วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 406 อาหารเที่ยงสุดพิเศษ



บทที่ 406 อาหารเที่ยงสุดพิเศษ

แน่นอนว่าเธอรู้จักเส้นทางของชื่อกรุ๊ปเป็นอย่างดี พอเข้ามาก็ เดินไปที่ห้องทำงานทันที ระหว่างที่เดินเมื่อพบคนที่รู้จักก็พยัก หน้าทักทายเล็กน้อย ส่วนคนที่ไม่รู้จัก เมื่อเห็นในมือของเธอถือ กล่องอาหารก็ช่วยกดลิฟต์หมายเลขสามสิบแปดทันที

ชั้นที่สามสิบแปดเป็นชั้นทำงานของประธาน ฐานะของสิ่งหนึ่ง ไม่ได้เป็นความลับแล้ว ทุกคนรู้ว่าเธอไม่ได้แค่มาส่งอาหารอย่าง เดียวหรอก

ทําให้พวกเขานึกถึงประธานของพวกเขาที่เป็นโสดมาหลายปี แม้แต่ตอนที่มีข่าวคบกับกวนเสเฟยก็เป็นเพียงแค่ข่าวลือ เท่านั้น อีกอย่างเขาก็ไม่ยอมรับด้วย

ตอนนี้กลับถูกผู้หญิงคนนี้จับไว้อยู่หมัด ถึงแม้ภาพลักษณ์ของ ทุกคนดูเกรงใจ แต่ในใจนั้นรู้สึกอิจฉาตาร้อนมาก

จิ่งหนึ่งสัมผัสถึงสายตาของคนเหล่านี้ ราวกับมีมีดจ่อที่แผ่น หลัง เธอถอนหายใจเบาๆ โชคดีที่งานของเธอไม่ต้องไปทำงานที่ บริษัททุกวัน ไม่เช่นนั้นคงถูกน้ำลายของผู้หญิงเหล่านี้ทับถมจน ตายแน่ และถูกสายตาของพวกเธอสังหาร

ตอนที่ลิฟต์มาถึงชั้นสิบหกนั้น ประตูก็เปิดออก ซูมก็ดินเข้ามา เมื่อเห็นเธอก็อุทานด้วยความแปลกใจขึ้น

“คุณผู้หญิงมาได้ยังไงค่ะ?”
จิ่งหนึ่งรีบเอากล่องอาหารซ่อนไว้ข้างหลังอย่างเงียบๆ พร้อม ยิ้มอย่างแห้งๆขึ้น

“วันหยุด อยู่บ้านไม่มีอะไรทำ เลยมาเดินเล่นที่บริษัทสัก หน่อย”

ซูมเผยสายตาเข้าใจขึ้น

“คุณมาหาท่านประธานใช่ไหม เขาอยู่ในห้องทำงาน ยังไม่กิน ข้าวเที่ยง!”

วิ่งหนึ่งพยักหน้าเล็กน้อย และเผยสีหน้าเป็นเฉยขึ้น

เมื่อซูมเห็นแบบนี้ก็กลั้นยิ้มในใจ แต่ไม่กล้าเผยอารมณ์บน ใบหน้า ทำได้เพียงแกล้งทำเป็นไม่เห็นกล่องอาหารที่เธอซ่อนอยู่ ข้างหลัง

ผ่านไปไม่นาน ลิฟต์ก็มาถึงชั้นที่สามสิบแปด

ตอนที่ประตูลิฟต์เปิดออก ซูมก็เดินออกมาก่อน และช่วยเธอ กั้นประตูลิฟต์ไว้ และพูดจาอย่างสุภาพว่า : “คุณผู้หญิง ระวังนะ คะ”

จิ่งหนึ่งเดินออกมา จากนั้นทั้งสองคนก็เดินตามกันไปที่ห้อง ประธาน

“ท่านประธาน นี่เป็นข้อมูลรูปแบบแผนของเดือนนี้ที่คุณ ต้องการค่ะ”

ลู่จึงเป็นกำลังก้มหน้าเขียนบางอย่าง แม้แต่ขณะได้ยินก็ไม่เคยหน้าขึ้น แต่ตอบว่าอืม แล้วชี้นิ้วไปที่เอกสารกองใหญ่ที่อยู่ด้าน ข้าง “วางตรงนั้นเลย

ซูมเดินไปวางเอกสารตามคำสั่ง และพูดขึ้นว่า “ยังมีอะไรอีก ไหมค่ะ ท่านประธาน?”

ลู่จิ่งเซินส่ายมือเล็กน้อย

นี่เป็นการบอกว่าไม่มีธุระอะไรแล้ว จากนั้นก็เดินออกไป แต่ก่อนออกไป เธอช่วยเปิดประตูให้กับจิ่งหนึ่งอย่างสมัครใจ

จิ่งหนึ่งยืนถือกล่องอาหารอยู่เงียบๆตรงนั้น โดยไม่พูด ขัดจังหวะ และขยับเขยื้อนไปไหนเลย แต่มองประเมินห้องทำงาน ที่ตัวเองไม่ค่อยมาอย่างเงียบๆ

ห้องทํางานใหญ่มาก ทั้งสองด้านล้วนเป็นกระจก ซึ่งอุณหภูมิ

แสงดีมาก

โต๊ะทํางานของเขาอยู่มุมด้านซ้าย ซึ่งห่างจากประตูกระจก ค่อนข้างไกลเล็กน้อย ด้านข้างมีตู้หนังสือขนาดใหญ่มากตู้หนึ่ง ซึ่งมีหนังสือหลากหลายประเภทวางซ้อนอยู่

ด้านขวาเป็นพื้นที่ปรึกษา ซึ่งมีหน้าจอโปรเจคเตอร์ขนาดใหญ่ ติดกับผนังกำแพง ครั้งก่อนจึงหนิงเห็นเขากำลังปรึกษากับ ผู้ใหญ่ไม่กี่คนอยู่

ข้างหลังพื้นที่ปรึกษาเป็นพื้นที่พักผ่อน มีโซฟา ตู้เย็น เครื่องทำ เครื่องดื่ม และห้องน้ำส่วนตัว
ลู่จิ่งเซินเป็นคนทํางานจริงจัง ถ้าหากไม่ใช่เพราะตอนยกแก้ว ขึ้นมาพบว่าไม่มีแก้วแล้ว คงสังเกตไม่เห็นเธอแน่

“หนิงหนิง?”

เขาเงยหน้าจ้องมองเธอ และตำหนิว่า “คุณมาทำไม?”

จิ่งหนึ่งเดินเข้ามาวางกล่องอาหาร แล้วหยิบแก้วที่ว่างเปล่าใน มือเขา แล้วเดินไปเติมน้ำให้กับเขาที่พื้นที่พักผ่อน

จากนั้นก็พูดอย่างเขินอายขึ้นว่า “ป้าหลิวให้ฉันเอาอาหาร

:

เที่ยงมาส่งให้กับคุณ”

ลู่วิ่งเซินเหลือบมองกล่องอาหารบนโต๊ะ และยักคิ้วเล็กน้อย “ป้าหลิวใช้ให้คุณมาส่งหรอ?”

จึงหนิงพยักหน้าเล็กน้อย พร้อมเผยสีหน้าจริงจังขึ้น

ลู่จึงเป็นเหมือนได้กลิ่นแปลกๆบางอย่าง เพราะป้าหลิวจะรู้ว่า ปกติแล้วเขาจะกินข้าวเที่ยงที่บริษัทตลอด หลายปีมากแล้วที่ไม่ ได้เอาอาหารเที่ยงมาส่งให้กับเขา แต่จู่ๆกลับใช้ให้วิ่งหนึ่งเอา อาหารมาส่งให้กับเขาหรอ?

เขารู้ว่าผู้หญิงเป็นคนไม่ยอมเสียหน้า ต่อให้ตัวเองเป็นห่วงเขา

ก็ไม่ยอมพูดออกมา

ดังนั้นเขาจึงเผยสายตาอมยิ้มเล็กน้อย แล้วแสร้งจ้องมองเธอ ด้วยสายตาสงสัย และซักถามว่า : “ใครทำหรอ?”
“แน่นอนว่าเป็นป้าหลิว” จิ้งหนึ่งไม่ค่อยอยากตอบ

เพื่อปกปิดสายตาเลิกลักของตัวเอง เธอจึงเดินมาหยิบแก้ว เติมน้ำ แล้วดื่มอย่าง ใจลอยขึ้น

ลู่วิ่งเซินเผยสายตาเจ้าเล่ห์ขึ้น แต่ยังไม่ซักถาม แต่ทิ้งงาน ทั้งหมด ในมือ แล้วถือกล่องอาหารเดินมาที่พื้นที่พักผ่อน

” ในเมื่อเป็นน้ำใจของป้าหลิว งั้นผมขอชิมสักหน่อย”

เขานั่งบนโซฟา และเปิดกล่องอาหารพลาง และสังเกตสายตา ของผู้หญิงพลาง

ถึงแม้เห็นว่าเธอกำลังดื่มน้ำอยู่ แต่เธอก็เหลือบตามองเขาเล็ก น้อย ซึ่งเขาก็พอเข้าใจอะไรบางอย่างอยู่

เขายิ้มมุมปากเจ้าเล่ห์เล็กน้อย เมื่อเปิดกล่องอาหาร ลู่วิ่งเซินก็

เห็นกับข้าวที่ธรรมดา และมั่นใจทันทีว่านี่ไม่ใช่ฝีมือของป้าหลิว

ถ้าหากเป็นฝีมือของป้าหลิว ต้องเป็นอาหารที่มีวิธีการทำที่ซับ ซ้อนและมีคุณประโยชน์ทางอาหารสูง คงไม่ทำกับข้าวที่แสน ธรรมดาแบบนี้หรอก

ลู่จิ่งเซินหยิบตะเกียบขึ้น แล้วชิมหนึ่งค่า

รสชาติ…..อืม ไม่เลวเลย

เมื่อจิ่งหนิงเห็นแบบนี้ ในใจก็รู้สึกตื่นเต้น จนเผลอเดินเข้าไป ใกล้ และซักถามว่า “รสชาติเป็นยังไงบ้างหรอ?”

ลู่จิ่งเซินคิดอยากหยอกเล่นเธอ เลยพูดว่า : “เหมือนกับคุณไม่เคยชิมฝีมือจองป้าหลิว?”

จิ่งหมิงหมดคําพูดทันที

เธอไม่สามารถบอกตอนนี้ว่าเธอเป็นคนทำ

เมื่อเห็นผู้ชายกินอาหารที่ละค่าด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ในใจก็ รู้สึกขัดใจเหมือนแมวกำลังชวนหัวใจ

“วันนี้ฉันไม่ได้กินอาหารที่ป้าหลิว”

ผ่านไปไม่นาน เธอก็เกิดความคิดแปลกประหลาดขึ้น เมื่อลู่วิ่งเซินเห็นแบบนี้ก็ยื่นตะเกียบให้กับเธอทันที “งั้นคุณ ลองชิมดูสิ?”

จิ่งหนึ่งสายมือทันที “ไม่ต้องหรอก”

ล้อเล่นอะไรกัน! ตอนที่ออกจากครัว เธอได้ชิมแล้ว เธอรู้สึกว่า

รสชาติแย่ และไม่รู้ว่าผู้ชายจะชอบหรือเปล่า

กระเพาะที่กินแต่อาหารชั้นเลิศเป็นประจำไม่รู้เลยว่าสามารถ ย่อยอาหารธรรมดาแบบนี้ได้ไหม

เมื่อเห็นเขากินอาหารหมด จึงเป็นก็หยิบทิชชูมาเช็ดปาก และพูดว่า : “รสชาติไม่เลวเลย ครั้งหน้าให้ป้าหลิวเยอะหน่อย นะ”

จิ่งหนิงรู้สึกโล่งใจ และยิ้มแย้มอย่างเบิกบาน แล้วพยักหน้า ยิ้ม “ได้ค่ะ”

เมื่อลู่วิ่งเซินเห็นเธอยิ้มแย้มอย่างมีความสุข ในใจก็รู้สึกปลื้มใจ ผู้หญิงคนนี้กำลังตบตาเอาอกเอาใจเขาหรอ?

จู่ๆเขาก็จับมือเธอ ซึ่งตอนที่วิ่งหนึ่งยังไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง นั้น เขาก็โน้มตัวจูบเธอ

การจูบนี้เป็นอะไรที่แปลกประหลาด

เขาเพิ่งกินข้าวเสร็จ บนริมฝีปากยังมีกลิ่นอาหารอยู่ เมื่อจูบ เธอก็ทำให้เธอได้กลิ่นนั้นเต็มจมูก

จิ่งหนิงรู้สึกอึดอัด เลยสะกิดเขาออกเล็กน้อย แต่ไม่ได้ผลักเขา

ออก

จากนั้นเธอก็อ้าปากกัดริมฝีปากของเขา

ผู้ชายร้องพึมพำขึ้น พร้อมกลับปล่อยเธอออก แต่บนริมฝีปาก ของผู้ชายกลับมีรอยกัด และมีเลือดซึมออกเล็กน้อย

เขาก้มหน้าลงจ้องมองเธอด้วยสายตาขุ่นเคือง และพูดด้วยน้ำ เสียงแหบว่า : “แมวป่าเถื่อน”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ