงานเร็ว ในกองมีเพียงถังลั่วเหยา จึง เรียกเธอมาถาม “เกิดอะไรขึ้นระหว่างคุณกับเซ่เซียว”

ถังลั่วเหยายังไม่รู้ว่าผู้กำกับสัมผัสได้ถึงสงครามเย็นของเธอ และเซ่เซียว เธอจึงถามกลับด้วยความงุนงง “อะไรเหรอคะ”

ผู้กํากับขมวดคิ้ว

“ยังคิดจะปิดบังผมเหรอ ช่วงหลายวันมานี้ พวกคุณสองคนมา ถึงกองถ่าย ก็เป็นเหมือนกับคนแปลกหน้า ไม่สนใจกัน ถ้าผมยัง ดูไม่ออกก็คงตาบอดแล้ว”

ถังลั่วเหยาได้ยินดังนั้น จึงรู้แล้วว่าทุกคนคงรับรู้ได้ เธออดไม่ได้ยิ้มขมขื่นออกมา

ความจริง ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากสนใจเซ่เซียว แต่ทุกครั้งเธอ เข้าไปคุยกับเขาก่อน อีกฝ่ายก็ใช้สายตาสับสนมองเธอ

ดังนั้นเธอจึงได้แต่ถอนหายใจและหมุนตัวเดินหนีไป
ถังลั่วเหยามึนงง ไม่เข้าใจว่าเขาทำแบบนี้หมายถึงอะไร

เริ่มแรกยังคิดอยากปรับความเข้าใจกับเขา ยังไงก็เป็นนัก แสดงนำทั้งคู่ ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป คนอื่นอาจจะหัวเราะเยาะได้ แต่เมื่อเข้าหาหลายครั้งก็พบว่าอีกฝ่ายยังคงมีท่าทีเหมือนเดิม เธอคิดว่า เป็นเพราะเธอบอกความจริงกับเขาครั้งก่อน ทําให้ เขาเสียใจ

อีกฝ่ายคงเกลียดตัวเองมาก ทุกครั้งที่มองเห็นเธอแล้วคง นึกถึงความพ่ายแพ้ของตนเอง ดังนั้นทุกครั้งที่เจอเธอจึงต้อง ถอนหายใจ

เมื่อคิดแบบนี้ ถังลั่วเหยาจึงคิดว่าตนเองไม่ควรไปสร้างความ เดือดร้อนให้เขาอีก และไม่ต้องเข้าหาเขา

ดังนั้น ทั้งสองจึงไม่สนใจกัน ทำให้คนรอบข้างสังเกตได้

ถังลั่วเหยารู้สึกเศร้าใจ “ผู้กำกับ เราไม่เป็นไรหรอกค่ะ แค่ เรื่องเข้าใจผิดนิดหน่อย อีกไม่นานก็คงหาย

ผู้กำกับชายตามองเธอ ส่งเสียงหยัน

“คิดว่าจะดีในเร็ววันจริงๆ ไหม ตอนนี้อยู่ระหว่างกายถ่ายทำ ผมยังสามารถแก้ตัวกับคนในกองช่วยพวกคุณได้ แต่ถึงตอน โปรโมท มีงานอะไร ถ้าพวกคุณยังเป็นแบบนี้ เกิดคนนอกดูออก แล้วพูดว่าพระนางของเราไม่เข้ากัน ตั๋วขายไม่ออกมันจะส่งผลก ระทบยังไงคุณรู้ใช่ไหม”
ทำไมถึงลั่วเหยาจะไม่เข้าใจล่ะ

แต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้นี่นา จะให้เธอวิ่งเข้าหาเขาที่ท่าทางเย็นชาแบบนั้นน่ะเหรอ เมื่อคิดแบบนี้ เธอจึงฝืนยิ้มออกมา พูดกับผู้กำกับ “งั้นฉันต้อง ทํายังไงคะ”

ผู้กำกับขมวดคิ้ว มองเธอ เอ่ยขึ้นมา “เกิดอะไรขึ้นกับพวกคุณ กันแน่”

เฮ้อ…

ถังลั่วเหยาก้มหน้ากุมขมับ

คิดแล้ว เรื่องนี้บางทีอาจต้องให้ผู้กำกับเป็นคนกลาง ดังนั้นจึง เล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟัง

เมื่อเล่าจบจึงเสริมขึ้นมาอีกหนึ่งประโยค

“ผู้กำกับคะ เรื่องนี้ฉันบอกคุณคนเดียวนะ คุณอย่าไปบอกใคร นะคะ”

เมื่อผู้กำกับฟังจบ ก็ต้องตกตะลึงนิ่งอึ้งไป

คาดไม่ถึง ว่าพระนางของตนเอง ร่วมงานกันมาหลายครั้ง จะ มาเกิดความรู้สึกลึกซึ้งกันอยู่ใต้จมูกเขา แต่เขากลับดูไม่ออก

นี่เขาช้าหรือเขาช้ากันแน่นะ

เนิ่นนาน ผู้กำกับจึงกลืนน้ำลาย บอก “เอาล่ะ เรื่องนี้ เดี๋ยวผมลองคิดดูว่าจะแก้ไขยังไง เอ่อ…ช่วงนี้คุณก็อย่าพึ่งเข้าหาเขาก็ แล้วกัน”

แต่ผู้ชายคนหนึ่ง เมื่อเจอเรื่องแบบนี้ ก็คงคิดอยากจะหายลับ

ไปจากตรงนั้น ให้รู้แล้วรู้รอด แต่ตอนนี้กลับต้องมาเจอหน้ากันทุกวัน ยังต้องแสดงฉากรัก อีกมาก ใครจะไม่สับสนกัน ใครจะไม่เสียใจ

ผู้กำกับ โบกมือ ให้ถังลั่วเหยาออกไปก่อน

จากนั้น นั่งอยู่ตรงนั้น แสดงความทุกข์ใจออกมา

เรื่องนี้จะแก้ปัญหาอย่างไรดีนะ

วันต่อมา ถังลั่วเหยาเดินทางมาที่กองถ่าย สัมผัสได้ถึง บรรยากาศในกองว่ามันแปลกออกไป

ผู้กำกับดูสดใส ความสดใสนั้นดูจะมากกว่าปกติ ทำให้เธอไม่

เข้าใจ

รอจนถึงเที่ยง ถ่ายเสร็จไปหนึ่งฉาก ก็โดนผู้กำกับดึงไปอีกฝั่ง

ผู้กำกับคุยกับเธอลับๆ ล่อๆ “ถั่วเหยา วันนี้ผมตั้งใจสร้าง สถานการณ์ให้พวกคุณสองคน ผมคุยกับเซ่เซียวแล้ว เดี๋ยวตอน เที่ยงพวกคุณอยู่ในห้องพัก มีอะไรที่ควรพูดก็พูดซะ เรื่องที่ต้อง ปรับความเข้าใจก็รีบปรับ

“คนหนุ่มสาว ใครกันที่ไม่เคยมีการเข้าใจผิดแบบนี้ แค่คุยกัน เข้าใจ ทุกอย่างก็จะดีขึ้น”
ถังลั่วเหยาเข้าใจทันที รู้สึกร้องไห้ไม่ได้หัวเราะไม่ออก

แต่ก็รู้ว่าที่ผู้กำกับท่าแบบนี้นับว่าเป็นเรื่องที่ดี คิดไปคิดมา

บรรยากาศอึมครีมระหว่างเธอกับเซเซียวนั้นส่งผลกระทบไปยัง กองถ่ายมากจริงๆ

และเธอเองก็ไม่ได้อยากต้องมามึนตึงใส่กันกับเซเซียว จึง

ตอบตกลง

เมื่อทานอาหารกลางวันเสร็จ ถังลั่วเหยาก็ไปที่ห้องพักตามที่ นัดกันไว้

ในห้องพัก เซ่เซียวกำลังนอนพักผ่อนอยู่ในนั้น

การถ่ายทําของเขาถูกจัดขัดมาอย่างหนักหน่วง เมื่อคืนถ่าย ฉากกลางคืน วันนี้ตอนเช้า ได้พักแค่ไม่กี่ชั่วโมง ตอนเที่ยงก็ต้อง

รีบมาทํางาน

เขาเองก็พึ่งทานข้าวไปไม่นาน เพราะยังพอมีเวลาก่อนการ ถ่ายทำอยู่บ้าง ดังนั้นจึงนอนพักอยู่บนเก้าอี้

ตอนถังลั่วเหยาเดินเข้ามา ร่างของเขามีเสื้อคลุมอยู่ บางที อาจจะเพราะแสงจ้าไป เขาจึงดึงมันขึ้นไปปิดหน้าด้วย

ถังลั่วเหยายืนอยู่สักพัก รู้สึกอึดอัด แต่ก็ไม่เห็นว่าเขาจะตื่นขึ้น

มา

คิดอยู่ในใจ ถ้าไม่ได้คุยตอนนี้ เดี๋ยวช่างแต่งหน้าเข้ามาก็คง ไม่ได้คุยอีกเป็นแน่


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ