วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 914 คิดมาก



บทที่ 914 คิดมาก

หลังจากที่ดื่มยาในถ้วยเล็กจนหมด กู้ซื้อเฉียนก็เรียกแม่บ้าน

ให้มายกถ้วยออกไป

จากนั้นเขาก็กลับมานั่งที่ข้างเตียงอีกครั้ง พร้อมกับมองดูเฉียว ฉี แล้วเอ่ยถามขึ้น “ความทรงจำของคุณในช่วงที่ผ่านมา คุณจำ อะไรได้มากน้อยแค่ไหน?

พอพูดเรื่องนี้ขึ้นมา สีหน้าของเดียวก็ซีดลงทันที

เธอมองไปทางกู้ซื้อเฉียน ดวงตาที่สว่างไสวคู่นั้น แสดงอาการ งุนงงเล็กน้อย

นัยน์ตาของกู้ซื้อเฉียนหม่นแสงลง

ทันทีที่เห็นท่าทางของเธอแบบนั้น เขาก็รู้ในทันทีว่า ความทรง จำในช่วงที่ผ่านมานั้น แม้กระทั่งตัวเองกลัวอะไรเธอยังจำไม่ได้ เลย

อันที่จริงพูดไปพูดมาเรื่องนี้ก็ค่อนข้างแปลก ในช่วงที่ผ่านมา เฉียวฉีถูกคนพวกนั้นจับขังเอาไว้ ปกติแล้วก็แทบจะไม่มีใคร สนใจเธอด้วยซ้ำ

จากที่เธอเล่ามาทั้งหมด คนพวกนั้นไม่ได้ข่มเหงเธอ แล้วก็ไม่

ได้ทรมานเธอด้วย

แต่นอกจากสองประเด็นนี้แล้ว เธอก็ไม่สามารถบอกเล่าอะไรเกี่ยวกับความทรงจำในช่วงที่ผ่านมาได้เลย

ตัวเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร ส่วนชื่อเฉียนก็ยิ่ง ไม่รู้ว่าช่วงที่ผ่านมาเธอผ่านอะไรมาบ้างใน ยิ่งเป็นธรรมดาที่เขา ก็จะไม่รู้เหมือนกัน

ตอนนี้เขาก็ยังไม่ได้บอกปัญหานี้กับใครสักคน แม้แต่ลู่วิ่งเซ นกับจิ่งหนิงก็ยังไม่รู้

อันที่จริงยังมีประเด็นสำคัญอีกอย่างก็คือ

เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร ทั้ง ๆ ที่เฉียวฉกลับมาแล้ว เธอก็ยังเป็นเธอเหมือนเมื่อก่อน รูปร่างหน้าตาก็ไม่มีตรงไหน เปลี่ยน

แต่กู้ซือเฉียนกลับแอบรู้สึกอยู่ลึก ๆ ว่าเฉียวในปัจจุบัน มี บางอย่างที่แตกต่างกับเฉียวในอดีต

มันไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงที่อธิบายไม่ได้ แล้วก็ไม่ใช่ว่าตัวเขา คิดไปเอง แต่มันเป็นสิ่งที่เขาสัมผัสได้จริง ๆ ทั้งในแววตาและ

ท่าทางต่าง ๆ

เขาไม่ได้บอกประเด็นนี้กับใคร เพราะว่ากลัวทุกคนจะคิดมาก

เพราะนี่มันก็เป็นแค่สัญชาติญาณ ในตัวเขาเท่านั้น ซึ่งมันก็ ยืนยันอะไรไม่ได้อยู่ดี ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นเพราะเขาคิดมากไปเอง ก็ได้

ดังนั้น ในตอนนี้โดยพื้นฐานแล้วเขามั่นใจได้เลยว่า ช่วงที่ เฉียว หมดสติไปเธอต้องเจออะไรบางอย่างมาแน่ ๆ แต่เขาก็ยังไม่ได้บอกความรู้สึกในใจนี้ให้ใครฟังอยู่ดี

พอคิดได้ดังนี้ เขาจึงตอบด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งว่า “ไม่มีอะไร ไม่ ต้องคิดมากนะ”

เฉียวพยักหน้าด้วยความงุนงง

หลังจากปลอบโยนเธอเสร็จเรียบร้อย กู้ซือเฉียนก็อยู่เป็น เพื่อนเธอไปอีกสักพัก

ขณะเดียวกัน ฤทธิ์ยาก็ค่อย ๆ ทำงาน เฉียวเริ่มรู้สึกง่วงขึ้น มาทีละนิด

กู้ซื้อเฉียนยังเฝ้าเธออยู่ไม่ห่าง เขาค่อย ๆ ให้เธอนอนลง

ผ่านไปไม่นาน เจียวก็หลับไป

หลังจากที่รอให้เธอหลับไปแล้ว กู้ซื้อเฉียนก็ค่อย ๆ ปลีกตัว ออกไปเงียบ ๆ

ณ สวนดอกไม้ด้านล่าง จึงหนิงกับลู่จึงเป็นกำลังนั่งจิบชายาม เช้าอยู่ในสวน

ตอนนี้เฉียวฉีถูกช่วยกลับมาแล้ว ทุกคนต่างก็โล่งใจ ความ รู้สึกต่าง ๆ ก็พลอยผ่อนคลายลงไปด้วย

มีเพียงเรื่องของ กลุ่มชาวจีนทางนั้น ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่จำเป็น

ต้องรีบร้อน

เนื่องจากทางนั้นได้ถูกโจมตีไปหลายครั้ง ซึ่งวิกฤตนี้มันก็มา ถึงช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อตั้งนานแล้ว พวกเขาแทบจะไม่ต้องออกแรงอะไรมาก ทางนั้นก็น่าจะพังทลายไปเอง

แต่เป้าหมายของพวกเขาตอนนี้กลับอยู่ที่ตระกูลหนานเสีย มากกว่า

ถ้าสิ่งที่พวกเขาคาดการณ์ไว้เป็นความจริง แผนทั้งหมดนี้คง ถูกวางขึ้นโดยตระกูลหนาน งั้นการกำจัด กลุ่มชาวจีนก็ยังไม่เป็น จุดจบ แต่มันเป็นเพียงจุดเริ่มต้นต่างหาก

ช่วงเวลาต่อไปนี้สิ ถึงจะเรียกว่าการต่อสู้ที่แท้จริง

พอคิดได้ดังนี้ ก็ยิ่งไม่ต้องเป็นห่วง ตอนนี้ยังถือว่าเร็วไป เวลา ยังเหลืออีกเยอะ

ขณะที่ทั้งสองกำลังนั่งจิบชา ก็เห็นซือเฉียนเดินออกมา

จิ่งหนิงยิ้มพร้อมกับโบกมือให้เขา แล้วก็ร้องทักว่า “ไม่อยู่เป็น เพื่อน เฉียวเฉียว แล้วเหรอ?”

กู้ซือเฉียนเดินเข้ามาด้วยสีหน้านิ่งเฉย พร้อมกับตอบว่า “เธอ เพิ่งกินยา หลับไปแล้ว”

ลู่วิ่งเซ็นเลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะมองไปที่นาฬิกาข้อมือตัวเอง แล้ว พูดขึ้นด้วยความประหลาดใจว่า “นอนอีกแล้วเหรอ?”

“อืม”

จึงหนิงเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน

เธออดไม่ได้ที่จะพูดพร้อมรอยยิ้มว่า “เธอไม่สบายเหรอ? ไม่ใช่ว่าเพิ่งตื่น ทำไมถึงหลับไปอีกแล้ว?”
กู้ซื้อเฉียนมองดูรอยยิ้มของเธอ ด้วยท่าทีกังวลเล็กน้อย นัยน์ตาของเขาลึกล้ำ ก่อนที่เขาจะพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า อาจเป็นเพราะฤทธิ์ยา ในร่างกายเธอที่มันยังไม่ถูกขับออกไปไม่ หมด เมื่อวานคุณหมอบอกว่าเธออาจจะมีอาการแบบนี้ติดต่อกัน ไปอีกประมาณสองสามวัน

พอทั้งสองคนได้ยินดังนั้น ก็ค่อยวางใจลงหน่อย

“แค่เธอไม่เป็นอะไรไปก็ดีแล้ว ครั้งนี้ที่เธอกลับมาได้ ก็ถือว่า ฟาดเคราะห์ไปก็แล้วกัน หลังจากนี้เธอก็แค่ต้องพักผ่อนให้เพียง พอ”

กู้ซือเฉียนพยักหน้า

ทั้งสามคนนั่งอยู่ตรงนั้น พร้อมกับพูดคุยกันคร่าว ๆ เกี่ยวกับ สถานการณ์ปัจจุบัน รวมถึงแผนการต่อไป

กลุ่มชาวจีนอันยิ่งใหญ่ ตอนนี้กำลังจะมาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว เมื่อ

มาอยู่ในจุดนี้ ไม่ว่าใครหน้าไหนก็คงไม่ยอมแพ้ทั้งนั้น

ลู่วิ่งเซินได้ติดต่อกับทางหลินยวนแล้วเมื่อเช้า จึงหนิงเอง ก็ได้ติดต่อกับทางตระกูลจื่อจีนด้วยเช่นกัน ความเห็นของพวก เขาในสถานการณ์ที่ได้เปรียบนี้ถือเป็นประโยชน์อย่างมาก มัน ทําให้อาณาเขตของกลุ่มชาวจีนตกมาอยู่ในมือพวกเขาโดยตรง เลย

ส่วนจิ่งหนิงกับลู่จิ่งเซินก็ไม่ได้มีความเห็นอะไร แต่เพื่อป้องกัน ความเสี่ยง ก็เลยให้พวกเขาช่วยตรวจสอบช่วงที่ผ่านมาอีกครั้ง แล้วก็บอกเล่าเรื่องตระกูลหนานที่อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องสกปรกนีด้วยนิดหน่อย

จี๋หลินยวนและจูเก่อเฟิง ถึงแม้จะดูประหลาดใจ แต่ก็ไม่ได้ ตกใจอะไรมาก

เพราะถึงยังไง ตอนนี้ไม่ใช่ว่าจะเป็นตระกูลไหนไปต่อกรกับ ตระกูลหนาน แต่เป็นพวกเขาทุกคนร่วมมือกันต่างหาก ถ้าตอนนี้ ตระกูลหนานต้องการเคลื่อนไหวอะไร พวกเขาก็คงต้องชั่งน้ำ

หนักให้แน่ใจก่อนว่า พวกเขาจะสามารถกลืนกินพลังอำนาจที่ยิ่ง

ใหญ่ทั้งหมดนี้ได้ภายในลมหายใจเดียว

หลังจากที่พูดคุยกันเสร็จ ทุกคนต่างก็ไม่มีความเห็นอะไรใน ส่วนของผลลัพธ์ตอนสุดท้าย

ดังนั้น ก็เลยพากันแยกย้ายกลับไปพักผ่อนที่ห้องของตัวเอง ตอนเที่ยง เฉียว ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง

ตอนที่เธอตื่นมากู้ซือเฉียนกลับไม่อยู่ ผ้าม่าน ในห้องถูกเปิดไว้ ครึ่งหนึ่ง แสงอาทิตย์อันอบอุ่นด้านนอกส่องเข้ามาเบา ๆ ทำให้ ห้องทั้งห้องดูอบอุ่นกว่าเดิม

เฉียว ลงจากเตียง ก่อนจะเดินออกไปทางด้านนอกระเบียง พอเดินไปถึงหน้าประตู เธอก็ได้ยินเสียงหัวเราะลอยเข้ามา จากสวนดอกไม้ด้านนอก

เธอเดินผ่านประตูระเบียงออกไปเจอทางเดินที่ทอดยาวไปทาง สวน เธอเดินออกไปถึงเฉลียงที่อยู่ชิดกับสวนดอกไม้ ก่อนจะเห็น จิ่งหนิงจูงสุนัขตัวใหญ่ของกู้ซื้อเฉียนสองตัวเดินเล่นอยู่ในสวน
ตัวหนึ่งเป็นสุนัขพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ส่วนอีกตัวเป็นสุนัข เลี้ยงแกะ เธอเห็นเพียงแค่ด้านหลังของสิ่งหนึ่งที่เดินไปมา พลาง เอาอาหารออกมาหยอกล้อกับพวกมัน

ลู่วิ่งเซินก็นั่งดูด้วยความสงบอยู่ข้าง ๆ มีรอยยิ้มอ่อนโยนใน เอ็นดูประดับอยู่บนใบหน้าเขา

จึงหนึ่งชอบสุนัขมาก เธอคิดอยู่เสมอว่าสุนัขถือเป็นสัตว์ที่

ซื่อสัตย์ที่สุดบนโลกใบนี้

เพราะงั้น เธอก็เลยเล่นกับพวกมันอย่างสนุกสนาน

สุนัขสองตัวนั้นก็ค่อนข้างจะชอบเธอมากเช่นกัน พวกมัน เอาแต่ไล่กินอาหารในมือเธอไม่หยุด

ขณะที่กำลังเล่นอยู่ จึงหนิงบังเอิญเงยหน้าขึ้น ก่อนจะมองขึ้น ไปเห็นเฉียวที่ยืนอยู่บนเฉลียงชั้นสอง

เธอหยุดป้อนอาหารให้สุนัขทั้งสองตัว จากนั้นเงยหน้าส่งยิ้ม ให้เฉียวฉี “คุณตื่นแล้วเหรอ? ข้างนอกแดดดีมากเลยนะ อยาก ลงมาเดินเล่นไหม?”

เฉียวฉลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้ารับ “ได้” เธอหันหลังเดินกลับเข้าไปด้านในเพื่อเดินลงมา

ไม่รู้ว่ากู้ซื้อเฉียนไปทำอะไรอยู่ที่ไหน ตอนนี้ทั่วทั้งตึกหลักไม่ เห็นแม้แต่เงาของเขา

เฉียว ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เธอเดินตรงไปยังสวนดอกไม้ด้านหลังทันที จึงเป็นเห็นว่าหญิงสาวทั้งสองคนอยู่ด้วยกันแล้ว ส่วน เขาเป็นชายหนุ่มมานั่งอยู่ตรงนี้คนเดียวคงจะพูดคุยกันไม่สะดวก ดังนั้น เขาเลยหาข้ออ้างปลีกตัวออกมา

จิ่งหนิงจูงหมาสองตัว แล้วก็เดินเล่นในสวนดอกไม้ไปพร้อม ๆ กับเฉียวจี

“คุณตื่นแล้ว ตอนนี้ร่างกายรู้สึกยังไงบ้าง?

ด้านเฉียวอาจเป็นเพราะเธอหลับมานานเกินไป เธอจึงรู้สึก อยู่ตลอดเวลาว่าร่างกายของเธอมีบางอย่างผิดปกติ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ