วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 466 ร่างกายแข็งแกร่ง



บทที่ 466 ร่างกายแข็งแกร่ง

จูบนั้นร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ เลื่อนไปยังลำคอของเธอและทรวงอก

ท่ามกลางความงุนงง จึงหนึ่งรู้สึกว่าวันนี้จึงเป็นดูแปลกไป แต่เธอไม่มีเวลาไปคิดมาก ไม่รู้ว่าผ่านไปเนิ่นนานเท่าไหร่ การ แสดงความรักต่อกันของทั้งสองจึงได้สิ้นสุดลง

จิ้งหนึ่งนอนอยู่ในอ้อมกอดของลู่วิ่งเซ็น เธอเหนื่อยเสียจนไม่ อยากขยับแม้แต่ปลายนิ้ว บนร่างกายของเธอมีเหงื่อเม็ดเล็กซึม ออกมา

บัดนี้ เธอนอนอยู่ในอ้อมกอดอันอบอุ่นของเขา หรี่ตาลงมอง เขาก่อนจะพูดขึ้นว่า “ต่อไปนี้กลางวันอย่าทำแบบนี้อีกนะคะ!

ลู่จิ้งเซินหัวเราะเบาๆ นิ้วมืออันแข็งแกร่งสัมผัสไปที่ริมฝีปาก

ของเธอจากนั้นพูดเสียงเบาว่า

“อะไรกันครับ ผมจำได้ว่าเมื่อสักครู่ผมไม่ได้มีความสุขอยู่คน เดียวนะ?”

น้ำเสียงของเขาดึงดูดราวกับแม่เหล็ก ทำให้สิ่งหนึ่งอายจน หน้าแดง

เธอก้มหน้าลง ไม่กล้าสบตากับเขา พูดเพียงแค่ว่า “ที่ไหนกัน คะ? คุณนั่นแหละ……

เธอยังไม่ทันพูดจบ มืออันอบอุ่นของเขาก็กุมมาที่มือของเธอแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอันแฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์ว่า “คุณ หมายความว่า….. เมื่อสักครู่คุณไม่ได้มีความสุขใช่ไหม? ถ้า อย่างนั้นก็เรามาลองอีกสักรอบ ดีไหม? คุณวางใจได้ ทักษะของ ผมดี แม้จะไม่ได้ทําจริงๆ ก็สามารถทำให้คุณสบายตัวได้

จิ่งหนิงตกใจกับคำพูดของเขา เธอรีบผลักเขาออกไปแล้ว ห่อตัวไว้

ในขณะเดียวกันก็เอื้อมมือออกไปผลักเขาและกำลังจะลงไม้ ลงมือ

เธอพึมพำด้วยน้ำเสียงทุ้มว่า “ไร้สาระ! ฉันละสงสัยจริงๆ ว่าชาติที่แล้วคุณเป็นหมีเท็ดดี้หรือไง?”

ลู่วิ่งเซินเลิกคิ้วขึ้นแล้วถามว่า “หมายความว่าอะไรกันครับ?” จิ่งหนิงกะพริบตา แววตาของเธอแฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์

เขาไม่รู้ว่าเท็ดดี้แปลว่าอะไรอย่างนั้นเหรอ?

เธอกลอกตายิ้มแล้วพูดว่า “ไม่มีอะไรค่ะ ฉันชมว่าคุณ แข็งแกร่งราวกับวีรบุรุษ

คำพูดของเธอสร้างความสนใจให้แก่ลู่จึงเป็นไม่น้อย ชาย หนุ่มพยายามยิ้มขึ้น วินาทีต่อมา ร่างกายของเขาก็ทับลงไปยัง เธอ

ดวงตาสีดำขลับ จ้องไปที่เธอเป็นประกาย น้ำเสียงหยาบกร้าน พูดขึ้นว่า “เรื่องนี้ผมรู้ดีไม่ต้องให้คุณชม
จิ่งหนึ่งสัมผัสได้ เธอเบิกตากว้างและจ้องไปยังเขา

“คุณ คุณ……

“ผมทําไมเหรอครับ?”

สีหน้าของจิ่งหนิงแดงเรือทันที เธอพยายามผลักเขาแล้วพูดว่า “คุณลงไปเดี๋ยวนี้นะ คุณอยากจะทำอะไรอีก

ลู่จิ่งเซินโอบไปที่เอวของเธอ น้ำเสียงของเขาพูดแฝงไปด้วย ความสุขว่า

“ผมจะพิสูจน์ให้คุณดูว่าผมแข็งแกร่งขนาดไหน

จิ่งหนึ่งรีบส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่ต้องหรอกค่ะ คุณพิสูจน์ให้ฉัน ดูแล้วไม่ต้องพิสูจน์อีกแล้ว”

น้ำเสียงของลู่จิ้งเซินสูงขึ้นเล็กน้อย “อ๋อเหรอครับ? ทำไมผม

รู้สึกว่าคุณยังต้องการให้ผมพิสูจน์อยู่นะ?”

บรรยากาศถูกแทรกเข้ามาด้วยความคลุมเครือ ทันใดนั้นเองคนรับใช้ก็เคาะประตูขึ้นพูดว่า “คุณชาย คุณเซ่ มาค่ะ”

จิ่งหนิงซะงักลงเล็กน้อย เธอยังไม่ทันได้สติกลับมา

“คุณเซ่ ใครกันคะ?”

ลู่วิ่งเซินเก็บรอยยิ้มนั้นเอาไว้แล้วพูดว่า “ญาติทางแม่ของผม เป็นลูกพี่ลูกน้องห่างๆ”
จิ่งหนึ่งคิดอยู่สักครู่จนได้เข้าใจ

ก่อนหน้านี้ที่เธออาศัยอยู่ในบ้านตระกูล ราวกับเคยได้ยินชื่อ นี้มาก่อน เธอชื่อว่าอะไรนะเซ่เซียงหลิง

อืมใช่ น่าจะชื่อนี้แหละ

เนื่องจาก แม่ลู่จากไปนานแล้ว ตามปกตินอกจากเซเซียว ลู่วิ่ง เงินก็ไม่ค่อยติดต่อกลับทางกลับคูณเซ่เท่าไหร่

การพบกันในครั้งนั้นก็เพียงแค่เป็นเพราะงานวันเกิดของ คุณนาย ทางตระกูลเซ่จึงได้ส่งเธอมาเป็นตัวแทนแสดงความ ยินดี

ต่อจากนั้นเนื่องจากเธอ ต้องเรียนหนังสือ ในเมืองหลวง คุณนายจึงดำเนินการด้วยตัวเอง สั่งให้คนพาเด็กผู้หญิงคนนี้หา ที่อยู่เป็นหลักเป็นแหล่ง

ถึงอย่างไรเสียก็เคยเป็นญาติกันมาก่อน นับว่าเป็นที่พึ่งให้เธอ ตอนอยู่เมืองหลวงด้วย คงจะดีกว่าการที่จะต้องอยู่ในที่พักของ มหาวิทยาลัย

เพียงแต่ว่า………ตอนนี้เป็นเวลาเรียนหนังสือเธอมาที่นี่ทำไม กัน?

ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร แต่ในเมื่อเดินทางมาแล้วก็ควรจะไปพบ เธอสักหน่อย

ดังนั้นเธอจึงผลักแขนของชายหนุ่มออกแล้วพูดว่า “มีคนมา คุณรีบลงไปสิคะ”
สีหน้าของลู่วิ่งเซินมืดมนลง เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ค่อยเต็มใจ แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจลุกขึ้นแล้ว ใส่เสื้อผ้าพูดว่า “ไปบอกให้ ป้าหลิวต้อนรับเธอไปก่อน เดี๋ยวพวกเราจะลงไป

“ค่ะ”

ด้านในห้องรับแขก เซ่เซียงหลิงนั่งอยู่ แล้วมองไปยังป้าหลิวที่ ทำนุ่นทํานี่ด้วยรอยยิ้ม

เธอไม่ได้งดงามมาแล้วเช่นนางฟ้า หากเปรียบเทียบกันกับจิ้ง หนิงแล้ว แน่นอนว่าเธอจืดชืดมากทีเดียว

แต่ในตอนนี้มีผู้ชายมากมายที่นิยมผู้หญิงจืดชืดแบบเธอ ความงามแบบนี้ งามที่มารยาทและบุคลิกภาพ เธอนั่งคอยอยู่ เงียบๆ ผมลื่นสลวยราวกับน้ำตกประบ่า เธอสวมชุดเดรสสีม่วง ด้านนอกเป็นผ้าไหมพรมบางๆ มองไปแล้วทางอ่อนช้อยงดงาม และดูใจกว้าง

เธอนั่งมองอยู่ตรงนั้นสักพักในที่สุดก็ยิ้มขึ้นแล้วพูดว่า “ป้า หลิวมานั่งพักสักหน่อยดีไหมคะ?”

ป้าหลิวตอบรับ แต่เธอยังไม่ได้หยุดงานในมือลง กำชับให้คน นำอาหารว่างและน้ำชาที่ดีที่สุดมาเสิร์ฟ เธอไม่ได้หยุดนิ่งอยู่ เฉยๆ

เซ่เซียงหลิงเห็นดังนั้นเธอก็ไม่ได้บีบบังคับ เพียงแต่เอ่ยขึ้นมา ลอยๆว่า “ป้าหลิว พวกเราไม่ได้พบกัน 6 ปีได้แล้วมั้งคะ แต่มอง ไปป้ายังดูสาว ไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อยเลย
ป้าหลิววางแก้วน้ำชาให้เธอยิ้มแล้วพูดว่า “คุณเซ่ช่างพูดจริงๆ ปีนี้ป้าอายุ 50 แล้ว เมื่อหกปีก่อนที่ 40 กว่า จะยังดูสาวได้ยังไง คะ?”

เซ่เซียงหลิงส่ายหัว แล้วพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า

“ไม่เลยค่ะ ในใจของฉัน ป้าหลิวดูสาวสวยตลอดไป ยังคงเป็น เลขาสาวสวยที่อยู่ข้างๆคุณน้า

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ แววตาของป้าหลิวก็ดูมืดมนลงเล็กน้อย

ทันใดนั้นเธอก็ส่ายหัวแล้วพูดว่า “เรื่องมันผ่านไปนานแล้ว ตอนนี้ฉันเป็นแค่คนแก่ธรรมดา เพียงมีกำลังพอที่จะจัดการเรื่อง ราวต่างๆ ให้คุณชายบ้างก็นับว่าพอใจแล้ว

เมื่อทั้งสองคนพูดจบก็พบว่าลู่วิ่งเป็นค่อยๆเดินลงมาจากด้าน

บน

ป้าหลิวก้าวออกมาข้างๆ แล้วพูดว่า “คุณชาย”

เซ่เซียงหลิงสายตาเป็นประกายเธอพูดขึ้นด้วยท่าทางดีใจว่า

“พี่คะ!

สีหน้าของลู่วิ่งเป็นค่อนข้างนิ่งเงียบ ลูกพี่ลูกน้องคนนี้เขาจำไม่ ค่อยได้สักเท่าไหร่

แต่เห็นแก่หน้าแม่ เขาก็ควรจะตอบรับ ไม่ทำให้เธอรู้สึกถึง ความเยือกเย็น

ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าแล้วเอ่ยถามขึ้นว่า “วันนี้คิดยังไงถึงมาที่นี่กัน?”

สายตาของเซ่เซียงหลิงมองไปที่เขา และพบว่าผมของเขายังมี หยดน้ำเกาะอยู่ ร่างกายของเขามีอุณหภูมิอุ่นๆลอยออกมา เห็น ได้ชัดว่าเพิ่งจะอาบน้ำเมื่อสักครู่ ที่คอมีรอยแดงเป็นเส้น คล้าย กับถูกเล็บหรืออะไรบางอย่างขูด

สายตาของเธอเป็นประกาย และแฝงไปด้วยความอิจฉา แต่ เธอก็ซ่อนมันไว้อย่างรวดเร็ว


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ