วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 721 คุยกันกลางดึก



บทที่ 721 คุยกันกลางดึก

ป้า อธิบายว่า “นี่เป็นวิธีการเล่นของบ้านเกิดของเรา ก็คือวัน เกิดของตัวเองทุกปี ก็จะถักด้ายสีแดง ให้ตัวเองหนึ่งเส้น เพื่อเป็น สิริมงคล

วิ่งหนึ่งก็อดที่จะเข้ามาร่วมด้วยไม่ได้ แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ดูไปแล้วก็สวยเหมือนกันนะ คนที่นี่จะทำอย่างนี้กันทุกคนไหม ” ป้าสี่ชะงักไป จากนั้นก็ส่ายหัว

“ไม่ใช่ คนที่นี่ทำไม่เป็น

ทั้งสองทําตาโตท่าทางจะประหลาดใจเล็กน้อย ขณะเดียวกัน ลุงสี่ก็เข้ามาอีก

ป้าสี่ก้มหน้าลงทันที แล้วไม่ได้คุยต่อเรื่องเมื่อกี้นี้อีกเลย

เมื่อลุงสี่เห็นพวกเธอทั้งสามนั่งอยู่ตรงนั้น ก็ถามว่า “คุยอะไร กันอยู่หรือ”

จึงหนิงกับโม่หนานมองหน้ากัน แล้วก็หันไปดูเขา และกล่าว ด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่มีอะไร พวกเรากำลังพูดถึงคุณหมอคนที่เดิน ออกไปเมื่อกี้นี้ว่า ฝีมือดี ก่อนหน้านั้นไม่หนานยังบ่นว่าปวดขา อยู่ พอเมื่อกี้นี้เปลี่ยนยาเสร็จก็หายปวดทันทีเลย”

พอเธอพูดคำพูดนี้ออกมา ปลายนิ้วของป้าสี่สั่นเล็กน้อย
แต่เธอไม่พูดอะไร

เมื่อลุงสี่ได้ยินเช่นนั้น ก็หัวเราะขึ้นมา

“มันต้องแน่นอนอยู่แล้ว ในหมู่บ้านของเรานี้ มีโรคภัยไข้เจ็บ อะไรล้วนหาเขา หากเขารักษาไม่หาย พวกเราก็ไม่ต้องไปหาคน อื่นแล้ว”

พูดไป แล้วก็กล่าวกับป้าว่า “เย็นนี้ทำกับข้าวเพิ่มสักสอง อย่าง ให้สองสาว บำรุงหน่อย คนป่วย ย่อมเสียกำลังวังชาไป บำรุงหน่อยจะได้ฟื้นตัวได้เร็วขึ้น

ป้าสี่พยักหน้า แล้วหันหลังเดินออกไป

หลังจากที่สั่งการจบแล้ว ลุงสี่ก็ออกไป จึงหนิงกับโม่หนาน รู้สึกโล่งอก

อาหารมื้อเย็นสมบูรณ์เต็มโต๊ะมาก

ระหว่างนี้ มีเพื่อนบ้านในหมู่บ้านจำนวนไม่น้อยแวะเวียนมา

เยี่ยมเยียน

รู้ว่าที่บ้านพวกเขามีสองสาวจากต่างถิ่นมา ทุกคนก็ราวกับมา ดูหนังกลางแปลงเช่นนั้น ทุกคนต่างวิ่งมาดู

ก่อนหน้านั้น ตอนที่โม่หนานอยู่คนเดียว คนที่รู้ข่าวนี้ยังค่อน ข้างน้อยคน

ต่อมา หลังจากที่วิ่งหนิงถูกส่งมาแล้ว ก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคน ปล่อยข่าวออกไป น่าจะเป็นชายหนุ่มที่ขับเกวียนวัวในคืนนั้น
ทุกคนล้วนวิ่งมาดูด้วยความอยากรู้

จึงหนิงเห็นว่า ในนั้นมีไม่น้อยที่เป็นชายหนุ่มที่อายุระหว่าง ยี่สิบถึงสามสิบปี

สายตาที่จ้องมองพวกเธอ เหมือนกับฝูงหมาป่าที่หิวโหย เห็น แกะที่น่าอร่อยและน่ารับประทานเช่นนั้น

ความรู้สึกนี้ บอกเลยว่าทำให้รู้สึกอึดอัดสุดๆ

แต่ว่าวิ่งหนิงกับโม่หนานเป็นแขกที่มาจากทางไกล ก็ไม่ สะดวกที่จะพูดออกไป

ทำได้เพียงฝืนยิ้ม แล้วนั่งแห้งอยู่ตรงนั้นแล้วทักทายพวกเขา

จนกระทั่งได้เวลาอาหารเย็น พวกเขาถึงจากไป

ลุงกลับมาจากข้างนอก ดูท่าทางมีความสุขมาก และเวลา อาหารเย็นยังดื่มเหล้าไปหลายแก้ว

หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จ จึงหนิงกับโม่หนานก็กลับเข้าไป

ในห้องนอน

ทั้งสองพักผ่อนอยู่ในห้องสักพักหนึ่ง จึงหนึ่งก็ดูแผลที่ขาของ เธอ ค่ำคืนหลังจากล้างหน้าเสร็จกำลังจะนอน ทันใดนั้น จึงหนึ่ง รู้สึกว่าปวดท้องเล็กน้อย

เธอลุกขึ้น แล้วกล่าวกับโม่หนานว่า “ฉันจะไปเข้าห้องน้ำ แก อยู่คนเดียวสักครู่นะ”

โม่หนานพยักหน้า กลัวว่ากลางคืนเธอจะรู้สึกกลัว ไม่ว่าอย่างไร ที่นี่ไม่มีแม้โคมไฟสักตัว จึงกล่าวถามว่า “ให้ไปเป็น เพื่อนใหม

“ไม่ต้องหรอก”

จิ่งหนิง โบกไม้โบกมือ

เธอรู้ว่าขาของโม่หนานเคลื่อนไหวไม่สะดวก จะให้เธอไปเป็น เพื่อนตัวเองได้เช่นไรกัน

เมื่อไม่หนานเห็นเช่นนั้น ก็ไม่ดึงดันต่ออีก

วิ่งหนึ่งลุกขึ้นจากเตียง สวมรองเท้า แล้วเดินไปทางชั้นล่าง

ฝีเท้าของเธอค่อนข้างเบา เพราะว่าปวดท้อง ดังนั้น ในใจคิด เพียงว่าต้องหาห้องน้ำ ก็ไม่ได้ระวังอย่างอื่น

กว่าจะหาห้องน้ำเจอไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เมื่อเข้าห้องน้ำเสร็จ ออกมา ถึงเห็นว่า มีแสงไฟกำลังสั่นไหวอยู่ไม่ห่างจากที่นั่นนัก

เธอรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย

อย่างไรก็ตาม ในที่แห่งนี้ ปกติทั่วไปยามค่ำคืนทุกคนต่าง นอนกันหมดแล้ว ข้างนอกก็จะไม่มีแสงสว่างจากโคมไฟอีก

ก็ไม่เหมือนกับข้างนอกของเมืองใหญ่ ผู้คนยังมีชีวิตในยาม คําคืนบ้าง

และแสงไฟนั้นก็ไม่ได้อยู่ภายในห้อง แต่อยู่นอกห้อง

ห้องสุขาตามชนบท พวกเขาก็ไม่ได้สร้างไว้ภายในห้อง ล้วน เป็นห้องสุขาแบบแห้งติดด้านหลังห้องครัว
จะไปเข้าห้องสุขายังต้องจากชั้นบนลงมา เปิดประตูแล้ว เดิน สักระยะทางหนึ่ง

ดังนั้น เมื่อจิ่งหนิงเข้าห้องสุขาเสร็จแล้ว จะต้องเดินกลับมาอีก ระยะทางหนึ่ง

แต่ไม่คิดว่า เมื่อเดินมาถึงครึ่งทาง จะเห็นคนยืนอยู่ข้างนอก

บ้านของลุงสี่

และเมื่อดูเงาที่พื้น ไม่เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น คือสองคน แสงไฟริบหรี่นั้น คาดว่าน่าจะเป็นโคมไฟของคนใดคนหนึ่ง ในนั้น

เธอเดินไปตามทางนั้นอย่างรู้สึกประหลาดใจ เห็นสองคนนั้น ยืนอยู่ตรงหัวมุมโค้งตรงหน้าบ้าน ที่บ้านหิน เป็นลักษณะสี่เหลี่ยม

จึงหนิงกลัวว่าพวกเขาจะเห็นเธอ จึงไม่กล้าเข้าใกล้นัก ทำได้ เพียงค่อยๆขยับไปตามแนวกำแพง จากนั้นเอาร่างกายแนบชิด กําแพงไว้

ทั้งสองฝ่ายก็ยืนอยู่ตรงมุมนั้น ที่มีกำแพงยาวๆกั้นระหว่าง กลาง

ได้ยินเพียงเสียงผู้ชายในยามค่ำคืนดังขึ้น “สามหมื่นหยวน แพงเกินไป อย่าคิดว่าฉันไม่เคยถาม ตอนที่ป่าอะฮัวเอ้อจ้วงพวก เขาส่งคนมาก็เคยพูดแล้ว ผู้หญิงคนนั้นเคยแต่งงานมีลูกแล้ว ไม่ใช่ไก่อ่อน ทำไมถึงแพงเช่นนี้ ”
ตามด้วย น้ำเสียงของคนค่อนข้างแก่

จิ่งหนิงฟังออกว่า น้ำเสียงนี้ก็คือลุง

ดูเหมือนเขาจะดูดไปป์สูบยาเส้นด้วย ได้ยินเสียงบาตะ” “บาตะ” แล้วค่อยๆกล่าวว่า “คิดว่าแพงไปก็ไม่ต้องเอา อีกคน หนึ่งเป็นไก่อ่อน ก็สามหมื่นหยวนเช่นกัน แล้วคุณจะเลือกคน ไหน”

ผู้ชายคนนั้นหยุดชะงักไป

ลุงสี่หัวเราะออกมาสองที่

“โลกรูปลักษณ์ของเขา ก็ควรจะต้องจ่ายราคาตามรูปลักษณ์ นั้น เราต่างเป็นคนหมู่บ้านเดียวกัน ดังนั้นฉันถึงถามพวกคุณ ก่อน หากพวกคุณจะเอา ก็ราคานี้ ฉันจะส่งคนไปให้ หากพวก คุณไม่เอา ฉันก็คงต้องให้หมู่บ้านถัดไปแล้วล่ะ “เมื่อคนคนนั้น ได้ยิน ทันใดนั้นก็กังวลขึ้นมา

“แต่มันก็แพงเกินไป ท่านก็รู้สถานการณ์ของบ้านเรา จะไป หาเงินมากมายได้ที่ไหน ในเวลาเช่นนี้ “ลุงสี่เงียบไปครู่หนึ่ง

จากนั้นกล่าวว่า “พูดตามจริงนะ ป้าอะฮัวและเอ้อจ้วง พวกเขา เป็นคนส่งคนมา ส่วนฉันแค่เป็นคนกลางผ่านมือ ได้ค่าตอบแทน เล็กน้อย เมื่อถึงเวลาธุรกรรมประสบความสำเร็จ ฉันยังจะต้อง แบ่งให้พวกเขาอีกก้อนหนึ่ง ราคานี้ลดไม่ได้แล้วจริงๆ

เขาพูดไป ยังถามอีกว่า “คุณก็พูดมาสักคำ ว่ายังจะเอาหรือไม่เอา”

คนนั้นรีบกล่าวว่า “เอาๆ ฉันต้องเอาแน่นอนอยู่แล้ว” ลุงสี่กล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ตัวเลขที่ฉันบอกไปเมื่อกี้นี้ ขาดไป แดงเดียวก็ไม่ได้

“……”ดูเหมือนอีกฝ่ายจะลังเลไปครู่หนึ่ง แล้วกัดฟันพูดว่า “ก็ได้ ฉันขอลองดูสักตั้ง รอให้ฉันหาเงินได้เพียงพอ แล้วเมื่อถึง เวลานั้นจะมาหาคุณอีก แต่ว่าพูดไว้ก่อนนะ ฉันได้จองไว้แล้วนะ ช่วงนี้คุณห้ามพาคนอื่นมาดูอีกนะ”ลุงสี่หัวเราะสองที่

“คุณวางใจเถอะ เดือนนี้ ผู้หญิงที่ขาได้รับบาดเจ็บจะต้อง รักษาแผลก่อน รักษาไม่ดีขายไม่ได้ราคา ดังนั้นอย่างน้อยพวก เธอยังอยู่กับฉันที่นี่อีกหนึ่งเดือน

“ฉันก็ไม่อยากจะใช้การบังคับหรอก เดือนนี้พูดกับพวกเธอดีๆ หากพวกเธอเป็นคนฉลาด ก็รู้ว่าตัวเองหนีไม่รอด ไม่แน่ว่าก็จะ ยอมรับโชคชะตาก็ได้”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ