วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 184 เปลี่ยนที่ร้องไห้



อยู่สวยขนาดนี้ ปล่อยไว้ตั้งนานถึงเพิ่งจะ คิดเข้าวงการบันเทิง ซ้ำยังต้องพึ่งพาผู้กำกับถึง สามารถได้รับบทบาทนี้ คิดได้ยังไงเนี่ย?

ชาวโซเชียลต่างสงสัยในตัวของงมากขึ้นไปอีก รวมไปถึงคนบางกลุ่ม ที่คุ้นเคยกับ ชื่อนี้ดี เพราะมีความสัมพันธ์กับจิ่งเสี่ยวหย่า

เมื่ออันดับค้นหายอดนิยม โผล่ขึ้นมา ก็รีบ บอกต่อกับทุกคน ดังนั้นผ่านไปไม่นาน คนทั่วทั้ง ก็รู้จักกันหมดแล้ว

ในเมื่อมีข่าวเสียหายออกมา ดังนั้น หลัง จากที่รู้จักแล้ว มีเสียงก่นด่าตามมามากมาย

แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อคนบางกลุ่ม เพราะหลงใหลในรูปร่างหน้าตาของจิ่งหนิง ทำให้ กลายเป็นแฟนคลับเธอชั่วคราว

รูปพวกนั้นน่ะเหรอ?

ขอโทษด้วยนะ คนที่ตกเป็นข่าวยังไม่ออก มาพูดชี้แจงอะไรเลย จะรีบร้อนไปทำไมกัน?

ติดตามดารามานาน ก็จะค่อย ๆ เข้าใจไป เอง ว่าอย่ารีบร้อนฟังเสียงลมแล้วคิดว่าเป็นฝน อย่ารีบด่วนสรุปอะไรขนาดนั้น

เมื่อไปอยู่ฝ่ายเสียงข้างมากเข้าเรื่อย ๆ นั้น ตอนที่ถูกตบหน้า ก็จะเป็นพวกที่ถูกฟาดเข้าอย่างแรง!

ฉะนั้น นอกจากแฟนคลับของจิ้งเสี่ยวหย่า ที่โกรธเกลียด งหนิงพราะเรื่องก่อนหน้านี้ ทำให้ เมื่อมีข่าวนี้ออกมา ก็รีบเหยียบยาชาเติมเธอทันที

รวมถึงคนอื่น ๆ ที่ไม่ยังไม่รู้ข้อเท็จจริง แน่ชัด แต่เป็นพวกชาวเน็ตหัวรุนแรงแล้วนั้น

ส่วนที่เหลือทั้งหมดก็ได้แต่คอยดูท่าทีกัน

ต่อไป

จึงเสี่ยวหย่าเมื่อเห็นฟีดแบคบนโซเชียล ก็ โมโหเป็นธรรมดา

สมควรตายนัก! ยัยจิ้งหนึ่งนี่ มันโชคดีอะไร ขนาดนี้นะ?

รูปก็แชร์ออกไปแล้ว กลับได้รับฟีดแบค อย่างนี้กลับมา

เธอพูดเสียงแข็งกับถงซู : “ยังไม่พอ เธอไป หาบัญชีปลอมมาเพิ่มให้มากกว่านี้อีก ครั้งนี้ ฉัน จะทําให้ชื่อเสียงของมันพังย่อยยับไม่เหลือซาก!”

ถง ขมวดคิ้ว เพียงแค่รูปถ่ายไม่กี่รูป เกรง ว่าจะยังไม่พอ บัญชีปลอมหามามากเกินจะกลาย เป็นเรื่องร้ายได้นะ เพราะจะทำให้คนรู้สึกว่าจงใจ ใส่ร้ายป้ายสีหล่อน แบบนั้นคงจัดการลำบากแน่”

จิ่งเสี่ยวหย่าคิดไปคิดมา ก็เห็นด้วย

“งั้นเธอว่าควรทํายังไงดีล่ะ?”
ต้องค่อยเป็นค่อยไป ไว้คอยสร้างหลัก ฐานใหม่ก่อนค่อยว่ากัน”

ณ ล่ อกรุ๊ป

ในห้องทํางานของประธาน บรรยากาศมาคุ

มาก

ซูมยืนอยู่หน้าโต๊ะทํางาน ก้มหน้าลงเล็ก น้อย ไม่กล้าส่งเสียงออกมาเลยสักนิด

หลังโต๊ะ ทำงานนั้น ลู่จิ่งเซ็นกำลังอ่านข่าว ซุบซิบในคอมพิวเตอร์อยู่ สีหน้ามืดครึ้มถมึงทึง จนแทบกลั่นนาออกมาได้เลย

“ท่านประธานครับ เรื่องนี้น่าจะมีคนจงใจ ใส่ร้ายคุณผู้หญิง ไม่ใช่เรื่องจริงแน่นอน”

ลู่วิ่งเซ็นชำเลืองมองเขา สีหน้าไม่พอใจ

“ไร้สาระน่า! นี่ต้องให้นายพูดอีกเหรอ?”

ผู้หญิงของเขา เขาต้องเชื่อมั่นอยู่แล้ว

อีกอย่าง หลินซูฝานเป็นใครกัน? หล่อเท่า เขาเหรอ? มีเงินเท่าเขาเหรอ? หุ่นดีอย่างเขาเห รอ? มีเสน่ห์กว่าเขางั้นเหรอ?

ใช้สายตามองแค่นี้ก็รู้แล้วว่าต้องเลือกใคร ! แต่รู้ก็ส่วนรู้ เชื่อใจก็ส่วนเชื่อใจ แต่เมื่อเห็นรูปพวกนั้นในคอมพิวเตอร์แล้วรู้สึกไม่พอใจอย่างบอกไม่ถูก

สายตาลู่วิ่งเซ็นจ้องมองอย่างดุดันอันตราย สักครู่ แล้วพูดเสียงเข้มว่า : “ไปสืบหาดูหน่อย ใครเป็นคนทําเรื่องชั่วร้ายลับหลังแบบนี้!”

ซูมู่รีบพยักหน้าขานรับ “ครับผม!”

ฝ่ายลู่จิ้งเซินนั่นได้ส่งคนไปสืบหาแล้ว ส่วน ฝ่ายจิ้งหนังกลับสงบจิตสงบใจถ่ายละคร ส่วนเสียงด้านนอก ที่ถึงแม้จะซุบซิบนินทา

กันไปทั่ว แต่เธอก็แสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน

หลินซูผ่านชื่นชมในความมีสติและสมาธิ ของเธอมาก ต่างกันกับจิ่งเสี่ยวหย่า เป็นคน สร้างเรื่องในกองถ่าย กับฝ่ายนั้นเขากลับทนดูไม่ ได้แล้ว

วันนี้ จิ่งเสี่ยวหย่าเริ่มตัดพ้อเรื่องข้าวกล่อง ในกองถ่ายไม่อร่อย เลยสั่งให้เสี่ยวฃยไปซื้อข้าว ที่ร้านปาหลี่จวงมาให้เธอ

ปาหลี่จวงอยู่อีกฟากหนึ่งของเมือง เวลานี้ เป็นเวลาเที่ยงแล้ว เป็นช่วงที่รถติดหนักมาก ไป กลับก็ต้องใช้เวลาถึงสองสามชั่วโมง

ยิ่งตอนนี้อากาศก็เริ่มร้อนขึ้นเรื่อย ๆ ออก ไปตอนเที่ยง ๆ อย่างนี้ ช่างเหลืออดจริง ๆ แต่คุณผู้หญิงนั่นกลับไม่สนใจเรื่องพวกนี้ ถ้ากลับมาช้าหรือข้าวเย็นแล้วก็ต้องถูกด่าอีก
ทุกคนที่เห็นรูปร่างผอมบางของเสี่ยว ยืนอยู่ตรงนั้น ถูกจิ่งเสี่ยวหย่าขี้หน้าด่าไม่หยุด กลับไม่กล้าตอกกลับสักคำ ตอนนั้นในใจก็รู้สึก ไม่พอใจขึ้นมา

ยิ่งนึกถึงตอนที่เธออยู่ข้างนอกทําท่าทาง ราวกับนางฟ้าก็ไม่ปาน มันช่างน่าหัวเราะเยาะเสีย จริง ๆ

วันนี้ช่วงเช้าจิ่งหนึ่งไม่มีคิวถ่ายทํา เมื่อวาน ตอนดึกถ่ายจนถึงตีสาม หลินซูผ่านเลยให้เธอพัก ผ่อนช่วงเช้า ทานข้าวเที่ยงเสร็จแล้วค่อยมาที่ กองถ่าย

ดังนั้น ตอนที่เธอมาถึงก็เป็นเวลาบ่ายโมง พอดี ตอนที่เดินมาตรงมุมทางเดิน ก็ได้ยินเสียง เด็กผู้หญิงร้องไห้แบบกลั้นเสียงสะอื้นไว้

จิ่งหนิงเลยหยุดเดิน มองไปหาต้นตอของ เสียง ก็เห็นมุมกำแพงที่ปูด้วยอิฐสีเขียว มีรูปร่าง ผอมเล็กนั่งยอง ๆ อยู่ตรงนั้น กอดเข่าร้องไห้หนัก มาก

โม่หนานเมื่อคืนก็กลับมาแล้ว วันนี้เลยตาม เธอมาด้วย คอยเป็นทั้งบอดี้การ์ด และเป็นทั้งผู้ ช่วยของเธออีกด้วย

เห็นเธอหยุดเดิน ราวกับสนใจคนคนนั้น เลยเตรียมจะเรียกคนเข้ามา แต่เมื่อกำลังก้าวขา ก็ถูกจิ่งหนึ่งดึงตัวไว้
เห็นเพียงจิ้งหนิงเดินผ่านตัวเธอไป แล้วเดิน ไปหาคนคนนั้น

โม่หนานได้แต่เม้มปากแล้วเดินตามไป

คนที่นั่งยองอยู่ที่มุม แพงยังคงร้องไห้อยู่ เงียบ ๆ ร้องไห้ไปพลาง สะอึกสะอื้นไปพลาง รูป ร่างผอมบางนั่นก็สั่นไหวตามแรงสะอื้น

น่าจะได้ยินเสียงฝีเท้า เธอเลยค่อย ๆ เงย หน้าขึ้น เห็นเงาดเข้ามาทางตัวเอง”

แดดแรงขนาดนี้ มานั่งยองร้องไห้อยู่ที่นี่ ” ไม่กลัวเป็นลมแดดเหรอ?”

คนที่เดินเข้ามานั้นดูหุ่นสูงเพรียว ซูบผอม น้ำเสียงสดใสไพเราะมาก เหมือนเสียงอัญมณี ก้องกังวานอยู่ในแก้วหู

เสี่ยวยรู้สึกหวาดผวาเล็กน้อย จากนั้น ค่อย ๆ แหงนหน้ามองเธอ

ใบหน้าจิ้งหนิงมีรอยยิ้มเล็กน้อย ยื่น ผ้าเช็ดหน้าสะอาดผืนหนึ่งที่ปกติตัวเองจะพก ติดตัวเอาไว้เช็ดเหงื่อส่งให้เธอ แล้วเอ่ยพูด “เช็ด หน้าซะเถอะนะ ร้องไห้จนหน้าเลอะหมดแล้ว”

เสี่ยวยรับปาดน้ำตาออกอย่างลวก ๆ ทันที แล้วยื่นมือไปรับผ้าเช็ดหน้าจากมือเธอมา ยื่นมือ ไปได้ครึ่งหนึ่ง ก็ดึงมือกลับไป

ทันใดนั้น ก็ลุกลี้ลุกลนรีบลุกขึ้นยืนทันที แล้วเอ่ยพูดอย่างตะกุกตะกักราวกับรู้สึกไม่ปลอดภัย : “ฉันรู้แล้วค่ะ ขอบคุณนะคะ” จิ่งหนังนิ่งไปครู่หนึ่ง

เธอหลุบตาลง เหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้ จากนั้นก็ยิ้มออกมาอีก ไม่ได้ฝันใจอะไร แล้วเก็บ ผ้าเช็ดหน้ากลับมา

“ร้องไห้เสียใจขนาดนี้ ถูกรังแกมาเหรอ?” เสียวขยกัดปาก รีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที

“เธอวางใจเถอะ ฉันไม่ได้มีเจตนาจะยุ่ง เรื่องของคนอื่น ก็แค่อยากปลอบใจเธอก็เท่านั้น เห็นแก่มนุษยธรรมน่ะ จะแนะนําอะไรเธอไว้นะ เที่ยง ๆ แบบนี้ ถ้าหากอยากจะร้องไห้จริง ๆ ก็ เปลี่ยนไปร้องที่อื่น ไม่อย่างนั้นถ้าไม่เสียใจตาย ก็ คงเป็นลมแดดตายเสียก่อน ถึงตอนนั้นนอนอยู่ใน มุมลับ ๆ อย่างนี้คนเดียว ถ้าหากไม่มีใครมาพบกัน จะแย่เอาได้ เธอว่าจริงไหม?”

เสียวขุยตกตะลึง เงยหน้ามองเธอ

จิ่งหนิงยิ้มออกมา

“เสียใจแล้วก็สามารถระบายออกมาได้ แต่ ก็ต้องรู้จักปกป้องดูแลตัวเองด้วย”

พูดจบ เธอก็ไม่ได้ยืนอยู่ต่ออีก จากนั้นก็พา ไม่หนานหินตัวเดินจากไป

เสี่ยวยรู้สึกว่า จิ่งหนิงคนนี้ สมองไม่ค่อย ปกติหรือเปล่า?
คนเสียใจขนาดนี้ ยังต้องเลือกสถานที่ ร้องไห้อีกเหรอ?

แต่เมื่อคิดได้อย่างนี้แล้ว ตอนนั้นเอง เธอก็ รู้สึกได้ว่า แดดจ้าในยามเที่ยงสาดส่องมาบน ตัวอย่างร้อนแรง ช่างรู้สึกทรมานจริง ๆ

เติมทีเสียใจอยู่แล้ว แต่เมื่อถูกแดดเผา อย่างนี้ ยิ่งอารมณ์ไม่ดีไปกันใหญ่

ถ้าหากย้ายไปร้องไห้ในที่ ๆ เย็นสบายขึ้น มาหน่อย อารมณ์น่าจะค่อย ๆ ดีขึ้นมาหรือเปล่า?

เมื่อคิดได้อย่างนี้ เสี่ยว ยก็หยุดชะงัก กะทันหัน

นี่มัน……..ช่างน่าแปลกจริง ๆ

จิ่งหนิงไม่สนว่าเธอจะคิดยังไง ได้แต่เดิน ช้า ๆ ไปยังกองถ่าย เห็นฝ่ายอุปกรณ์ยังคงทำ อุปกรณ์ประกอบฉากอยู่ ก็เข้าห้องแต่งหน้าไป แต่งหน้าแต่งตัว


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ