วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 132 จิ่งหนึ่งไม่สบาย



ป้าหลิวหยุดชะงัก ลับหลังพวกเขากัดฟันค่าตัวเอง ว่าไม่รู้จักกาลเทศะเอาซะเลย เร็วกว่านี้ก็ไม่มาช้ากว่านี้ก็ ไม่มา ต้องมาเอาตอนนี้

รู้อยู่แล้วว่าคุณผู้ชายกับคุณผู้หญิงอยู่กันตาม ลำพังในห้องทำงาน หนุ่มหล่อสาวสวยคู่หนึ่งอยู่กันสอง ต่อสองกลางดึกในห้อง แน่นอนว่าจะต้องทำเรื่องน่า อับอายแน่ เธอขึ้นมาส่งอาหารเย็นทำไม?

อาหารเย็นอร่อยกว่าคุณผู้หญิงหรือ?

ป่าหลิวหน้าแดง หันหลังเดินเข้าไปแบบทําตัวไม่

ถูก

“คุณผู้ชายคะ คุณผู้หญิงคะ ฉันเอาอาหารเย็นมา ลงให้คะ”

เธอยิ้มเจื่อนๆ สายตาเหลือบมองไปที่ตัวจิ่งหนึ่งที่ ยังคงถูกลู่วิ่งเข็มกอดไว้บนตักแน่น เห็นเพียงเธอยกมือ ปิดหน้าไว้ เธอหันหลังให้และเอาศีรษะซุกไว้ในอ้อมกอด ของชายคนนั้น ทําท่าเหมือนทั้งโกรธและอายแทบอยาก

ตาย

รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอยิ่งดูชัดเจนขึ้น ทันที พร้อมกับสายตาที่แสดงออกว่าโล่งใจ เอาถาด อาหารในมือวางลงที่โต๊ะข้างๆ

สู่จึงเขินไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงสั่งว่า : “วันหลัง ถ้าผมกับภรรยาอยู่กันตามลำพังในห้อง อย่าเข้ามาตาม อำาเภอใจอีกนะ”

“คะ ทราบ! ทราบ! ฉันเข้าใจแล้วคะ”

อืม ลงไปเถอะ”
ป้าหลิวหันหลังเดินออกไป เบื้องหลังนั้น ย่างก้าว นั้น ดูเหมือนรื่นเริงมาก ถ้าไม่รู้ความในใจ ยังคิดว่าเธอคง ถูกล็อตเตอรี่มูลค่าห้าล้านกระมัง

แม้กระทั่งตอนออกไป ยังอุตส่าห์ปิดประตูแทน

พวกเขาอีกด้วย

ลู่ฉิ่งเซ็นดึงสายตากลับมา มองลงไปที่ผู้หญิงตัว เล็กๆในอ้อมกอด

ริมฝีปากบางและเซ็กซี่ยิ้มออกมา ในสายตาเต็มไป ด้วยรอยยิ้ม

“ยังหลบอยู่อีกหรือ? เขาไปกันหมดแล้วครับ”

จิ่งหนึ่งเปิดตาออกแอบมองไปทางหน้าประตู เห็น ป่าเฉินออกไปแล้วจริงๆ และปิดประตูให้ด้วย จึงได้โล่ง ใจ เงยหน้าขึ้นมา

“เพราะคุณคนเดียว!

เธอยกกำปั้นขึ้นทุบลงไปที่หัวไหล่ของผู้ชาย ด้วย ความโกรธและอาย

ลู่วิ่งเซ็นหัวเราะเบาๆ “อ้าว โทษผมได้ไง”

ท่าทางที่ดูผ่อนคลายและไม่ทุกข์ไม่ร้อนของ เขา กลับทำให้จิ่งหนิงรู้สึกโกรธ แทนที่จะปล่อยมันไป

เพียงจ้องมองเขาด้วยดวงตาที่สวยตาทั้งคู่ ลู่จิ่งเซินฉวยโอกาสจากคืนนี้ได้ จึงอารมณ์ดี เขา ไม่อยากแกล้งเธออีกต่อไป กลัวว่าเธอจะโกรธเข้าอีก จริงๆ

ดังนั้น จึงบีบเอวนุ่มๆ แล้วถามว่า “หิวไหมครับ?” ไม่ต้องพูด ถึงแม้จิ่งหนึ่งทานอาหารเย็นมาแล้ว แต่เพราะงานยุ่งมาก ดังนั้นจึงรีบๆกันไปไม่กี่คำ ตอนนี้เธอหัว

חרוג

แต่ว่าคิดถึงว่าเมื่อกี้เธอยังโกรธเขาอยู่ ยังไม่ได้คิด บัญชีเลย

มันน่าอายเกินไป ที่จะทานอาหารของเขาในตอนนี้

ชายคนนั้นเหมือนรู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ รอยยิ้มใน สายตายิ่งชัดเจน มุมปากของเขายกขึ้นอย่างมีความสุข “ผมหิวแล้ว ทานเป็นเพื่อนผมหน่อยสิครับ?”

สายตาที่รู้สึกผิดของจิ่งหนิงมองไปรอบๆอย่าง สับสน ในที่สุด ก็ยอมรับอย่างปากแข็ง “ก็ได้คะ เห็นแก่ที่ คุณเชิญฉันนะเนี่ยะ ฉันทานเป็นเพื่อนคุณหน่อยก็ได้คะ!” ลู่จิ่งเซ็นยิ้มหน้าบาน และไม่ได้พูดอะไร ปล่อยเธอ

ออกแล้วจูงมือเธอเดินไป บนโต๊ะวางโจ๊กทะเลไว้สองขาม กลิ่นหอมน่าทาน

ทีแรก งหนิงคิดว่าหิวไม่มาก แต่ว่าตอนนี้กลิ่นหอม ของโจ๊ก ทำให้ท้องร้องจ๊อกๆขึ้นมาทันที

บรรยากาศเงียบลงทันที

เธอมีท่าทีแข็งกร้าว เงยหน้าขึ้นมองลู่จิ่งเซิน ยิ้ม เงื่อนๆ

นั่นมัน….คุณฟังผิดแล้ว ข้างนอกนั่นมีคางคกอยู่

ต่างหาก!

ลู่จึงเป็นพยักหน้าเออออ “เออ ใช้เสียงคางคกต่าง

หาก”

แต่ว่าการล้อเลียนและเสียงหัวเราะที่ไม่เปิดเผยใน สายตาของเขา บอกเธออย่างชัดเจนว่า เขาได้ยินมัน แล้ว เป็นเสียงท้องร้องของเธอจังหนังทั้งอายและโกรธอยากข่วนกำแพง

ดีที่เธอหน้าด้านแกล้งทำเป็นไม่เห็นท่าทางของ เขา และชายคนนี้ก็ไม่แสดงออกมา ทั้งสองจึงทานมื้อเย็น กันอย่างสงบสุข จังหนิงพอใจมาก

เธอเริ่มลงมือจัดเก็บชามและตะเกียบยกลงไป เมื่อ

กลับขึ้นมา ลู่จิ่งเซ็นก็เข้าห้องน้ำไปอาบน้ำแล้ว

จิ่งหนึ่งหยิบนิตยสารแฟชั่นขึ้นมาเล่มหนึ่งนั่งฟังหัว เตียงพลิกอ่าน เป็นนิตยสารฉบับล่าสุด ปกหน้าเป็น รูป Amy ไอดอลที่เธอชอบมากที่สุดในรูปแบบใหม่

ที่จริงเธอเป็นนักออกแบบที่มีชื่อเสียงระดับ SC โลก และเป็นซุปเปอร์โมเดลระดับสากล จึงได้ลงหน้าปกท มีพื้นที่มาก

จิ่งหนิงพลิกดูไปเรื่อยๆสองสามหน้า ก็สะดุดตาเข้า เห็นภาพของกวนเสวี่เฟยลงในนิตยสาร

กวนเสวีเฟย เป็นเจ้าแม่คนหนึ่งในวงการ บันเทิง จบการศึกษาสูง หน้าตาดี ชาติกำเนิดสูง

ในฐานะลูกสาวคนเดียวของตระกูลกวนหนึ่งในสี่ ตระกูลใหญ่แห่งเมืองหลวง เธอมีข้อได้เปรียบที่ไม่เหมือน ใคร จบการศึกษาจากโรงเรียนที่มีชื่อเสียงในต่าง ประเทศ มีปริญญาหลายใบอยู่ในมือ แต่กลับหมกมุ่นอยู่ กับเรื่องของการแสดงและต้องการจะเป็นนักแสดง

บางทีอาจจะด้วยเรื่องจำกัดอายุ ฝีมือการแสดงยัง ไม่ถึงอันดับต้นๆ แต่ในบรรดานักแสดงหญิงวัย เดียวกัน เธอนับว่าโดดเด่นพอสมควร

อย่างน้อย เขาก็เคยเป็นนักแสดงหลักในผลงาน ยอดนิยมหลายเรื่อง และภาพยนตร์วรรณกรรมที่เขา แสดงในปีที่แล้วยังได้รับรางวัลใหญ่ระดับนานาชาติอีกสิ่งที่น่ายกย่องไปมากกว่านั้นก็คือ เธอซึ่งเป็นคนที่ มีชื่อเสียงอยู่แล้ว มักทำตัวเป็นมิตรกับผู้คนเสมอ ตลอด ระยะเวลา 7 ปี ไม่เคยมีเรื่องอื้อฉาวอะไร และไม่เคยมี ประวัติเสื่อมเสียให้ใครนินทา

นี่ก็คือการดำรงอยู่ที่สมบูรณ์แบบอันหนึ่ง

จิ้งหนังนึกถึงคำพูดของลู่จึ่งเป็นก่อนหน้านี้ มันยาก มากที่จะเชื่อว่า แท้จริงแล้วเธอเป็นลูกสาวบุญธรรมคน หนึ่งของตระกูลกวน

เธอรู้จักตระกูลกวนไม่มากเท่าไหร่ แต่ก็รู้ว่า สามี ภรรยาตระกูลกวนมีความสัมพันธ์ที่ดีมาก คุณนายกวน น ฐานะจิตรกรที่มีชื่อเสียงที่สุดในยุคปัจจุบัน มักเข้าร่วม กิจกรรมทางสังคมต่างๆ ก่อนหน้านี้จึ่งหนึ่งเคยเห็นในทีวี โดยบังเอิญอยู่หลายครั้ง

เขาเป็นผู้หญิงที่อ่อนโยนและสวยงามที่สุด

ถึงแม้จะมีริ้วรอยบนใบหน้าตามกาลเวลา แต่ก็ไม่ ส่งผลต่อความงามของเธอเลย ตรงกันข้ามมันเพิ่มเสน่ห์ ในตัวเธอด้วยช้า

คนแบบนี้ ถ้ามีลูก คงจะสง่างามมากแน่ๆ

ทันใดนั้นก็นึกถึงเรื่องเข้าใจผิดก่อนหน้านี้ จิ่งหนึ่ง หัวเราะเบาๆ

ก็ไม่ถึงกับไม่เสียใจเลย เพียงแต่ในเมื่อเลือกที่จะ เชื่อเขาแล้ว นั่นแปลว่าไม่มีเหตุผลที่จะคิดมากไปอีก คิดได้แบบนี้ เธอจึงเอานิตยสารวางลงข้างๆ ไม่ อ่านต่อแล้ว

หลายวันต่อมา

เมืองจิ้นต้อนรับหิมะแสงแรกหลังเริ่มเข้าฤดูใบไม้
เกล็ดหิมะเล็กมาก เมื่อมันตกลงบนนิ้วจะกลายเป็น น้ำ เทียบกับหิมะใหญ่ขนห่านเมื่อปีที่แล้ว เห็นได้ชัดว่ามัน อุ่นกว่า

แต่เป็นเช่นนี้ ในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิที่อากาศอบอุ่น แต่เย็นอยู่ มันยังทำให้คนเป็นหวัดง่ายอยู่

เช่นเดียวกับจิ่งหนึ่ง เพราะครั้งนี้หิมะตกลงมา กะทันหัน จึงทำให้ไม่สบาย

“คุณผู้ชายคะ คุณผู้หญิงเพียงแค่เป็นหวัด เท่านั้น ไม่ได้ป่วยหนักอะไร ท่านไม่จำเป็นต้องรีบร้อน ขนาดนี้ก็ได้คะ

เห็นใบหน้าเคร่งขรึมมาตั้งแต่เช้า ลู่ไม่มีรอย ยิ้มเลยแม้แต่น้อย ป้าหลิวปลอบด้วยความเป็นห่วง

ลู่มองหน้าเขาทีหนึ่ง สีหน้ายังดูไม่ดีเท่า ไหร่ เขาเดินเข้าไปหาคุณหมอที่กำลังตรวจจิ้งหนังอ ถามว่า : “เขาเป็นอย่างไรบ้างครับ?”

คุณหมอรีบลุกขึ้น ตอบด้วยความเคารพว่า แค่ เป็นหวัดนิดหน่อยครับ ทานยาแล้วพักผ่อนมากหน่อย ก็หายครับ

ลู่จิ่งเมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าก็คลายกังวลเล็ก น้อย

หลังจากที่รอคุณหมอจัดยาให้ จิ่งหนึ่งมองดู เขา ยิ้มออกมาไม่ได้ “ฉันบอกคุณแล้วว่าไม่เป็นไร แต่ คุณก็ทําเป็นเรื่องใหญ่โต แค่เป็นหวัดนิดหน่อยเอง คุณ ท่าแบบนี้คนเขาก็คิดว่าฉันเป็นอะไรมากไปแล้ว!”

ลู่เซ็นจ้องมองเธอ “คุณยังมีหน้ามาพูดอีก? เมื่อ คืนใครดื้อไม่ยอมฟังดึกดื่นแล้วยังออกไปโดนลมหนาว ข้างนอกอีก?

จิ่งหนิงชะงัก รู้สึกผิดขึ้นมาทันที


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ