วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 84 แข่งขันใหม่



บทที่ 84 แข่งขันใหม่

สีหน้าของมู่หั่นเจ๋อได้เปลี่ยน

จิ่งเสี่ยวหย่าได้กอตแขนของเขา พูดด้วยเสียงที่สั่นว่า “พี่ อาเจ๋อ ฉันไม่ได้……

หัวเหยามอย่างเยือกเย็น “เธอเสแสร้งเข้าไป! ”

จิ่งเสี่ยวหย่า “.….………..

ในสายตาที่สงสัยของผู้คนมากมาย เธอก็ทนต่อไปไม่ได้

แล้ว

มองจิ่งหนึ่งด้วยความเสียใจ พูดเสียงสั่นว่า “พี่ ฉันคิดไม่ ถึงจริงๆ เรื่องมาถึงวันนี้แล้วพี่ยังพูดแบบนี้อีก! ได้ พี่จะหาว่า ฉันเป็นคนใส่ร้าย ฉันก็ไม่มีอะไรจะพูด แต่พี่จะพึ่งคำพูดที่พี่ พูดออกมาไม่กี่คําแบบนี้ ก็จะยืนยันว่ามันเป็นความจริงไม่ได้ ใชไหม! ”

คนที่ชื่นชมจึงเสี่ยวหย่า เห็นท่าทางที่เสียใจอ่อนแอแบบนี้ ของเธอไม่ได้

ก็ได้บ่นอย่างห้ามไม่อยู่ “ใช่ ห้าปีก่อนเธอไม่ได้อธิบาย ตอนนี้เรื่องมันผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว เธอวิ่งออกมาบอกว่า เป็นเธอที่โดนใส่ร้าย จะยืนยันยังไง?หัวเหยานิ่ง

เธอได้เดินตามแผนของจิ้งหนึ่ง แต่คิดไม่ถึงว่าจะกลาย

เป็นแบบนี้

ก็ชายตาไปมองวิ่งหนึ่ง

ริมฝีปากที่เย็นซองจิ้งหนิง กำลังจะพูดอะไร

“ใครว่ายืนยันไม่ได้?

จู่ๆ เสียงที่เย็นชาได้ดังมาจากด้านนอก

ในน้ำเสียงนั้นเหมือนว่าได้มีไอเย็นปนอยู่ มีบรรยากาศที่ หนาวและน่ากลัว ทำให้ทุกคนนั้นได้ตื่นตัวกันทันที

จิ่งหนึ่งก็ตกใจเหมือนกัน ได้มองไปทางประตูด้วยสายตา ที่ยากที่จะเชื่อ ก็เห็นร่างสูงที่กำลังเดินเข้ามา

ลู่จิ่งเซิน?

เขาทำไมถึงอยู่ที่นี่?

คนรอบข้างก็อึ้งเหมือนกัน

วันนี้มาร่วมงานเลี้ยง โรงเรียน มีหลายๆ คนที่เป็นคนที่

มีชื่อเสียงหน้าตาในสังคม

ถ้าเคยพูดคุยกับลู่จิ่งเซินนั้นไม่กล้าที่จะพูด แต่ก็รู้จักกันทั้ง
ยังไงซะเป็นคนที่ออกข่าวในข่าวการตลาดทุกอาทิตย์

แต่แค่……เขาทำไมถึงมาอยู่ที่นี่?

ตอนนี้โรงเรียนเว่ยหลับสุดยอดถึงขนาดนี้เลยเหรอ? แค่ งานเลี้ยง โรงเรียน ก็เชิญแขกที่ใหญ่ขนาดนี้มาได้

ทุกคนต่างดีใจ คิดกันในใจว่าแขกใหญ่นั้นให้เกียรติกับ โรงเรียนของตนแบบนี้ ก็รู้สึกว่าตนนั้นได้หน้าไปด้วย

เห็นว่าเขาใช้สายตาที่คมเข้มมองไปยังผู้คน สุดท้ายก็ หยุดอยู่ที่จิ่งหนิง

“ไหนๆ ทั้งสองคนก็บอกว่าผลงานได้เป็นของตนแล้วนั้น ก็ ให้พวกเราแข่งขันใหม่อีกรอบ ก็ให้วาดภาพออกแบบเมื่อห้า ปีก่อนออกมาให้ได้ก็พอ ถึงตอนนั้นอะไรสูงกว่าหรือต่ำกว่า ก็ออกมาให้เห็นแล้ว! ”

พวกผอ.ที่เห็นเขามา ใบหน้าของแต่ละคนก็ได้มีความ ตก ใจแสดงออกมา

“ประธานลู่ คุณมาแล้ว”

ลู่วิ่งเป็นพยักหน้าเรียบ ไม่ค่อยที่จะสนใจเขา

ดนตระกูลย งานเลี้ยงวันเกิดคราวก่อนได้ต่อว่าหนึ่งหนึ่ง ของเขา เรื่องนี้เขายังไม่ได้เอาเรื่องกับพวกเขาเลย

ผอ.เห็นว่าเขาเหมือนว่าไม่ได้อยากจะสนใจตนนั้น ก็ไม่ได้เดินเข้าไป ทำได้แค่ยิ้ม “ไม่รู้ว่าประธานจะมา ก็เลยไม่ได้ ต้อนรับ ได้โปรดเข้าใจด้วยนะครับ”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้ว

สุดท้ายก็ได้หันไปจ้องเขาสักพัก

“เป็นพวกคุณที่ส่งบัตรเชิญมาให้ผมไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึง

ไม่รู้ว่าผมจะมา?”

แขกทุกคน

ตัวเองเป็นคนที่เชิญมายากขนาดไหน ในใจของตัวเอง

ไม่รู้ACDพวกนั้นเหรอ?

ปีที่ผ่านมา เขานั้นได้มาร่วมงานเลี้ยงกี่ครั้ง นิ้วของเขานับ

หมดไหม?

ทุกคนต่างพูดกันในใจ แน่นอนไม่มีใครกล้าที่จะพูดมัน

ออกมา

ผอ.ตอบไปอย่างทำตัวไม่ถูก “ครับ ครับ พวกเราผิดเองที่

ทําอะไรล่าช้า ได้โปรดเห็นใจ……

ลู่จิ่งเซินยกมือเป็นการขัดจังหวะเขา “พอได้แล้ว เข้าเรื่อง กันเลยดีกว่า! ทั้งสองคิดยังไงกับความคิดที่ผมพูดไปเมื่อกี้ ถ้าเกิดยินยอม ก็สามารถสอบได้เลยทันที ยังไงซะก็แค่วาดภาพงานออกแบบของตน น่าจะใช้เวลาไม่นานจริงไหม! ”

สีหน้าของจึงเสี่ยวหย่า ได้เปลี่ยน

สีหน้าของจิ่งหนึ่งเปลี่ยนเล็กน้อย ตอบไปอยากเด็ดขาด “ไม่มีปัญหา ความคิดเห็นนี้ฉันเห็นด้วย

พูดจบ ก็ยังหันหน้าไปมองจึงเสี่ยวหย่า

“ฉันจําตอนที่เธอพูดกับคนข้างนอกได้ว่า งานออกแบบชิ้น นั้น เธอใช้เวลากว่าสองเดือนถึงจะวาดออกมาเสร็จ สามารถ พูดได้เลยว่าทุ่มทั้งกายและใจ งานที่เธอทุ่มเทขนาดนี้ เธอน่า จะไม่มีทางลืมแบบของมันใช่ไหม? ตอนนี้ก็แค่วาดมันออก มาใหม่อีกครั้ง น่าจะไม่ยากจริงไหม?

ใบหน้าของจึงเสี่ยวหย่าได้เปลี่ยนไปเลย

เธอได้จ้องมองจิ่งหนึ่งด้วยความแค้น อยากที่จะถลกหนัง ของเธอแล้วกลืนไปทั้งแบบนี้

หัวเหยาเธอ “จิ้งเสี่ยวหย่า เธอคงไม่ใช่เพราะว่าไม่กล้า นะ? จี มีพิรุธก็พูดมาตรงๆ ! ยอมแพ้ไปเลยก็หมายความว่า เธอยอมรับว่าตอนนั้นเธอเป็นคนใส่ร้ายหนึ่งหนึ่ง ที่พวกเรา ต้องการก็มีไม่มาก คุกเข่าขอโทษก็พอ หนึ่งหนึ่ง เธอว่าใช่ ไหม?”

จิ่งหนิงยิ้ม

“กราบด้วยอีกที! ไม่ว่ายังไง ฉันโดนใส่ร้ายมาตั้งห้าปีเลยทั้งสองพูดกันอย่างเป็นปี่เป็นขลุ่ย เหมือนว่าเรื่องนั้นได้

ตกลงกันเรียบร้อยแล้ว จึงเสี่ยวหย่าโมโหจนแทบจะกระอักเลือดออกมา

ข้างๆ มั่นเจ๋อเห็นว่าเธอสีหน้าไม่ดี ในใจก็ได้เดาอะไรได้

บ้างแล้ว

ถึงแม้ไม่อยากที่จะเชื่อว่าเสี่ยวหย่าที่อยู่ในใจของตนนั้น จะทำเรื่องแบบนี้ออกมาได้

แต่สุดท้ายก็จําเป็นต้องปกป้องเธอ

“เสี่ยวหย่า เธอร่างกายไม่โอเคหรือเปล่า? ให้ฉันส่งเธอ

ไปที่โรงพยาบาลก่อนไหม?”

จึงเสี่ยวหย่าพยักหน้า

เธอพยักหน้า กุมท้อง

“ประธาน ฉันเห็นด้วยกับความคิดของคุณ แต่ว่าตอนนี้ ร่างกายของฉันไม่โอเคมากๆ การแข่งขันนั้นย้ายไปพรุ่งนี้ได้

ไหม?”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้ว

จิ้งหนึ่ง ก็ได้ชิงตอบไปก่อน “ไม่มีปัญหา! ”

เห็นว่าลู่จึงเป็นมองมาทางตัวเองนั้น เธอก็ได้ยิ้มแล้วพูด”ยังไงคนอื่นเขาก็เป็นคนท้อง คืนเดียวเองไม่เป็นอะไรหรอก ที่เขาพูดกันก็ถูก หลบแรมหนึ่งได้ แต่หลบไปถึงแรมสิบห้าไม่ ได้ ไม่เป็นไร ฉันไม่รับ

คนรอบข้างได้ยิ้มแบบนั้นก็ออกมา

จิ่งเสี่ยวหย่าสีหน้าได้เขียวข้างขาวข้าง

แต่อย่างน้อยตอนนี้ก็หนีได้ ก็เลยทำได้แค่กดความโกรธ ในใจลงไป พูดเสียงเข้มว่า “ได้ งั้นก็แข่งพรุ่งนี้ สถานที่ล่ะ?”

“งั้นก็ที่นี่! พรุ่งนี้สิบโมงเช้า ฉันรอเธออยู่ที่นี่ เธอไม่มาไม่

ได้นะ”

“เธอวางใจเถอะ ฉันมาแน่

เธอพูดจบ ก็ได้หันไปพูดกับปูนเจอว่า “พี่อาเจ๋อ พวกเรา ไปก่อนเถอะ”

มู่ยั่นเจ๋อได้ประคองจึงเสี่ยวหย่าออกไป

พวกเขาไปแล้ว ทางทีก็แยกอย่าง

กว่าผอจะได้เจอกับลู่จิ่งเป็นมันไม่ง่าย ยังอยากจะสร้าง ความสนิทสนมนั้น ก็ได้เขาอยู่ๆ ก็เดินเข้าไป จูงมือของจึง หนึ่ง เอามือของเธอกุมไว้ในมือของตน พูดไปอย่างอารมณ์ ไม่ดีว่า “วันที่สำคัญแบบนี้ ทิ้งฉันอยู่ที่บ้านคนเดียว ก็เพื่อที่ จะมาร่วมงานเลี้ยงนี้? สนุกตรงไหน?”
จึงหนังยิ้มอย่างเก้อเขิน

“คุณอย่าพูดแบบนั้น ไม่ว่ายังไง…….. ที่นี่เป็นที่ที่ฉันเรียนมา

สามปีนะ”

“เหอะ! โรงเรียนที่ขนาดความจริงก็แยกแยะไม่ได้เรียน ไปสามสิบปีก็ไม่มีความผูกพันอะไร”

เขาพูดจบก็ได้จูงมองวิ่งหนึ่งเดินออกไปข้างนอก

ผอ.สีหน้าได้เปลี่ยน

รีบตามเข้าไป

“ประธานลู่”

ลู่วิ่งเซินหยุดเดิน หันไปมองเขา สายตาเย็นชา

“ผอ. ผมคิดมาตลอดว่า โรงเรียนเว่ยหลันที่เป็นถึง โรงเรียนสำคัญอันดับหนึ่งในเมืองขึ้น อย่างน้อยสามารถที่ จะแยกแยะจริงเท็จได้ แต่ตอนนี้ดูแล้ว ผมมองผิดไป แต่ก็ไม่ เป็นไร ผู้หญิงของผม ผมปกป้องเอง ก็แค่หวังว่าตระกูลของ พวกคุณต่อไปก็ดูแลตัวเองดีๆ

พูดจบ ก็ได้ลาก งหนิงออกไปอยากผ่าเผย

สีหน้าของผอ.ยู่ได้เปลี่ยน

ดูแลตัวเองดีๆ?

หมายความว่าไง?
ใครก็รู้ ที่ตระกูลมีอำนาจในเมืองขึ้นได้ขนาดนี้ ก็เพราะ ว่าพึ่งตระกูลกวนที่อยู่ในเมืองหลวง

และตระกูลกวนกับตระกูลลู่……

สีหน้าของผอ.ยู่ได้ขีดเผือดเลยทันที

จิ่งหนิงกับลู่วิ่งเซิน ได้เดินออกจากโรงแรม แต่ไม่ได้รับขึ้น

รถ

ลู่วิ่งเซินเห็นว่ามือเธอเย็น ก็ได้วิ่งไปร้านขายน้ำข้างๆ ไป ซื้อนมอุ่นๆ ให้เธอ มองได้บนมือ

แล้วก็ได้เอาผ้าพันคอของตน ผ้าพันคอที่เธอให้เขาถอด

ออกแล้วพันให้เธอ

พ้นไป ก็บ่นไปว่า

“หนาวขนาดนี้ ใส่น้อยชิ้นขนาดนี้ทำไม? ไม่กลัวแข็งตาย?

คิดว่าร่างกายของตัวเองนั้นทำมาจากเหล็กเหรอ?”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ