วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 993 ปกป้องคนรักเสมอ



บทที่ 993 ปกป้องคนรักเสมอ

“นั่นสิ ตราบใดที่คนไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ครอบครัวของเราไม่ ขาดเงินพวกนั้น”

ในเวลานี้ อย่างน้อยแล้วหลันคือก็ได้พูดคำพูดที่คนพูดกัน

ก็ได้ตามไปปลอบเขา

แท้จริงแล้วโม่ไฉ่เวยก็ไม่ได้รู้สึกเสียดายเงินหรอก

หลายปีที่ผ่านมานี้ แม้ว่าเขาจะพาเธอไปซ่อนตัวอยู่ที่ทะเล ทรายตลอด เขาเป็นคนที่ไม่แยแสต่อชื่อเสียงและความมั่งคั่ง ไม่ เช่นนั้นก็คงไม่อยู่ในสถานที่ที่แม้แต่นกก็ไม่วางไข่อย่างนั้นหรอก ด้วยความสามารถของเขา เงินเป็นสิ่งเดียวที่เขามีไม่ขาดมือเลย

แม้แต่ปราสาทในทะเลทราย ก็ยังมีกลุ่มคนรับใช้ราวอย่าง กับใช้ชีวิตอยู่ในสรวงสวรรค์

ฉะนั้นแล้ว คนอย่างไม่ไฉ่เวยจะไม่มีวันใส่ใจกับเงินเพียงเล็ก น้อยแค่นี้แน่นอน

เธอเพียงแต่ว่าตกใจกลัวเท่านั้นเอง บวกกับการที่เซวซูได้ไล่ ตามออกไป เธอถึงเป็นห่วงเล็กน้อยอยู่พักหนึ่ง จึงอดไม่ได้ที่จะ วิตกกังวล

แน่นอนว่าวิ่งหนึ่งก็ได้นึกถึงจุดนี้แล้ว

เธอหันไปมองลู่จิ่งเซิน “จิ้งเซิน คุณตามไปดูหน่อย อย่าปล่อยให้คุณอาเซวไปคนเดียว เกิดอะไรขึ้นคงไม่ดีแน่

วันนี้พวกเขาออกมาเที่ยวกัน เพราะไม่อยากดึงดูดความสนใจ

จากผู้อื่น จึงไม่ได้พาบอดี้การ์ดมาด้วย ลู่วิ่งเซินพยักหน้าตอบรับ และได้สั่งให้เจ้านายหยุคอยดูแลผู้

หญิงทั้งสามไว้ก่อน แล้วจึงจะไล่ตามเขาไป

ก่อนวิ่งไล่เขาอย่างไม่คาดคิดได้ไม่ไกล จู่ๆ เขาก็เห็นร่างที่คุ้น เคยอยู่ข้างหน้าเขา

กู้ซื้อเฉียนได้พาเฉียวมาด้วย ทันทีที่มาถึงที่นี่ ก็เห็นใครบาง

คนรีบวิ่งไล่ตามมา ยังผลักเฉียวฉล้มอีก

กู้ซือเฉียนนั้นเป็นคนที่คอยปกป้องคนรักอยู่เสมอ เกิดเรื่อง แบบนี้แล้วใครจะไปทนได้

ดังนั้น เขายื่นมือออกมาโดยตรง แล้วฝ่ายตรงข้ามก็ถูกยับยั้ง

ในขณะนี้ เชวซูก็ได้ไล่ตามมาทันแล้ว และกำลังเจรจาอะไรกับ กู้ซือเจียนอยู่ที่นั่น

กู้ซื้อเฉียนได้ยินเขาพูดว่าชายคนนี้เป็นขโมย และเห็นว่าเขา กำลังถือกระเป๋าเงินของผู้หญิงอยู่ในมือ หน้าของเขาก็ทรุดลง ทันที และเขาก็เตะขาของฝ่ายตรงข้ามโดยตรง ทําให้อีกฝ่าย คุกเข่าลง

อีกฝ่ายคงคาดไม่ถึงว่าวันนี้ตัวเองจะเจอคนหน้าเย็นแบบนี้ ด้วยสถานการณ์ที่รีบร้อนอย่างนี้ จึงรีบโยนกระเป๋า ในมือเข้าไปในฝูงชน
หลายคนประหลาดใจ

เชวรีบวิ่งไปตามกระเป๋าในฝูงชนนั้น แต่ขโมยคนนั้น พอเห็น สายตาของพวกเขาเพ่งไปที่กระเป๋าใบนั้นกันหมด

ก็ได้ตั้งสติแล้ววิ่งหนีไป

แต่แค่เพียงยืนขึ้นมาเท่านั้น ยังไม่ทันได้วิ่งถึงสองก้าว ก็เจอ กับการโดนเตะเข้าแล้ว เตะเข้าหาโดยตรงที่หน้าอก ทันใดนั้น เขาก็กระเด็นออกไปและร่างของเขาก็ล้มลงกับพื้นอย่างหนัก

ขโมยไอครั้งสองครั้ง สีหน้าเริ่มซีดเผือด แล้วลุกขึ้นไม่ไหวอีก

เลย

กู้ซื้อเฉียนตกตะลึง และทันทีที่เขาเงยหน้าขึ้นมอง เขาเห็นลู่วิ่ง เป็นกำลังเดินจากทางฝูงชนเข้ามาหา

ดวงตาเป็นประกาย

“ลู่จิ่งเซิน คุณอยู่ที่นี่ได้ยังไง? ”

ลู่วิ่งเซินก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน

ไม่คาดคิดว่าแค่การที่ออกมาวิ่งไล่ขโมย และยังได้พบพวก เขาอีก

ขายกขโมยขึ้นจากพื้นดินแล้วยิ้มและพูดว่า “ทำไมพวกคุณ ถึงมาอยู่ที่นี่ได้?

กู้ซือเฉียนตอบกลับ : “ผมกับอะเฉียวมาทำธุระหน่อยนะ

ขณะที่เขาพูด ก็ได้ส่งซิกด้วยนัยน์ตาของเขา
จิ้งเซินรู้ทันทีว่าเขากำลังจะทําเรื่องอะไรกัน

เพราะมีคนนอกอยู่ด้วย เขาก็ไม่ได้พูดอะไรมากมาย และขณะ นี้เซวซูก็ได้กระเป๋าคืนแล้ว เดินเข้ามา แล้วมองดูขโมยคนนั้น ด้วยสีหน้าที่ไม่หวังดี

“ช่างกล้าฉกฉวยของอย่างเปิดเผยในตอนกลางวันแสก ๆ เห รอ หึ! ผมว่าคุณคงเบื่อกับการใช้ชีวิตแล้วละสิ

ในขณะที่เขาพูดอยู่ ก็ยกกำหมัดขึ้นเพื่อจะซัดหน้าหัวขโมยคน

บน

ขโมยสะดุ้งถอยหลังด้วยความตกใจ และถูกลู่วิ่งเซินหยุดเอา

ไว้

“คุณเซว ให้ผมแนะนำคุณก่อน นี่คือเพื่อนของผมกู้ซื้อเนียน และนี่เฉียวฉี”

กู้ซื้อเฉียนกับเฉียวฉีก็ต่างทักทายเขากันหมด

เชวซูมองดูพวกเขาอย่างวอกแวก

แม้ว่าเขาจะซ่อนอยู่ในทะเลทรายก็ตาม แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะ ไม่รับรู้อะไรเกี่ยวกับโลกภายนอกเลยสักนิดเดียว

ในทางตรงกันข้าม เขาผู้มีขนานนามว่าเป็นหมออัจฉริยะ

จริงๆ แล้วคุ้นเคยกับกองกำลังสังคมอิทธิพลมืดมากกว่า

พอเห็นกู้ซือเฉียน และทันใดที่เขาได้ยินชื่อ ก็นึกขึ้นได้ทันทีกับ บุคคลชื่อนี้
นัยน์ตานั้นเริ่มเย็นชาลง

เขาก็ไม่ชัดหน้าขโมยอีก บางหมดลง และพูดอย่างเงียบ ๆ ว่า: “ที่แท้ก็เป็นหัวหน้ากลุ่มมังกรนี่เอง ช่วงนี้กลุ่มมังกรช่างมีชื่อ เสียง และได้ชื่นชมมาช้านาน

กู้ซื้อเนียนยิ้มจางๆ “ถ้าเทียบกับหมออัจฉริยะแล้ว พวกเราก็ แค่หาเช้ากินค่ำคุณเซวก็ถ่อมเนื้อถ่อมตัวเกินไป”

เมื่อลู่จึงเป็นเห็นว่าทั้งฝั่งนั้นรู้จักกัน ก็ไม่ได้อธิบายอะไรมาก จับขโมยคนนั้น แล้วพูดว่า “ในเมื่อคนนี้เป็นคนขโมยของของ แม่ เอาเป็นว่าพาเขาไปด้วย ให้พวกเ เป็นคนจัดการเลย”

เซวพอได้ยินเช่นนี้ก็ขมวดคิ้ว

แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้มีข้อโต้แย้งใดๆ เขาพยักหน้าเห็นด้วย กู้ซื้อเฉียนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินเกี่ยวกับแม่ของ ลู่จิ่งเซิน

อันที่จริง เขารู้ว่าพ่อแม่ของลู่วิ่งเซินนั้นได้เสียชีวิต และไม่อยู่ บนโลกนี้นานแล้ว

ถ้าเป็นเช่นนี้ คนที่ถูกเขาเรียกว่าแม่ได้อีก หรือว่า…….

แต่มันก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เพราะไม่ว่าจะเป็นโม่ไฉ่เวยหรือ ว่ากวนหวั่น ก็น่าจะไม่อยู่บนโลกใบนี้แล้ว

ถ้าอย่างนั้นแล้วเขาเรียกใครกัน?

ด้วยความสงสัย กู้ซือเฉียนและเฉียวฉีก็ได้เดินตามพวกเขาไปทีตรงหน้าโรงละครกัน

ในที่โล่งข้างประตูนั้น จึงหนึ่งพวกเขาได้ยืนรออยู่ตรงนั้นอยู่ ตลอดเวลา หลังจากที่รอเป็นเวลานาน ในที่สุดก็เห็นร่างที่คุ้นเคย ของทั้งสองคนเดินมาแต่ไกล

พวกเธอนั้นดีใจกันใหญ่ และรีบวิ่งเข้ามาทักทายพวกเขา

เป็นยังไงบ้าง? ไม่เป็นอะไรใช่ไหม? ”

“จับขโมยได้แล้วหรือยัง?

ลู่วิ่งเซินขว้างหัวขโมยที่เหี่ยวแห้งหมดเรี่ยวแรงไปต่อหน้าพวก เธอจับได้แล้ว”

เซวซูก็ได้นำกระเป๋าคืนให้กับโมไฉ่เวย คุณลองเช็กดู ว่ามี อะไรขาดหายไปไหม?

โม่ไฉ่เวยรับมา ได้ตรวจเช็กดูอย่างคร่าวๆ แล้วพยักหน้า

“ไม่มีอะไรขาดหายไป

“งั้นก็ดี เขานิ่งไปพักหนึ่ง แล้วมองดูขโมยคนนั้น สายตาช่าง อำมหิต” ในตอนแรกผมจะซัดหน้าเขาสักทีหนึ่ง แต่ว่าลู่จึงเป็นได้ พูดว่า ของที่เขาขโมยเป็นของของคุณ จะให้ผมจับเขามาให้คุณ ลงโทษ คุณดูเลยว่าจะจัดการกับมันยังไงดี!

โม่ไฉ่เวยได้ยินเช่นนี้ มองไปทางจึงเป็นอย่างซาบซึ้ง เธอรู้ ว่าเชวนั้นเป็นจิตใจดี แต่เป็นคนหัวดื้อเวลาทำเรื่อง อะไรก็ตาม แล้วยังเป็นคนที่เกลียดคนชั่ว เสมือนเกลียดศัตรู
พูดให้เข้าใจง่ายหน่อยก็คือ เป็นคนที่สูง แต่EQ นั่นเอง

เขาก็ไม่คิดดูดีๆ ด้วยที่ว่าสถานะเป็นหมออัจฉริยะของเขาเอง

นั้น ถ้าหากเกิดเรื่องลงมือทำร้ายคนที่เมืองขึ้นมาจริงๆละก็ พอ ถึงเวลาแล้วก็จะเป็นปัญหากันอีก แม้ว่าพวกเขาจะไม่กลัวปัญหา แต่ถ้าหลีกเลี่ยงได้ก็ควรหลีก

เลี่ยงดีที่สุดใช่ไหม?

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่ออีกฝ่ายไม่มีความผิดถึงตาย

โมไฉ่เวยมองดูขโมยคนนั้น เห็นว่าอีกฝ่ายอายุไม่มาก และดู เหมือนว่าเขากำลังอยู่ในช่วงวัยรุ่น

รูปร่างค่อนข้างผอม ผิวคล้ำ และมองดูเธอด้วยสายตาที่ขี้อาย เพราะตัวเขาถูกลู่วิ่งเซินยกไว้ ในใจยังกล้าๆกลัวๆอยู่ และ ร่างกายของเขาก็สั่นเล็กน้อย

โม่ไฉ่เวยถามเขาด้วยเสียงที่นุ่มนวลว่า “คุณชื่ออะไร? ทำไมถึงต้องมาขโมยของหรือ? ”

อีกฝ่ายผวา และไม่ได้ตอบกลับ

เจ้านายหยูยิ้มและพูดว่า “เด็กคนนี้ดูไปก็เป็นคนท้องถิ่น และผมเดาว่าเขาไม่เข้าใจสิ่งที่คุณพูด เอาอย่างงี้ แล้วผมจะแปล

ให้คุณ”

เจ้านายหยูทองทั่วพื้นที่ สำหรับภาษาของเมือง แล้วก็คุ้นเคย มากพอสมควร
ในไม่ช้า ก็ได้ถามเขา

เด็กคนนี้ค่อยเข้าใจขึ้นมา แล้วพูดออกมาสองสามค

เจ้านายหยูพูดว่า : “เขาบอกว่าเขาชื่อข่าจา เขาไม่มีเงินแล้ว อยากได้เงิน ก็เลยไปขโมยของ

โมไฉ่เวยขมวดคิ้วเล็กน้อย

“อยากได้เงิน แล้วทำไมถึงไม่ทำงานล่ะ? หรือไม่ก็คนที่บ้าน คุณอยู่ที่ไหน? ดูเหมือนคุณยังอยู่ในวัยรุ่น ไม่ได้ไปโรงเรียน หรือ?


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ