วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 165 คนรักเท่านั้น



พูดแล้วหยิบหน้ากากลึงขึ้นมาสวม หันไปทํา หน้าหาตาหลอกเขา

คำพูดของจิ่งหนิงทำให้ลู่วิ่งเซ็นรู้สึกอบอุ่นใน ใจ เขาครุ่นคิดอยู่สักพักจึงพยักหน้า “คุณพูดถูก ซื้อ คําอวยพร ก็ดีแล้ว”

จิ่งหนีงถอดหน้ากาก ยิ้มเจิดจ้าให้เขา บิดหน้า เขาไปมา ต้องแบบนี้สิ!

ลู่จิ่งเซ็นนิ่งไป

เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ถูกหยิกแก้ม เขารู้สึก แปลกมากๆ

จิ่งหนิงเหมือนกลับไม่รู้ตัว วางหน้ากากลิงลง แล้วหยิบหน้ากากหมูตือโป๊ยก่ายขึ้นมาใส่อีกครั้ง หันกลับมามองลู่จิ่งเซิน “นางฟ้า ข้าหล่อไหม?

ลู่วิ่งเซินถูกเธอหยอกเล่นจนอดหัวเราะไม่ไหว ดึงหน้าตึง “ขี้เหร่! ”

“นางฟ้า กลับเกาเหล่าจวงกับข้าเถิด!” จิ่งหนี งก้าวขึ้นมาจับเขา

ลู่วิ่งเซินเคาะศีรษะเธอ เอ่ยสั่งสอน: “เรียกใคร นางฟ้า?”

“คุณไง คุณส่องกระจกดูสิว่าตนเองสวย เหมือนนางฟ้าเทพเขียนหรือเปล่า?”

“นั่นไว้พูดถึงผู้หญิง! ” “ในโลกนี้ไปผู้หญิงคนไหนสวยกว่าคุณ

ลู่จิ่งเซ็น:

เขาไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกเศร้าหรือชอบใจ ชม ผู้ชายว่าสวยกว่าผู้หญิง นี่ถือเป็นคำชมหรือ?

จิ่งหนีงถอดหน้ากากออก ส่งให้คนขาย “อันนี้ ราคาเท่าไหร่? ฉันอยากซื้อ”

คุณจะซื้ออันไปทำไม?”

“สนุกดี”

จิ่งหนิง มให้เขา จ่ายเงินแล้วรับถุงที่คนขาย ยื่นส่งให้ หยิบเอาหน้ากากสวมอีกครั้ง ดูสนุกจนเกิน ควร

ลู่จิ่งเซ็นอยู่ข้างหลังเธอ รู้สึกว่าผู้หญิงแบบนี้ดู มีชีวิตชีวาอย่างไม่เคยมีมาก่อน สดใสยิ่งกว่าตอนอยู่ ที่เมืองจิ้นเสียอีก

เมื่อก่อน ไม่ว่าของดีอะไรเขาเตรียมให้เธอ หมดแล้ว ของที่ผู้หญิงชอบเครื่องประดับ เครื่อง สําอาง เสื้อผ้า กระเป๋า ล้วนเป็นของที่ออกแบบจาก นักออกแบบชั้นนํา แต่เธอไม่เคยยิ้มอย่างดีใจขนาด นี้มาก่อน

แต่เมื่อสักครู่ซื้อแหวนเงินที่ทำขึ้นหยาบๆ จาก แผงเล็กๆ กลับท่าทางเหมือนได้ของล้ำค่า

เขารู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้น่ารักกว่าที่เขาคิดไว้ และเขาอดไม่ได้ที่จะอยากได้มาเป็นของล้ำค่าของ ตนเอง

ไม่ใช่เพื่อเงินทอง แต่เพื่อเป็นคนรัก
ทั้งคู่เดินอยู่ในตลาดกลางคันอยู่นาน จึ่งหนึ่ง เริ่มเหนื่อยแล้ว ทั้งคู่จึงพากันกลับที่พัก

อากาศของเมืองเล็กๆ นี้ตอนกลางวันและ กลางคืนแตกต่างกันมา ตอนขากลับวิ่งหนึ่งรู้สึก หนาวเล็กน้อย

ลู่วิ่งเขินถอดเสื้อคลุมของตนเองพาดไว้บน ไหล่ของเธอ เมื่อผ่านร้านอาหารที่มาทานเมื่อตอน กลางวัน ทั้งคู่ต่างหิวกันนิดหน่อย จึงเตรียมจะเข้าไป กินมื้อดึกกันก่อนกลับ

แต่คิดไม่ถึงว่าพึ่งเดินมาถึงหน้าประตูก็เห็น เถ้าแก่และเถ้าแก่เนี้ยกำลังเก็บโต๊ะ ดูเหมือนจะปิด ร้านแล้ว

“โอ๊ะ? พวกคุณเดินเสร็จแล้วเหรอ?”

หงปล่อยไม้กวาดในมือ แล้วเดินมาทางพวก เขา

จึงหนิงเขินเล็กน้อย พยักหน้า “อืม พวกคุณ ปิดร้านแล้วใช่ไหม?

“ใช่แล้ว จะสี่ทุ่มแล้ว พวกเราเตรียมเลิกงาน

แล้ว พวกคุณอยากทานอะไรไหม?”

จิ้งหน่งพยักหน้าอีกครั้ง

“อื้ม ตอนนี้หมดหนทางแล้ว อาหารขายหมด แล้ว ต้องไปซื้อพรุ่งนี้เช้า ตอนนี้ฉันมีพวกขนมปังกับ โยเกิร์ต พึ่งซื้อมาตอนบ่าย พวกคุณเอาไปเถอะ”

พูดจบซูหงก็หมุนตัวกลับไปหยิบโยเกิร์ตและ ขนมปังที่ตู้เย็น จิ่งหนึงรีบโบกมือ
“ไม่ต้อง ไม่ต้อง พวกคุณเปิดร้านทําธุรกิจ ฉัน จะเอาของพวกคุณไปได้อย่างไร?”

ลู่จิ่งเซ็นเห็นอย่างนั้น จึงหยิบแบงก์ย่อยออก มาจากกระเป๋า เตรียมยื่นให้เธอ

ซูหงเห็นก็โกรธเล็กน้อย

“นี่พวกคุณกำลังทำอะไร? แค่ขนมปังกับโย เกิร์ต พวกเราส่วนคนบ้านเดียวกัน หรือของกินเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้ฉันก็เลี้ยงไม่ได้

จิ่งหนิงหน้าแดง บวกกับรู้สึกเกรงใจ แต่ก็ ปฏิเสธความหวังดีของเธออีกไม่ได้

“พวกเราไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น”

“หมายความอย่างไรก็ช่าง รับไปเถอะ! ฉันจะ บอกพวกคุณให้ พวกคุณกลับไปทางนี้แล้วก็ไม่มีร้าน ค้าอีกแล้วและไม่มีร้านอาหาร ถ้าพวกคุณไม่เอา วันนี้ ก็หาซื้อของกินไม่ได้แล้ว”

จิ้งหน่งพิมพ์ออกมา “นั่นสินะ”

“ใช่แล้ว! คืนนี้ดึกเกินไปแล้ว ทางที่ดีพวกคุณ อย่าออกไปไหน สถานที่ท่องเที่ยวคนสัญจรไปมา เยอะ ผ่านเที่ยงคืนไปแล้ว อากาศหนาว ทุกคนกลับ บ้านกันหมด ข้างนอกไม่มีอะไรน่าสนใจแล้ว ออกมา ก็อันตราย”

จึงหนิงพยักหน้า “ค่ะ ขอบคุณมาก”

“ไม่ต้องเกรงใจๆ”

ลู่จิ่งเซ็นจึงต้องเก็บเงินกลับมา
เถ้าแก่เน้นส่งพวกเขากลับออกมาอย่างเป็น มิตรมาก จึงหน่งกอดโยเกิร์ตและขนมปังไว้ รู้สึกว่า อีกฝ่ายใจดีและกระตือรือร้นราวกับพี่สาวคนโต จึง ซาบซึ้งขึ้นมาในทันที บนทางขากลับ เธอพูดทอดถอนใจอย่างอดไม่

ได้ “บนโลกยังมีคนดีๆ อีกมาก คิดไม่ถึงว่าจะได้เจอ

คู่สามีภรรยาใจดีที่นี่ ลู่วิ่งเป็นมองเธออย่างอ่อนโยน “ขนมปังไม่กี่ ก้อนกับโยเกิร์ตกล่องหนึ่งก็ซื้อคุณได้แล้ว?”

จิ่งหนีงถลึงตามองค้อนเขา “คุณพูดอะไร? นี่ ใช่เรื่องขนมปังกับโยเกิร์ตเสียที่ไหน? นี่เป็น มิตรภาพที่แน่นแฟ้นระหว่างคนบ้านเกิดเดียวกัน คุณ เข้าใจไหม? ”

“อืม ผมเข้าใจมิตรภาพของคนบ้านเกิด เดียวกัน ให้ขนมปังไม่กี่ก้อนกับโยเกิร์ตกล่องหนึ่งกับ คุณ งั้นคุณพูดมา ผมให้ขนมปังคุณกี่ก้อนให้โยเกิร์ต คุณ กล่องแล้ว คุณทำไมไม่ซาบซึ้งขอบคุณผม?”

จิ่งหนิงสะอึกไป

สักพักจึงบ่นอุบอิบ: “ใครให้คุณทุนนิยมขนาด นั้นกันล่ะ !”

ลู่วิ่งเซ็นที่ได้ยินไม่ชัด ครางหางเสียงสูง

จิ่งหนึ่งไม่กล้าผิดใจผู้ชายขี้งกคนนี้ จึงได้แต่ พูดประจบยิ้มๆ : “ซาบซึ้ง ฉันซาบซึ้งขอบคุณมาก ซาบซึ้งมากๆ”

ลู่วิ่งเขินขมวดคิ้วเล็กน้อย
ผู้หญิงตัวเล็กท่าทางประจบเอาใจชัดๆ แต่ ทำไมเขาถึงยิ่งฟังยิ่งรู้สึกถึงความผิดปกติ?

จํงหนิงไม่โง่อธิบายกับเขา ฉวยโอกาสตอนที่ เขายังไม่ทันรู้สึกตัว หอบเอาขนมปังและโยเกิร์ตก้าว ไปข้างหน้าอย่างเร่งรีบ

หลับสบายทั้งคืนแล้ว

วันต่อมา จิ่งหนึงกับลู่จิ้งเซ็นไปสอบถามถึง ตลาดสดใกล้ๆ ไปซื้อของสด

มาถึงในชนบทของเมืองเล็กๆ ก็เพื่อลองใ ชีวิตอย่างคนธรรมดา

ดังนั้นตามคําขอจิ้งหนึ่งแล้ว จะขาดเรื่องไปซื้อ ของมาทําอาหารเองไม่ได้

แม้ว่าเธอจะทําไม่ค่อย แต่เนื่องจากเคยได้เห็น ฝีมือของชายหนุ่มมาก่อน เรื่องนี้จึงวางใจยกให้กับลู่ จิ้งเซิน

ลู่จิ่งเซ็นไม่ได้คัดค้าน หลังเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว ก็ออกไปพร้อมกับเธอ ทั้งคู่มาถึงที่ตลาดสดเล็กๆ ที่ อยู่ไม่ไกล

จิ่งหนิงทําอาหารไม่ได้ ซื้อของก็ไม่คํานาญ

ลู่วิ่งเซินต่อให้รู้ว่าดีหรือไม่ดี แต่ชายหนุ่ม ถือตัวและเย็นชาเกินไป ไม่เลือก ไม่ถามราคา ถูกใจ ไม่ว่าจะแพงแค่ไหนก็ซื้อมา ไม่ถูกใจต่อให้ถูกกว่าก็ ไม่ต้องการ

เด็ดขาดไม่ลังเล จนพวกคุณป้าในตลาดสด พากันเหลือบมามอง
ชายหล่อหญิงสวยมา อของที่ตลาดสดด้วย กัน ย่อมเป็นที่เรียกความสนใจคนอยู่แล้ว

เมืองเล็กๆ นี้แม้ว่าจะมีนักท่องเที่ยวมาซื้อขอ งบ่อยๆ สัมผัสชีวิตชนบท แต่ยังไม่เคยมีคนหน้าตาดี ขนาดนี้มาก่อน จึงเป็นที่พูดถึงในทันที

เดินซื้อของกว่าครึ่งชั่วโมง ทั้งคู่ถึงซื้อวัตถุดิบ สําหรับทํามื้อเที่ยงได้ครบ

ระหว่างทางกลับ จิ่งหนึ่งพูดหยอกล้อ: “เมื่อกี้ คุณเห็นสายตา พวกคุณป้าแม่ค้าในตลาดมองคุณ ไหม? อย่างกับหมาป่าแน่ะ แทบจะกินคุณ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ