วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 501 ยากจะเอ่ยปากพูด



บทที่ 501 ยากจะเอ่ยปากพูด

ถังลั่วเหยาพยายามมองเขาด้วยรอยยิ้ม เมื่อได้ยินเขาพูดดังนั้น เธอก็พยายามเก็บกลั้นความเจ็บปวดนั้นเอาไว้ เธอขมวดคิ้วเล็ก น้อยทําท่าทางงงวย

เธออยากจะถามเขาจริงๆว่า เธอไม่คู่ควรตรงไหน?

ไม่ใช่ว่าเธอต้องการที่จะต่อล้อต่อเถียง เธอเพียงต้องการเข้า ถึงตัวละครให้สำเร็จเท่านั้น

แต่เพิ่งดูเหมือนจะไม่ให้โอกาสนี้กับเธอ

เมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะขยับปากพูด ลึกๆหัวใจเขาก็รู้ดีว่าเธอ กำลังจะพยายามพูดบางอย่างที่เกินเหตุออกมา

แต่เขาไม่อยากฟังมันแล้ว

ตอนนี้เขาช่างเจ็บปวดใจเสียจนมือสั่น

แต่เขาก็ไม่อยากดูถูกเธอ

ถ้าเขาพูดอะไรออกมาอีก ก็เกรงว่าจะรู้สึกว่าเขามองเธอเป็น คนแบบนั้นจริงๆ

วินาทีนั้น ในสมองของเฟิงมีข้ออ้างขึ้นมาต่างๆนานา ท้ายที่สุดเขาก็พูดออกมาเบาๆว่า “ผมกลัวเลอะ

สีหน้าของถังลั่วเหยาแข็งที่อลงทันที
แต่เฟิง ไม่ได้ขายตามองเธออีก กลับหันหลังเดินจากไป

นี่เป็นคำพูดที่สละสลวยที่สุดเท่าที่เขาคิดได้ ซึ่งไม่ได้จัดว่าเธอ เป็นคนประเภทนั้น

แต่เขาก็รู้สึกว่าคําพูดของเขาแรงเกินไป

แรงเสียจนเขาไม่กล้าหันไปมองหน้าเธออีก

หากว่าเธอยอมรับมัน แน่นอนว่าจะเป็นความเจ็บปวดที่สุดเท่า ที่เขาได้รับโดยไม่ต้องสงสัย

แต่ถ้าหากเธอไม่ยอมรับ และล้มเลิกการโต้เถียงเมื่อสักครู่ การกระทําของเธอก็จะได้ผล

แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจเหตุผลของเธอ แต่วินาทีนั้นก็เข้าใจได้ว่า เธอไม่ต้องการให้เขาเข้าใกล้

การใช้วิธีผลักเขาออกเช่นนี้ เป็นตัวเลือกสุดท้ายสำหรับการ ต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรี

ในเมื่อเธอสละตนเองมาถึงขั้นนี้ เขาก็ควรทำให้เธอสมหวัง

ให้พื้นที่ส่วนตัวกับเธอ และให้เวลากับเขา

หลังจากกล่าวประโยคนั้นจบลง เฟิงก็เดินออกไปจากห้อง ของถังลั่วเหยาทันที

ไม่มีคำพูดมากความอะไร และไม่มีคำอธิบายจากเธอ ถังลั่วเหยามองตามหลังเพิ่งไป น้ำตาของเธอคลอเบ้า
แต่เธอก็พยายามควบคุมตัวเองไม่ให้ร้องไห้

เธอกลัวว่าถ้าเขาหันหลังกลับมาเธอไม่อาจจะอธิบายมันได้

จนกระทั่งได้ยินเสียงปิดประตูดัง “ปัง” เธอจึงได้ร้องไห้ออกมา เสียงดัง

อย่างเจ็บปวดหัวใจ

แต่สิ่งที่เธอไม่รู้นั่นก็คือ เฟิงไม่ได้เดินไปไกล

เขายืนพิงอยู่หน้าประตูและได้ยินเสียงร้องไห้ของถังลั่วเหยา ตัวเขาเองร้องไห้ออกมาโดยไม่รู้ตัว

หัวใจของเฟิงยี่เจ็บปวดมาก จนแทบหายใจไม่ออก แต่เขาก็ไม่มีวิธีอื่น

สิ่งที่เขาทำได้นั่นก็คือทําตามที่เธอต้องการ

ทั้งๆที่เธอรักเขา แต่กลับต้องผลักเขาออกอย่างเจ็บปวด

เธอคงเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดที่ยากจะบรรยาย

ดังนั้น เขาจะทำให้เธอลำบากใจกว่านี้ไม่ได้

เมื่อคิดได้ดังนี้ เฟิงก็ยิ้มออกมาอย่างไม่น่ามอง

เขาเงยหน้าขึ้นเช็ดน้ำตา ทำเป็นว่าไม่มีอะไร และเดินจากไป อย่างเร่งรีบ

เขาและส้งเจียเจียทะเลาะกันแบบนั้น แน่นอนว่าไม่มีทางกลับ ไปแกล้งเป็นแฟนกันได้อีก
แต่เป็นแบบนี้ก็ดี เขาจะได้กลับไปใช้ชีวิตตามสบายเหมือน

เดิม

เขาจะได้รักษาแผลจากถังลั่วเหยาด้วย

ถังลั่วเหยานอนอยู่บนเตียง เธอไม่ได้ใส่ใจว่าร่างกายของเธอ โผล่ออกมาจากผ้าห่ม และไม่สนใจว่าจะหนาวเหน็บเพียงใด เธอ ร้องไห้จนแทบจะขาดใจ

หงคลุมผ้านวมให้เธออย่างเห็นใจ และโอบเธอเข้ามากอด ลูบหลังของเธอตลอดเวลา

“โอ๋ ลั่วเหยา ไม่ร้องไห้นะ อย่าเสียใจไปอีกเลย

ซูหงยังคงปลอบโยนเธออย่างนุ่มนวล แต่มันไม่ได้ช่วยอะไรเลย ถังลั่วเหยายังคงร้องไห้ด้วยความ

อึดอัดใจ ในตอนท้ายเธอสะอึกสะอื้นจนแทบหายใจไม่ได้

ตอนนี้หงรู้ว่าเธอทำอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงอยู่เป็นเพื่อน เท่านั้น

เธอจึงไม่ได้พูดอะไรออกมาแต่กลับมองดู และกอดถังลั่วเหยา อย่างเงียบๆรอให้เธอร้องไห้จนเสร็จ

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ในที่สุดถังลั่วเหยาก็ดวงตาบวมเป่ง และผลักตัวออกจากซูหง

เมื่อซูหงเห็นดังนั้นก็รีบหยิบกระดาษทิชชูเช็ดน้ำตาให้ถังลั่ว เหยา
ถังลั่วเหยาปล่อยให้เธอเช็ดน้ำตาและมองดูหงอย่างเงียบๆ เธอคล้ายกับจะพูดอะไรออกมา

ซูหงจึงรีบหยุดการกระทำของเธอลงและนั่งรอ

เพียงแต่ซูหงคิดไม่ถึงเลยว่าประโยคแรกที่เธอจะเอ่ยถามตนก็ คือ “ทำไมเพิ่งถึงมาอยู่ที่นี่ได้คะ?

เมื่อได้ยินคำถามนี้สีหน้าของซูหงก็แข็งที่อลงทันที

ถังลั่วเหยาไม่ได้พูดอะไรออกมา หลังจากร้องไห้ก็มองดูหงอ ย่างสงบและรอคำตอบจากเธอ

ถังลั่วเหยารู้ดีว่าซูหงจะไม่ทรยศเธออย่างแน่นอน และคงไม่ เรียกเพิ่งมาในเวลานี้

ดังนั้นคาดว่าเฟิงคงจะมาที่นี่ด้วยตนเอง

แต่เธอต้องการจะรู้ว่าเขานี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่ และบังคับ หงอ

ย่างไรให้เธอพาขึ้นมาข้างบนได้

ที่จริงคำถามนี้ไม่มีประโยชน์อะไร เธอเพียงแค่ต้องการรู้ว่า จากเรื่องนี้เธอทำอะไรเกินเหตุไปมากหรือไม่

แน่นอนว่า พฤติกรรมแบบนี้ไม่มีเหตุผล แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะ

ไปคาดเดา

อาจจะพูดได้ว่าเธอกำลังปลอบใจตัวเองหรือกำลังหลอกตัว เองก็ได้

ตอนนี้หัวใจของเธอมันกลายเป็นสีเทา เธอต้องหาอะไรมาปลอบใจ

แต่ หงไม่อาจคาดเดาความคิดของถังลั่วเหยาได้

เนื่องจากความคิดของถังลั่วเหยา ในตอนนี้เหมือนกับผู้ป่วยมี ปัญหาทางจิต

ดังนั้นซูหงจึงกังวลเล็กน้อย

เธอก้มหน้าลงลังเลอยู่เนิ่นนานไม่ได้พูดอะไรออกมา ดังนั้นถังลั่วเหยาจึงคิดว่าเธอกำลังกังวล

“ไม่เป็นไร พูดออกมาเถอะค่ะ ฉันไม่โกรธ

ซูหงจึงได้เงยหน้าขึ้นและมองถังลั่วเหยาด้วยความระมัดระวัง หลังจากแน่ใจว่าเธอไม่โกรธจึงได้ถอนหายใจออกมาแล้วพูดขึ้น ด้วยเสียงอันเบาว่า “เฟิงยกคนในครอบครัวฉันมาข่มขู่ เขา บอกว่าถ้าฉันไม่พาเขาขึ้นมาเขาจะทำให้ทุกคนต้องตกงาน

ถังลั่วเหยาตกตะลึง เธอคิดไม่ถึงว่าหงจะพูดคำตอบนี้ออก

เมื่อซูหงเห็นท่าทางของเธอเช่นนั้นก็ตื่นตระหนกทันที เธอคิดว่าถังลั่วเหยาโมโห

จึงรีบอธิบายขึ้นว่า “ถั่วเหยา ฉันไม่ได้ต้องการจะทรยศเธอ ฉัน………ฉันทำไปก็เพื่อคนในบ้าน ไม่อยากให้พวกเขาต้องตกงาน

เธอกลับถูกถังลั่วเหยาพูดขัดจังหวะขึ้น
ถังลั่วเหยาสายหัวแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเข้าใจความคิด ของคุณดี และเข้าใจการกระทำเช่นนี้ ถ้าเป็นฉัน ฉันก็คงไม่รู้จะ ท่าอะไรนอกจากนี้

แต่สิ่งที่เธอไม่รู้ก็คือ เพิ่งทำถึงขนาดนี้เพื่อเธอ

ถังลั่วเหยาพูดกับตัวเองในใจว่า

เฟิงเป็นคนที่หยิ่งผยองตลอดมา

เขามีวิธีจัดการมากมายแต่ก็เปิดเผยให้ทุกคนได้รับรู้ตลอดมา

ไม่เคยลอบกัด

เขาจะขุดหลุมต่อหน้าคู่ต่อสู้ให้เห็นชัดเจนและให้พวกเขา

เลือกทางเดิน

วิธีค่อนข้างน่ารังเกียจที่ใช้การข่มขู่นี้เขาไม่เคยคิดจะทำมัน

แต่ถังลั่วเหยาก็รู้ดีว่าซูหงจะไม่หักหลังเธอแน่นอน

ดังนั้นไม่ว่าเขาจะพยายามอย่างไรก็ไม่สามารถทำให้หงเอ่ย ปากพูด เธอจินตนาการถึงฉากนี้ได้

นี่เป็นเหตุผลที่เขาต้องใช้วิธีนี้สินะ…….

แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนี้ ถังลั่วเหยาก็ยังรู้สึกว่าหากซูหงไม่ตอบ รับเขา เขาก็ยังคงใช้วิธีข่มขู่ตามเดิม

ดังนั้นจะตำหนิซูหงก็ไม่ได้

ที่จริงแล้วถังลั่วเหยาไม่ได้เอาผิดเลย
ในตอนที่เธอลงไปซื้อยากได้บังเอิญพบเข้ากับเฟิงที่เพิ่งเดิน ทางมาถึงที่พักของเธอ

ความเป็นห่วงที่เขามีต่อถังลั่วเหล่านั้น ลึกซึ้งจนไม่มีใคร

สามารถคาดเดาได้ รวมถึงตัวเธอเองด้วย

อีกทั้งซูหงเป็นผู้จัดการส่วนตัวของถังลั่วเหยา เรื่องนี้คนที่รู้จัก เธอก็รู้ดี


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ