วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 312 อายุน้อยมีความสามารถ



บทที่ 312 อายุน้อยมีความสามารถ

กวนเยาหวั่นรับเงยหน้าไปมองหยุนซู เห็นใบหน้าของเขานั้นไม่ ได้มีความหมายอื่น ก็ได้แนะนำตัว “คนนี้คือจี้หยุนซู เขาเป็นผู้ อำนวยการของสถาบันวิจัยของพวกเรา ก็เป็นรุ่นพี่ของหนู”

เห้อหลันซินพยักหน้าด้วยความเข้าใจ “อ้อ ผู้อำนวยการเหรอ มองไม่ออกเลยว่าอายุน้อยขนาดนี้ก็มีผลงานแบบนี้แล้ว งั้นฉัน เรียกเราว่าเสียวได้ไหม”

เสี่ยวจี้?

สีหน้าของกวนเบาหวั่นได้เปลี่ยน กำลังจะเปิดปาก จี้หยุนซู ก็ได้ยิ้มแล้วก็พยักหน้า “ได้ครับ คุณน้า

กวนเยว่หวั่นเห็นแบบนั้น ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ยกถ้วย พูดเสียง เบาว่า “หนูไปตักข้าวให้พวกคุณ พูดจบก็ได้รับก้มหน้าแล้วเดินหนีไป

สายตาของเห้อหลันซินก็ได้มองพวกเขาสองคนสลับกัน สายตามีเล่ห์นัยน์ เหมือนว่าได้เข้าใจอะไรบางอย่าง

เธอก็ได้ยิ้มออกมา “หวั่นหวั่นของพวกเราน่ะ ดีไปหมด แต่ว่า ตอนนี้โตแล้ว มีเรื่องอะไรก็คิดในใจไม่พูดกับผู้ปกครองอย่าง พวกเรา คือว่าเสี่ยวจี้ ปีนี้อายุเท่าไหร่แล้ว?

หยุนซูได้ยิ้มอย่างสุภาพ “พึ่งอายุยี่สิบเจ็ดครับ
“ยี่สิบเจ็ดเหรอ!”

เห้อหลันซีนได้สูดหายใจเข้าลึกๆ ในใจคิด ยี่สิบเจ็ดก็ได้เป็นผู้ อ่านวยการแล้ว เกรงว่าฐานะทางบ้านก็ไม่ง่าย

เธอได้มองไปที่หยุนซูอีกครั้ง เห็นเขาแต่งตัวสุภาพ หน้าตา หล่อเหลา อีกอย่างมองแล้วก็ได้มีกลิ่นอายของสุภาพบุรุษ เป็นก ลิ่นอายที่ทำให้ดูแล้วก็ทำให้คนชอบ

ในใจของเห้อหลันชินก็ได้มีความดีใจ ยิ้มออกมา “สถาบันวิจัยของพวกเธอทํางานหนักไหม? ได้วิจัยพวกโรคนั้น โรคนี้ทั้งวัน”

จี้หยุนซูตอบไปตรงๆ “ยังดีครับ เทียบกับไปตรวจแล้ว พวก เรานั้นถือว่าสบายไปมาก อีกอย่างการวิจัยยายังเป็นประโยชน์ ต่อผู้คนด้วย ไม่ถึงว่าลำบากครับ

ได้ยินเขาตอบแบบนั้น รอยยิ้มบนหน้าของเนื้อหลันซินก็ได้ยิ้ม แย้มกว่าเดิม

“ยังไงก็มีผลงานดีๆ ตั้งแต่อายุน้อยๆ ก็พอ”

จี้หยุนซูเขินเล็กน้อย “คุณน้าชมเกินไปครับ

ไม่นาน กวนเยว่หวั่นก็ได้ยกข้าวที่ตัดเสร็จแล้วออกมา เธอ มองหน้าแม่ตัวเองสักพัก ก็ได้พูดอย่างไม่สบอารมณ์ “แม่! แม่ ถามเยอะขนาดนั้นทำไม?”

เห้อหลันซินนิ่ง ก็ได้จ้องไปที่เธอ “เสี่ยวมาเที่ยวที่บ้านเรา แม่ ก็แค่ถามไปงั้นๆ จะทำไม?”
พูดจบ ก็ได้มองไปที่จี้หยุนซูอีกครั้ง “เสี่ยว เราว่าจริงไหม! แน่นอนจี้หยุนซูก็ยังได้พยักหน้าอย่างเกรงใจแล้วยิ้ม “ใช่ครับ ไม่เป็นไรครับ คุณน้าอยากรู้อะไรถามได้ตามสบายครับ

คําตอบของเขา ทำให้มือของกวนเยาหวั่นที่จับตะเกียบก็ได้ แน่นเล็กน้อย รู้สึกว่าใจนั้นได้หยุดเต้นไปหนึ่งจังหวะ ร้อนรน มากๆ

เห้อหลันซีนที่ได้ยินเขาพูดแบบนั้น ก็ได้ดีใจมากๆ ก็ได้ยิ้มให้ เขาแล้วพูดว่า “คนแก่อย่างฉันวุ่นวายไปหน่อย เราไม่ต้องถือสา นะ”

จี้หยุนซูได้ยิ้มแล้วก็ตอบอย่างสุภาพมากๆ ไม่ถือสาครับ คุณ น้านั้น ก็เหมือนผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านของตัวเอง สนิทมากๆ ผม ชอบครับ

เห้อหลันซินที่ได้ยินเขาพูดแบบนั้น ก็ได้ยิ้มจนหุบปากไม่ได้ เห็นคุณแม่ที่ได้ดีใจขนาดนี้ หนังตาของกวนเขาหวั่นได้กระตุก ในใจได้ร้อนรนกว่าเดิม

หน้าของเธอได้แดงเล็กน้อย อยู่ๆ ก็รู้สึกว่า สถานการณ์แบบนี้ ทำไมเหมือนกันคู่รักที่มาพบกับผู้ปกครองล่ะ?

จากนั้น นึกถึงท่าทางกับฐานะของจี้หยุนซู แล้วก็นึกถึงตัวเอง ความคิดแบบนี้ก็เหมือนน้ำเย็นๆ ที่สาดเข้ามา ทำให้เป็นไปทันที

เห้อหลันซินไม่รู้ว่าเธอคิดยังไง แต่ได้พอใจกับท่าทางที่ถาม อะไรก็ตอบของหยุนซู ก็ได้ยิ้ม “ฉันดูแล้วเราก็เป็นเด็กดี ไม่เหมือนกับเด็กผู้ชายที่ดีแต่พูดเอาอกเอาใจ เรายังไม่แต่งงานใช้ ไหม?”

จี้หยุนซูก็ได้ตอบไปตรงๆ อีกครั้ง “ยังครับ”

รอยยิ้มบนหน้าของเพ้อหลันซินก็ได้กว้างกว่าเดิม พยักหน้า หลายรอบ “ยังไม่แต่งก็ดี ยังไม่แต่งของดี

กวนเย หวั่นทนดูต่อไปไม่ไหว ก็ได้จ้องไปที่เธอ ตะคอกว่า “แม่ค่ะ ทานข้าว”

เห้อหลันซินอึ้งไป เจอกับสายตาที่เริ่มโมโหเล็กน้อยของเธอ ก็ หวาดหวั่นเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไร

ก็ได้ยิ้มให้จี้หยุนซูอย่างเกรงใจ “เสี่ยว มา ทานข้าวเถอะ มา ในฝีมือของน้า ว่าถูกปากเราไหม

หยุนซูพยักหน้า ถึงได้จับตะเกียบขึ้นแล้วเริ่มทาน

ข้าวมื้อนี้ ทานได้แบบเงียบๆ และอึดอัด ระหว่างนั้นเพื่อหลัน นก็ยังถามอะไรบ้าง จี้หยุนซูก็ถามมาตอบกลับ นอกจากนั้น ก็ ไม่มีคนพูดอะไร

ไม่นานจี้หยุนซูก็ทานหมด พอทานเสร็จ ก็ได้พูดกับพวกเขา อย่างสุภาพว่า “ผมทานเสร็จแล้วครับ พวกคุณค่อยๆ ทาน

เห้อหลันซินอึ้งเล็กน้อย พูดว่า “เราทำไมทานแค่นิดเดียวล่ะ? เป็นเพราะรู้สึกว่าอาหารที่น้าทำไม่อร่อยเหรอ?”

จี้หยุนซูรีบส่ายหน้า “ไม่ใช่ครับ อาหารที่คุณน้าทำอร่อยครับเป็นเพราะว่าตอนผมออกมาก็สายแล้ว ตอนเช้าก็ทานไปนิด หน่อย เพราะงั้นตอนนี้ไม่ค่อยหิวครับ

ท่าทางที่เขาได้อธิบายอย่างจริงจังแบบนั้น ก็ให้คนรู้สึกว่า จริงใจ ไม่มีการพูดอะไรเป็นการบังหน้าเลย

เห้อหลันซีนก็ได้เข้าใจ แล้วก็พยักหน้า อ้อ แบบนี้เอง ก็ได้ ทานอิ่มก็พอแล้ว”

นิ่งไป แล้วก็ไปมองกวนเยาหวั่นที่นั่งอยู่ตรงข้ามอย่างใจลอย ยิ้มแล้วพูด “เอางี้ ไหนๆ เราก็ทานอิ่มแล้ว งั้นเราก็พูดคุยกับหวั่น หวั่นไปก่อน ทางนี้พวกเธอก็ไม่ต้องมาสนแล้ว”

สำหรับการแนะนำของเธอ แน่นอนว่า หยุนซูต้องเห็นด้วยอยู่ แล้ว ก็ได้มองกวนเยว่หวั่นที่นั่งอยู่ตรงข้าม

กวนเยว่หวั่นก็ได้เบะปากด้วยความไม่พอใจ “แม่คะ หนูยัง

ทานไม่อิ่มเลยนะ!”

เห้อหลันซินก็ได้จ้อง ดุเธอไปว่า “อะไรยังทานไม่อิ่ม? หนูหนู อ้วนขึ้นแล้ว กินน้อยๆ หน่อยถือว่าเป็นการลดน้ำหนัก! ยังไงซะ หนูดูแล้วก็ไม่ได้มีความอยากอาหารอะไร อย่าฝืนตัวเอง รีบไป เถอะไปพูดคุยกับเสียวก่อน ทางนี้แม่เก็บกวาดเอง

พูดจบ ก็ได้ไล่เธอลงจากโต๊ะอาหาร

กวนเยว่หวั่น “ ตอนนี้เธอเหมือนจะมั่นใจแล้วว่า เธอไม่ใช่ลูกแท้ๆ แน่นอน
หยุนซูเห็นแบบนั้น ก็ได้กลั้นขำ แล้วพูดว่า “ไม่เป็นไรครับ ให้หวั่นทนทานต่อเถอะ เธอไม่อ้วน กําลังดีครับ ผมรอให้เธอ ทานเสร็จค่อยคุย ได้

บางคนก็เก่งที่จะทำดีมากๆ หวั่นหวั่น เดียว ทำให้กวนเย หวั่นใจเต้น ในใจเหมือนมีกวางน้อยที่วิ่งชนไปชนมาไปทั่ว

เธอก็ได้ก้มหน้าลงต่ำกว่าเดิม ไม่ต้องเงยหน้าก็สามารถที่จะ

รับรู้ถึงสายตาที่ร้อนได้จ้องมาที่ตน แน่นอนว่าข้าวก็กินไม่ลงแล้ว ก็ได้สูดหายใจเข้าลึกๆ ช่าง

เถอะ หนูไม่กินแล้ว”

จากนั้นก็ได้ลุกขึ้นวิ่งขึ้นไปชั้นบน

จี้หยุนซูอึ้งไป ไม่รู้ว่าเธอเป็นอะไรอีก

เห้อหลันซินก็ได้อย่างท่าตัวไม่ถูก “โทษทีนะ สองวันนี้เธอ อารมณ์ไม่ค่อยดี เราก็อย่าไปถือสาล่ะ”

อารมณ์ไม่ค่อยดี? จี้หยุนซูก็ได้อึ้งเล็กน้อย สีหน้าก็ได้เปลี่ยน ไป

เขานั้นอดที่จะไม่เอามันมาโยงเกี่ยวกับเรื่องคืนนั้นไม่ได้ เธอ อารมณ์ไม่ดี เพราะเรื่องคืนนั้นเหรอ?

ที่แท้ เธอโมโหจริงๆ!

คิดถึงตรงนี้ เขาก็ได้หัวเราะอย่างเศร้าๆ คิดไปก็ถูก ที่เธอ โกรธมันก็สมควร เรื่องนี้เดิมที่เป็นความผิดของเขา
คิดแบบนั้น เขาก็ได้ฝืนยิ้มกับเห้อหลันซิน พูดว่า “ไม่เป็นไร ครับ คุณน้า งั้นผมไปดูเธอหน่อย

เห้อหลันซินพยักหน้า โบกมือ “งั้นเรารีบไปเถอะ

หยุนซูถึงได้ลุกขึ้นแล้วรีบตามขึ้นไปชั้นบน

ถึงชั้นบน เขาได้ดับประตู ประตูไม่ได้ล็อก เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่าย จงใจ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ