วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 747 ใช้ร่างกายเข้าแลก



บทที่ 747 ใช้ร่างกายเข้าแลก

เธอพูดใบหน้ายิ้มแย้มที่อ่อนหวานและว่าง่าย

นาเสียงก็ออดอ้อนน่าฟัง

ความงาม ออดอ้อน อ่อนโยน และเล็ก และหลินเยว่เอ๋อร์สวย กว่ามาตรฐานทั่วไปจริงๆ หากไม่ใช่เพราะเหตุนี้ คุณพ่อหลิน คงจะไม่ตามใจเธอถึงขนาดนี้ สุดท้ายก็ส่งเธอให้ไปเอาอกเอาใจ ผู้ชายคนอื่นในวงธุรกิจ

จากเหตุนี้จึงรู้ได้ว่าหลินเยว่เอ๋อร์นั้นจะต้องมีรูปลักษณ์และ หน้าตาที่ดี

ในสถานการณ์เช่นนี้ เวลาแบบนี้ หากเป็นผู้ชายคนอื่นคงจะ

หลงในเสน่ห์และความสวยของเธอจนหัวปักหัวป่าแล้ว

อย่างไรเสีย กู้ซือเฉียนกลับจ้องมองเธอด้วยสายตาเฉยชา สายตาคู่นั้นเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้มผสมกับความไม่แยแส กลายเป็นการเยาะเย้ยที่น่าอับอาย

เขาพูดเยาะ “พ่อครัวในปราสาทตายแล้วเหรอ? ถึงจะให้ฉัน กินอาหารฝีมือเธอ?”

หลินเยว่เอ๋อร์: ”

เป็นครั้งแรกที่มีคนพูดจากับเธออย่างไร้อารมณ์แบบนี้และเธอ ไม่สามารถจะควบคุมสีหน้าได้
สุดท้ายแล้วเป็นใครก็ตามที่ทำงานอย่างหนักเพื่อรับใช้ผู้อื่น จะรู้สึกอับอายหากพวกเขาปฏิเสธกลับมาอย่างไร้ความปราณี

แต่หลินเยว่เอ๋อร์ในช่วงหลังมานี้ก็ผ่านเรื่องอะไรมามากเช่น

กัน

ดังนั้นความอับอายเพียงแค่นี้ก็ทำให้เธอรู้สึกเพียงครู่เดียว แล้วเธอก็รีบกดความรู้สึกนั้นได้อย่างรวดเร็ว

เธอวางถาดอาหารไว้บนโต๊ะด้านข้าง ยิ้มและพูด: “คุณกู้ไม่ อยากกินอาหารที่ฉันทำก็ไม่เป็นไรค่ะ เยว่เอ๋อร์เพียงแค่อยากจะ ขออะไรคุณสักอย่าง ขอเพียงคุณรับปาก คุณจะให้ฉันทำอะไรฉัน ก็ยอม?”

กู้ซื้อเนียนมองเธออย่างเย็นชา

หลินเยว่เอ๋อร์ก้มหน้าเล็กน้อย นิ้วมือประสานกันแน่นอยู่ตรง หน้าอย่างไม่รู้ตัว ครู่หนึ่งจึงพูดขึ้น: “เรื่องที่บอกกับคุณก่อนหน้า นี้เป็นเรื่องจริงนะคะ ถ้าหากคุณส่งฉันกลับประเทศไปจริงๆ ฉันจะ ถูกพ่อบังคับให้แต่งงาน

เธอชักงักแล้วพูดต่อ: “คุณอยู่ในจุดสูงสุดตั้งแต่เกิด บางที คุณอาจจะไม่เข้าใจความยากลำบากของผู้หญิงธรรมดาอย่าง เรา ต้องเข้าใจนะคะว่าสำหรับเราแล้ว การแต่งงานเท่ากับการ เปลี่ยนชะตาชีวิตของเราไปเลย

“ฉันก็เหมือนกับผู้หญิงธรรมดาทั่วไป เรียนหนังสือ ทำงาน ใช้ ชีวิตของตนเอง ทำเรื่องที่ตัวเองอยากทำ และไม่อยากจะถูก บังคับให้แต่งงานกับคนแก่คราวพ่อตั้งแต่อายุยังน้อย
“บางทีมันอาจจะเป็นโอกาสได้ลืมตาอ้าปากสำหรับผู้หญิงบาง คน แต่กับฉันแล้วมันไม่ใช่เลย”

“ฉันสามารถจะทําทุกอย่างให้กับครอบครัวได้ แต่นั่นไม่รวม ถึงการสละชีวิตและความรักของฉัน คุณคะ ถือว่าฉันขอร้องคุณ ช่วยฉันเถอะนะ ได้ไหมคะ?”

กู้อเนียนยังคงดูนิ่งสงบ

เขานั่งอยู่บนโซฟาโดยนั่งท่าไขว่ห้างและเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ ให้ความรู้สึกที่เหนือกว่าและห่างเหิน

และคำพูดที่พูดออกมาก็ยังคงเย็นชาจนแทบจะเหลือทน

“ทําไมฉันต้องช่วยเธอ?”

ใช่ว่าหลินเยว่เอ๋อร์จะไม่รู้คําตอบของเขา

เพียงแต่เวลาที่ได้ยินมันจริงๆ ในใจก็อดจะสะดุดกึกไม่ได้และ รู้สึกอึดอัดใจไม่น้อย

เธอพูดเสียงต่ำ : “คุณกู้อยากให้ฉันทำอะไร ฉันก็จะทำค่ะ! ถ้า ฉันทําได้”

รวมทั้ง…เอาตัวเข้าแลก

เธอไม่ได้พูดคำนี้ออกไป แต่กู้ซื้อเฉียนกลับดูเหมือนจะเดาได้

ความเย้ยหยัน ในดวงตานั้นยิ่งหนักหนาและพูดเยาะเย้ย “งั้น เธอลองพูดมาสิ ฉันควรจะให้เธอทำอะไรบ้าง?

หลินเยว่เอ๋อร์อึ้งไป
ถึงแม้เธอจะคิดเรื่องเอาตัวเข้าแลกอยู่ในหัว แต่คำพูดแบบนี้ จะให้เธอซึ่งเป็นผู้หญิงพูดออกไปได้ยังไง?

แต่ตอนนี้มาก็มาแล้ว ลูกธนูที่อยู่บนคันศรจะไม่ยิงก็ไม่ได้แล้ว

เธอลังเลอยู่ครู่ใหญ่ สุดท้ายเธอก็ก้าวไปข้างหน้าแล้วมองเขา อย่างจริงจังแล้วพูด: “หากคุณยินยอม ฉันสามารถเป็นผู้หญิง ของคุณ คอยรับใช้ปรนนิบัติคุณกู้ไม่ห่าง ขอเพียงคุณไม่ไล่ฉันไป และไม่ส่งฉันกลับประเทศ ฉะ…ฉันยอมที่จะไม่ออกหน้าค่ะ”

เธอกัดริมฝีปากกับคำพูดสุดท้ายและพูดมันออกไปด้วยความ อดสูใจ

ที่สุดแล้ว เธอเองก็เคยเห็นคุณหนูผู้สูงศักดิ์มาก่อนเหมือนกัน

มีแต่มีอำนาจและอยู่เหนือคนอื่นมากมาย เคยจะต้องก้มหัวให้ ใคร พูดจาเสียงอ่อนเสียงหวานแบบนี้เสียที่ไหนกัน? แต่กับกู้ซือเฉียนนั้นไม่เหมือนกัน

เธอรู้ว่าหากตนเองไม่แสดงออกซึ่งความจริงใจ เกรงว่าอย่าว่า แต่อีกฝ่ายจะยอมเห็นด้วยกับคําขอของตนเองเลย แม้แต่มอง เธอสักนิดก็คงไม่คิดจะมองด้วยซ้ำ

ภายใต้สถานการณ์ในตอนนี้ เขากลายเป็นทางออกเดียวของ เธอแล้ว

ดังนั้นเธอยอมทิ้งศักดิ์ศรีและไม่สนใจอะไรแล้ว ขอเพียงเขา ยอมรับปากว่าจะให้เธออยู่ข้างๆ เขาจะให้เธอทำอะไรก็ยอม
อย่างไรเสียหลินเยว่เอ๋อร์คิดว่าคำขอของตนนั้นเป็นอะไรที่ ลำบากใจที่สุดแล้ว แต่ในสายตาของชื่อเฉียนกลับไม่มีค่าอะไร เลย

เขาไม่แม้แต่จะตอบโต้ใดๆ หลังจากที่เธอพูดบางอย่างที่ ทำให้ลูกผู้หญิงจะต้องรู้สึกละอายใจ

เขายังคงมองเธอด้วยสายตาเย็นชา ความเย้ยหยันในดวงตา เหมือนกับมีดพกที่กรีดหัวใจเธอไม่ยอมหยุด

ครู่หนึ่งเขาก็เปิดปาก: “เธอคิดว่าฉันขาดผู้หญิงเหรอ?” หลินเยว่เอ๋อร์อึ้งไป

หน้าเธอร้อนผ่าวด้วยความอาย

กู้ซือเฉียนหัวเราะออกมา เสียงหัวเราะนั้นเต็มไปด้วยความ เย้ยหยันและดูถูก

“อย่าบอกว่าเธอไม่ต้องการออกหน้า ต่อให้เธอคุกเข่าขอร้อง ฉันก็ไม่ต้องการเธอ ดังนั้นเก็บจินตนาการและความคิดเพ้อเจ้อ ของเธอไว้เถอะ เข้าใจนะ?”

หลินเยว่เอ๋อร์ตกใจอย่างรุนแรง

หากจะบอกว่าก่อนหน้านี้เขาใจร้ายไปหน่อย ประโยคนี้ก็ตบ

หน้าเธออย่างแรงแล้ว

เธอเงยหน้าขึ้นด้วยความตกตะลึงและมองเขาอย่างไม่เหลือ เชื่อ ราวกับไม่อยากจะเชื่อว่าคำพูดนี้จะหลุดออกมาจากปากเขาได้

ที่สุดแล้ว เขาช่วยชีวิตเธอไว้และพาเธอออกมาจากขุมนรกนั้น

ตอนนี้กลับยืนกรานจะส่งเธอกลับประเทศ

เธอเข้าใจว่าเขาคงจะชอบเธออยู่บ้าง หรือคงจะมีความรู้สึกดี กับเธอ ดังนั้นจึงได้ช่วยเธอแบบนี้

แต่ตอนนี้ คิดไม่ถึงเขาจะพูด…

หลินเยว่เอ๋อร์กัดริมฝีปากอย่างสุดจะทน ดวงตาที่สดใสของ เธอก็เปลี่ยนเป็นสีแดง และน้ำตาของเธอก็ไหลวนอยู่ในนั้น ราวกับว่ามันอาจร่วงลงมาได้ทุกเมื่อ

ผ่านไปครู่หนึ่งเธอจึงพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเล็กน้อย อดทนต่อ ความอัปยศและถาม “งั้นคุณช่วยฉันทำไม? ถ้าหากไม่ได้ชอบฉัน ทำไมจะต้องเอาแต่จะส่งฉันกลับประเทศ? ทิ้งฉันไว้ข้างนอกให้ ไปตายเอาเองข้างนอกก็ได้จะได้ไม่ต้องให้มากเรื่อง ”

กู้ซือเฉียนหัวเราะเสียงเย็น “ถ้าหากเธออยาก ฉันโยนเธอออก ไปตอนนี้เลยก็ได้ เธออยากจะลองไหมล่ะ?”

หลินเยว่เอ๋อ : “

นิ้วของกู้ซื้อเฉียนยังคงเล่นกับแหวนที่สวมและพูดด้วยน้ำเสียง เฉยเมย: “ที่ช่วยเธอ ก็เพียงเพราะเห็นว่าเป็นคนประเทศจีน เหมือนกัน หากว่ามันทำให้เธอเข้าใจผิด งั้นก็ต้องขอโทษด้วย จริงๆ แต่เธอไม่มีคุณสมบัติจะเป็นคุณนายกู้ได้หรอก เธอเป็นผู้ หญิงที่ไม่มีหน้าตา”
ดวงตาของเขามองเธอตามอำเภอใจและไม่เกรงกลัวเหมือน กับมองเธอออกอย่างทะลุปรุโปร่ง

ความจริงแล้วหลินเยว่เอ๋อร์ก็รู้สึกตัวว่าเหมือนตัวเองจะถูก

เขามองออกทุกอย่าง

เพียงได้ยินเสียงหัวเราะเย้ยหยันและพูด: “ฉันไม่สนใจจะ เล่นของเหลือที่คนอื่นเล่นจนพังแล้วหรอกนะ”

เหมือนกับสายฟ้าฟาดลงบนหัวใจของเธอ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ