วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 886 ความทรงจำที่ยุ่งเหยิง



บทที่ 886 ความทรงจำที่ยุ่งเหยิง

เธอก้มลงนั่งยองๆ กับพื้น เพราะรู้สึกไม่สบายใจ ภายในความคิด มีสองเสียงที่ยังไม่หยุดดัง

ไป? หรือไม่ไป?

เธอไม่รู้ว่าทำไม จริงๆ แล้วเธอรู้สึกคิดถึงสถานที่แห่งนี้เบาๆ ความรู้สึกนึกคิด พวยพุ่งออกมา เป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก ราวกับว่ามันติดอยู่ในใจของเธอ แต่ในขณะเดียวกันก็ถูกตัวเอง ปฏิเสธโดยไม่รู้ตัว

เหงื่อเย็นขนาดเท่าเม็ดถั่วไหลลงมาจากหน้าผากของเธอ

ริมฝีปากของเธอค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีซีด และฉากฉากหนึ่ง ก็ ผุดออกมาจากในใจราวกับภาพยนตร์ที่ฉายย้อนกลับ

“พี่ชาย ดูสิ นี่คืออะไรคะ?”

“น้องสาว อย่าไปเด็ดดอกไม้อีกนะ บานสวยเสียขนาดนี้ น้อง ไปเด็ดมันก็ตายเสียสิ ไม่สวยแล้ว”

“แต่ดอกไม้สวยนี่นา ไม่ใช่ว่าให้คนแล้วเด็ดออกหรือไง? พี่นี่ เชยชะมัด ซินเอ๋อ ไม่ชอบพี่ชายแล้ว ชิ!”

เด็กหญิงตัวเล็กถอนใจอย่างหนัก ก่อนจะเดินจากไปด้วย ความโกรธ

เด็กชายที่สูงกว่าเธอเล็กน้อยขมวดคิ้ว เมื่อเห็นท่าทางนั้น เขาก้าวไปข้างหน้า และดึงเธอกลับมา

“เอาละ เอาละ อย่าโกรธเลย พี่จะช่วยเด็ดมัน พี่จะช่วยโอเค ไหม?”

เด็กหญิงตัวน้อยมองมาที่เขาอย่างเจ้าเล่ห์ และกะพริบตาที่ เปื้อนน้ำตาคู่นั้น

“จริงไหมคะ?”

“จริงสิ”

เด็กชายเม้มริมฝีปากแน่น และกำหมัดแน่น “พี่จะไปรอตรงนี้

นะ”

เขาพูด พลางเดินไปยังพุ่มไม้ดอกที่เติบโตท่ามกลางพงหนาม

เด็กหญิงตัวน้อยคอยอยู่ข้างเขา ไปมาที่ดอกนั่นดอกนี้เป็น ระยะ และคอยสั่งให้เด็กชายเก็บดอกไม้ให้เธออย่างมีความสุข เมื่อเห็นเขาเก็บดอกไม้ที่เธอชอบ เธอก็กระโดดโลดเต้นด้วย ความดีใจ

ร่างกายเด็กชายตัวเล็ก ถูกแทงด้วยหนามหลายแห่ง แต่เขา ยังกัดฟันทน

ผ่านไปนาน ในที่สุดดอกไม้ที่เธอต้องการก็เพียงพอแล้ว ก่อน

จะเดินมา

เด็กหญิงตัวน้อยมีความสุขมาก เธอหยิบดอกไม้ ก่อนจะโน้ม ตัวลงไปหอมแก้มเขา แล้วพูดอย่างสดใสว่า
“พี่ชายเป็นพี่ชายที่ดีที่สุด ซินเอ๋อร์ชอบพี่ชายที่สุด”

เด็กชายตัวน้อยเหลือบมองเธออย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะส่ายหัว แล้วพูดว่า “มันดึกแล้ว แม่รอเราอยู่ที่บ้าน พวกเรารีบกลับกัน เถอะ”

เด็กหญิงตัวเล็กพยักหน้า เด็กชายเอื้อมมือออกไปจับมือเธอ และทั้งสองก็เดินกลับไปที่บ้านด้วยกัน

เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน ดวงอาทิตย์สีทองส่องไปยังร่างเล็กของ เด็กทั้งสองคน ทําให้แสงสะท้อนจากเงาของพวกเขายาวมาก

เฉียวได้สติคืนกลับมา

ดวงตาของเธอเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัว เธอไม่อยากจะ เชื่อสิ่งที่ปรากฏในความคิดของเธอสักนิด

เป็นไปได้อย่างไร?

ภาพเหล่านี้คืออะไรกันแน่? เธอไม่เคยเห็นเด็กชายตัวน้อยคน นั้น และไม่เคยมาที่นี่ นับประสาอะไรกับเรื่องที่ปรากฏขึ้นมาใน หัว

แต่ทำไม? ภาพเหล่านี้ถึงชัดเจนในใจของเธอ

มันชัดเจนมาก จนราวกับว่ามันเกิดขึ้นกับเธอจริง เด็กหญิงตัว เล็กที่มีใบหน้าที่สดใสไร้เดียงสาคนนั้น ถ้าไม่ใช่เธอตอนเด็ก แล้วจะเป็นใคร

งั้น….คือเธอจริงๆเหรอ?
เธอเคยมาที ?

แล้วพี่ชายคนนั้น เป็นใครละ?

เฉียว นึกขึ้นได้ว่าก่อนที่เธอจะหมดสติ ดูเหมือนว่าเธอจะเรียก

พี่ชายคนหนึ่ง

พลันใบหน้าของเธอก็ซีดลงทันที

เธอฟุบลงไปกับพื้น จับศีรษะ พยายามต่อต้านอย่างสุดชีวิต

ไม่ ไม่ใช่ นี่ไม่ใช่ความทรงจําของเธอ!

เธอคือเฉียวตัวน้อย ที่พ่อของเธอทอดทิ้งตั้งแต่เธอยังเป็น เด็กในเมืองเล็กๆ และอาศัยอยู่กับแม่สองคน

เธอถูกพ่อเลี้ยงขับไล่ออกจากบ้านเมื่อเธออายุได้8ขวบ ตัวเอง ได้พบกับคุณปู่คณบดีที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ขอร้องให้เขารับ เธอไว้ เฉียวฉีตัวน้อยเติบโตในบ้านเด็กกำพร้าเพียงลำพัง

เธอไม่เกี่ยวอะไรกับสาวน้อยในมโนภาพนั่น! เธอไม่ได้มีชีวิต แบบนั้น!

ดังนั้น ทั้งหมดนั่นไม่ใช่ความจริง

เฉียวฉพยายามปฏิเสธมันอย่างสุดความสามารถ ในขณะนี้ ในห้องในบ้านพักตากอากาศ ลิ่วเจิ่นและชายสวมหน้ากากสี เงินกำลังเฝ้าดูทุกอย่างผ่านหน้าจอมอนิเตอร์อย่างเงียบๆ

เมื่อเห็นว่าเฉียวเดินออกจากประตูใหญ่ไปแล้ว แต่กลับหยุด อยู่ที่เดิม และจับศีรษะด้วยความเจ็บปวด
ลิ่วเงินยิ้มช้าๆ

เขาหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาจิบ แล้วพูดว่า “อะสุ่ย ดูสิ ฉันพนันถูก ละ”

เมื่อชายที่เขาเรียกว่าอะสุ่ยเห็นสิ่งนี้ ใบหน้าของเขาก็มืดมน ลง และถอนหายใจเบาๆ

“เดิมทีคิดว่าจะเป็นพวกหัวแข็ง ไม่คิดว่าหลังจากผ่านไปเพียง ชั่วครู่ ความสงสัยในตนเองมาถึงจุดนี้แล้ว จะเห็นได้ว่าไม่มีอะไร มากไปกว่านั้น”

ลิ่วเส้นเลิกคิ้ว เมื่อได้ยินคำพูดนั้น

แล้วจึงส่ายหัว

“ไม่ นายผิดแล้ว”

อะสุ่ยผงะ

ลิ่วเสิ่นพูดอย่างเคร่งขรึม “ถ้าหากไม่ได้ผ่านวิธีอื่น แค่เพียง สะกดจิต ฉันไม่แน่ใจว่าฉันจะทำให้เธอเชื่อสิ่งเหล่านั้นได้ อันที่ จริง ก่อนหน้าวันนี้ ฉันได้ใช้กลอุบายกับร่างกายเธอเอาไว้แล้ว”

อะสุ่ยประหลาดใจ ก่อนจะถาม “กลอุบายอะไร?”

ลิ่วเสิ่นมองไปที่เขา และยิ้ม “นายลืมไปแล้วหรือ? ของที่ฉันให้ นายก่อนหน้า ให้นายนำไปให้เขาหลงไว้ใช้กับเธอ”

เมื่ออะสุ่ยได้ยินเรื่องนี้ เขาก็ยิ่งสงสัย

“แต่คุณไม่ใช่บอกว่า นั่นเป็นเพียงกลิ่นหอมผ่อนคลายธรรมดาไม่ใช่หรือ? จงใจให้เธอผ่อนคลายความระมัดระวังตัว กับเยวหลิงและได้รับความรู้สึกดีๆจากเธอ เพื่อที่เธอจะได้พาเยว่ หลังออกมาอย่างเชื่อฟังและให้โอกาสเราลงมือ

ลิ่วเสิ่นส่ายหัว

“ถ้าหากแค่ต้องการช่วยเยวหลังให้ได้รับความรู้สึกดีๆจาก เธอ นั่นก็มีมากมายหลายวิธี ไม่จำเป็นต้องเสียของดีๆ โดยใช้ เหตุ น่าจะรู้ ของนั่นเป็นของที่อาจารย์ของฉันมอบให้ มีเพียงขวด เล็ก ใบเดียวในโลกนี้ และตอนนี้มันถูกใช้ไปกับเธอหมดแล้ว”

“มันเป็นอย่างนั้น แต่นายดูสิ เธอยังคงไม่เชื่อมันเสียหมด ว่า เธอเป็นน้องสาวของฉัน คนที่ถูกฝึกฝน โดยกู้ซื้อเฉียน นี่ไม่ธรรม ดาจริงๆ”

เขาพูดพลางยกริมฝีปากขึ้นอย่างสนใจ พลางจิบไวน์ แต่ดวงตาของอะสุ่ยเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ “ความหมายของคุณก็คือ ที่คุณให้เยวหลังคราวก่อนก็คือ…

ลิ่วเงินพยักหน้า

“น้ำเปลี่ยนจิตขวดสุดท้ายในโลกไม่มีแล้ว ถ้าไม่ใช่คิดถึง กิจการงานใหญ่ในภายภาคหน้า ฉันคงใช้ไม่ลง แต่ถ้าหากใช้ ประโยชน์จากเธอล่อให้กู้ซื้อเฉียนติดเบ็ดแล้ว และกำจัดกลุ่ม มังกร ก็ง่ายต่อการเอาตระกูลกู้ของประเทศจีนลง ก็ยังพอถือว่าดี เหมือนยิงปืนนัดเดียว ได้นกถึงสามตัว”
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา อะสุ่ยก็อดไม่ได้ที่จะแสดงความตื่น เต้นเล็กน้อยผ่านดวงตา

“คุณพูดถูก ผู้หญิงคนนี้สำคัญกับกู้ซื้อเฉียนมาก แค่เธออยู่ใน กำมือของเราหนึ่งวัน กู้ซื้อเฉียนก็จะหวาดกลัวเราหนึ่งวัน เมื่อถึง ตอนที่คุณจะเอาเขาลงมา ก็คงไม่ใช่เรื่องยาก

ลิ่วเสิ่นหัวเราะเสียงดังขณะฟัง

ในเวลานี้ คนในหน้าจอมอนิเตอร์กลับขยับอย่างผิดปกติ

ทั้งคู่นิ่งไปนิด เสียงหัวเราะหยุดลง และมองดูไปยังหน้าจอ เห็นเพียงคนในภาพ หลังจากดิ้นรนกับความเจ็บปวดแล้ว คาดไม่ถึงว่าจะค่อยๆลุกขึ้นมา

เธอยืดตัวขึ้นด้วยสายตาที่แน่วแน่ ก่อนจะก้าวขาเดินจากไป

ก้าวทีละก้าวไปอย่างยากลำบาก

ใบหน้าของทั้งคู่เปลี่ยนไป

ลิ่วเงินถอนหายใจอย่างเย็นชา

“ไม่คิดว่าจิตของเธอจะแข็งแกร่งมาก แต่ก็มาอยู่ที่นี่แล้ว คิด จะหนี? ไม่มีทางเสียหรอก!”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ