วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 476 จัดงานแต่ง



บทที่ 476 จัดงานแต่ง

แน่นอนว่าเขาจจิ้งหนึ่งได้ นัยน์ตาสังเกตมองบนเรือนร่างของ เธอเพียงปราดเดียว แล้วมองผ่านใบหน้าของจึงเป็น

“พวกคุณช่วยผมไว้หรอ? ”

“ใช่ เมื่อคืนคุณเป็นแบบนั้น พวกเราเห็นคนใกล้ตายก็คงไม่ ช่วยไม่ได้อยู่แล้ว ไม่รู้ว่าคุณคือใครแล้วเจอเรื่องอะไรมา เลยไม่ กล้าส่งคุณไปโรงพยาบาล ยังดีคุณแค่บาดเจ็บภายนอก หลัง จากที่ทำแผลเสร็จก็น่าจะไม่มีปัญหาใหญ่อะไรแล้ว”

จิ่งหนิงพูดไป ก็นึกอะไรขึ้นได้ จึงถามลู่จึงเป็นที่อยู่ข้างๆ “เมื่อคืนเขาไม่ได้เป็นไข้ใช่ไหม? ”

ลู่จิ่งเซินพูดด้วยเสียงเรียบ “ไม่”

“งั้นก็ดี แล้วเมื่อคืน ยาที่ฉันป้อนยังถือว่ามีประโยชน์”

ฝ่ายตรงข้ามมองพวกเขาที่คนหนึ่งถามคนหนึ่งตอบ วิธีการ สนทนานั้นสนิทสนมและเป็นธรรมชาติกันมาก นัยน์ตาลุ่มลึกเล็ก น้อย

“ต้องขอบคุณพวกคุณที่ช่วยผม เมื่อวานผมไปใจร้อนเลยไป ผิดใจกับคุณผู้หญิงคนนี้ ผมต้องขอโทษคุณ ณ ที่นี้ด้วย” ณ เขาพูดไป ก็โค้งลำตัวลงลึกให้เธอ

จิ่งหนึ่งพูดและยิ้ม “ไม่ต้องเกรงใจ สถานการณ์เมื่อบทที่ 476 จัดงานแต่ง

แน่นอนว่าเขาจจิ้งหนึ่งได้ นัยน์ตาสังเกตมองบนเรือนร่างของ เธอเพียงปราดเดียว แล้วมองผ่านใบหน้าของจึงเป็น

“พวกคุณช่วยผมไว้หรอ? ”

“ใช่ เมื่อคืนคุณเป็นแบบนั้น พวกเราเห็นคนใกล้ตายก็คงไม่ ช่วยไม่ได้อยู่แล้ว ไม่รู้ว่าคุณคือใครแล้วเจอเรื่องอะไรมา เลยไม่ กล้าส่งคุณไปโรงพยาบาล ยังดีคุณแค่บาดเจ็บภายนอก หลัง จากที่ทำแผลเสร็จก็น่าจะไม่มีปัญหาใหญ่อะไรแล้ว”

จิ่งหนิงพูดไป ก็นึกอะไรขึ้นได้ จึงถามลู่จึงเป็นที่อยู่ข้างๆ “เมื่อคืนเขาไม่ได้เป็นไข้ใช่ไหม? ”

ลู่จิ่งเซินพูดด้วยเสียงเรียบ “ไม่”

“งั้นก็ดี แล้วเมื่อคืน ยาที่ฉันป้อนยังถือว่ามีประโยชน์”

ฝ่ายตรงข้ามมองพวกเขาที่คนหนึ่งถามคนหนึ่งตอบ วิธีการ สนทนานั้นสนิทสนมและเป็นธรรมชาติกันมาก นัยน์ตาลุ่มลึกเล็ก น้อย

“ต้องขอบคุณพวกคุณที่ช่วยผม เมื่อวานผมไปใจร้อนเลยไป ผิดใจกับคุณผู้หญิงคนนี้ ผมต้องขอโทษคุณ ณ ที่นี้ด้วย” ณ เขาพูดไป ก็โค้งลำตัวลงลึกให้เธอ

จิ่งหนึ่งพูดและยิ้ม “ไม่ต้องเกรงใจ สถานการณ์เมื่อ
ตอนเที่ยง ทั้งสองจึงได้รับสายจากนายหญิง ให้พวกเขากลับ

บ้านของตระกูล

วันนี้เป็นวันที่สองของปีใหม่ ทีแรกจิ้งหนึ่งนึกว่าเรียกพวกเขา ไป ก็แค่ไปรวมตัวกันธรรมดาเท่านั้น นึกไม่ถึงว่าจู่ๆ นายหญิงถึง พูดถึงเรื่องงานแต่ง

อาจจะเพราะการตายของนายท่านกวน ทำให้นายหญิงและ นายท่านผู้เฒ่าตั้งก็รู้สึกหดหู่ใจเล็กน้อย จึงยิ่งเห็นความสำคัญ ของคนรอบข้าง

พวกเขารู้สึกว่า จึงหนิงและลู่วิ่งเซิน แม้จะจดทะเบียนสมรสกัน มานานแล้ว ทว่าผ่านมานานขนาดนี้แล้ว ก็ไม่ได้มีการจัดงาน แต่งที่เหมาะสมเลย

ตอนนี้ก็มีลูกแล้ว ไม่งั้นก็ถือโอกาสนี้จัดงานขนาดเล็กเพื่อ ความครึกครื้นกันก่อน จะได้ให้คนแก่ชราสองคนนี้เร้าใจหน่อย วันข้างหน้ารอให้คลอดลูกแล้ว ค่อยจัดงานอย่างเป็นทางการ ชดเชย

ทว่าจิ่งหนิงและลู่วิ่งเซินต่างก็รู้ว่าแบบนี้มันยุ่งยากเกินไป หนุ่ม สาวสองคนนี้ต่างก็ไม่ค่อยยินยอม

ทั้งสองเห็นสถานการณ์แบบนี้ แล้วพูดจนปากเปียกปากแฉะ สุดท้ายก็ต้องถอยคนละก้าวอยู่ดี ไม่จัดพิธีอย่างเป็นทางการ สวมใส่ชุดงานแต่งก็ได้ จากนั้นคนในครอบครัวไม่กี่คนกินข้าว ด้วยกันก็ได้

เรื่องนี้จึงได้ปรึกษาหารือกันแล้วตกลงไปตามนี้ ถึงแม้จะจัดอย่างธรรมดา ทว่านายหญิงก็รู้สึกมีความสุขแล้ว จึงรีบเลือกวัน เวลาไปสั่งตัดชุดแต่งงาน

จิ่งหนิงและลู่จิ่งเซินเห็นสถานการณ์ ก็ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือ ร้องไห้ดี ทว่าไหนๆ คนแก่ก็ดีใจแล้ว ก็ปล่อยให้พวกเขาทําไป เถอะ

คนนี้ พวกเขาสองคนจึงออกไปกินข้าวข้างนอก

สถานที่กินข้าวอยู่ริมแม่น้ำ เป็นร้านอาหารหรูหราที่มีความ โดดเด่นอย่างมาก

วันนี้จึงหนิงตั้งครรภ์ มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เธอกินไม่ได้ แค่ กินของที่รสจืดเท่านั้น

เธอชอบกินกุ้งร้านนี้มากที่สุด ทีแรกก็อยู่ในช่วงตั้งครรภ์อยู่ แล้ว นี่ถึงไม่มีทางได้กินอยู่แล้ว

ลู่วิ่งเซินทนดูเธอที่มีความอยากกินไม่ได้ จึงแกะหนึ่งตัวแล้ว วางในถ้วยของเธอ พร้อมพูดด้วยความเคร่งขรึม “กินได้แค่อัน เดียวนะ”

จิ่งหนึ่งพลันตอบกลับ ไม่ง่ายเลยที่จะหายอยาก แค่รู้สึกว่าอิ่ม เอมมากแล้ว

ลู่วิ่งเซินพูดด้วยรอยยิ้ม “ยังดีตอนที่คุณท้องแล้วไม่ค่อยมี อาการอะไรที่ร้ายแรง ไม่งั้นก็คงจะลำบากกว่าเดิม”

ช่วงก่อนมีหลายวันที่วิ่งหนึ่งแพ้ท้อง จึงได้สัมผัสได้ถึงการเป็น แม่นี่ไม่ง่ายเลยจริงๆ จึงเห็นด้วยและสัมผัสอย่างลึกซึ้งกับคำพูดของเธอ

ลู่วิ่งเซินจับมือเธอไว้ด้วยความเอ็นดู แล้วพูดด้วยเสียงต่ำ “พวกเราคลอดอีกคนเดียวก็พอ วันข้างหน้าจะไม่คลอดอีกแล้ว”

จิ่งหนึ่งส่งยิ้มให้เขา แล้วไม่ได้พูดอะไร

มื้ออาหารหนึ่งที่แสนธรรมดา กลับรู้สึกอบอุ่นและมีความสุข

วันที่สอง ทั้งสองได้รับการข่าวที่นายหญิงส่งมา บอกว่า กำหนดการงานแต่งอยู่ในสุดสัปดาห์นี้

ชุดแต่งงานก็ได้ให้คนไปสั่งทำอย่างเร่งรีบ ยังทันเวลา สถาน ที่จัดงานอะไรพวกนี้ก็ไม่จำเป็นต้องให้พวกเขาคอยกังวล นาย หญิงเป็นคนจัดการทั้งหมด

ทั้งสองเห็นแบบนี้ ก็ไม่ได้แสดงความเห็นใดๆ เวลาผ่านไป อย่างว่องไว ไม่นานวันนี้ก็ถึงสุดสัปดาห์แล้ว

เพราะว่าคุยกันแล้วว่าจะจัดอย่างเรียบง่าย เพราะเหตุนี้งาน แต่งจึงมีคนไม่มาก มีแค่คนในตระกูลลู่สองสามคน แล้วมีคนใน ครอบครัวกวนบ้าง

หลังจากที่ผู้เฒ่ากวนเสียไป ทางฝั่งตระกูลกวน ก็มีแค่กวนจี้ห มิงและจิ่งหนึ่งที่สนิทกันหน่อย

ด้วยเหตุนี้ตระกูลลู่จึงเชิญกวนจี้หมิงมาเป็นสักขีพยาน

โดยตรง

กวนกวนหมิงแม้แต่เรื่องเกิดแก่เจ็บตายถูกมองเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว ทีแรกก็นึกว่าเรื่องน่ายินดีแบบนี้คงต้องไม่ทำให้ ใจของตัวเองเกิดอาการผันผวนมาก ทว่าวินาทีนั้นที่เขาเห็นจึง หนึ่งสวมใส่ชุดแต่งงานแล้วออกมา ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกซาบซึ้งจน น้ำตาคนแก่ไหลรินออกมา

เหมือน เหมือนมาก

ช่างเหมือนกวน หวั่น ในตอนนั้นจริงๆ

หากกวนหวั่นไม่ตาย ถ้าเกิดเธอสามารถมีชีวิตอยู่ต่อ วันนั้น ที่ออกเรือนอย่างมีหน้ามีตา ตอนที่เธอสวมใส่ชุดแต่งงาน น่าจะ สวยขนาดนี้เหมือนกัน

เพราะว่าจิ้งหนึ่งเคยพูด ตอนจัดงานแต่งที่เป็นทางการค่อย สวมใส่ชุดแต่งงาน ดังนั้นตระกูลลู่จึงได้เตรียมชุดจีนให้พวกเขา เท่านั้น

ชุดทางการคือชุดกี่เพ้าสีแดงสด เต็มไปด้วยความเป็นสิริ มงคล การออกแบบตัดเย็บอย่างประณีต ทำให้ชุดพอดีกับเรือน ร่างผอมเรียวและเว้าส่วนโค้งของสิ่งหนึ่ง

เพราะว่าไม่มีบทบาทของพ่อ ดังนั้นกวนหมิงที่เป็นน้าคนนี้ จึง ต้องเป็นตัวแทนในบทบาทนี้ เลยจูงมือของเธอเดินออกมาจาก ด้านใน

กวนจี้หมิงจูงมือของจิ่งหนึ่งไว้ แล้วเดินออกจากห้อง

ทุกคนที่นั่งอยู่ตรงหลังสวนของบ้านตระกูล บนพื้นเต็มไปด้วย หญ้าที่เขียวขจี อากาศดี หมื่นไร้เมฆ ท้องฟ้าสีครามที่ปลอดโปร่ง เพื่อลมพัดผ่าน ทำให้ได้กลิ่นหอมของดอกไม้เป็นระยะๆ

ตระกูลลู่เชิญบาทหลวงมาโดยเฉพาะ ก็ถือว่าเป็นการผสม ผสานระหว่างวัฒนธรรมจีนกับตะวันตก ตอนที่ท่องคำสาบาน ทั้ง สองต่างก็พูดขึ้นอย่างไม่ได้นัดหมาย “ฉันยินยอม

จากนั้นก็สวมแหวนให้กัน จบพิธี กอดและจูบกัน

โดยรอบจึงมีเสียงปรบมืออันคึกคักดังขึ้น

จิ่งหนึ่งหน้าแดงเล็กน้อย เธอก้มหน้าลง แล้วกระตุกยิ้ม อ่อนๆ อันอ่อนโยนออกมาตรงมุมปาก

นายท่านเดินหน้ามา แล้วจับมือของเธอไว้ จากนั้นก็ตบหลัง ของเธอ

คนแก่รู้สึกตื่นเต้นดีใจจนพูดอะไรไม่ออก สักพัก ถึงจะพูดขึ้น “ดี ดีมาก! ”

จิ่งหนึ่งเป็นห่วงสุขภาพของเขา แล้วพูดด้วยความเป็นห่วง “คุณปู่ ท่านอย่าตื่นเต้นดีใจเกินไป ระวังสุขภาพด้วยนะ”

นายท่านลู่เช็ดน้ำตา แล้วพูดด้วยความดีใจ “ไม่เป็นไร รอ มาหลายปีนี้ วันนี้ถือว่าได้เห็นอาเงินจัดงานแต่งจริงๆ สักที ก็ ถือว่าไม่ทรยศวิญญาณของพ่อแม่เขาที่อยู่บนสวรรค์ ดีใจ และ วางใจมาก”

พูดไป ก็พูดกับลู่จึงเป็นที่อยู่ข้างๆ “ดีกับหนิงหนึ่งให้มาก อย่า รังแกเธอ เข้าใจไหม? “ลู่จึงเป็นพยักหน้า “ผมรู้แล้ว”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ