วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 74 เกินตัว



บทที่ 74 เกินตัว

จิ่งหนึ่งแสดงสีหน้าแปลกใจ

“เธอก็รู้จักบทนี้เหมือนกันหรอ

ไร้สาระ! เธอต่อสู้มาทั้งเดือน แต่ก็ไม่ได้บทนี้ เธอจะไม่รู้

ได้ยังไง

แต่จึงหนิงกลับตั้งใจทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ จึงเสี่ยวหย่าจึงต้อง เล่นไปตามน้ำ

เธอทำได้แค่หายใจเข้าลึกๆ และพูดเสียงเข้ม “บทนี้ ต้องการนักแสดงที่มีฝีมือมาก นักแสดงหน้าใหม่ไม่กี่คนใน มือของพี่คงแสดงไม่ได้แน่ เรื่องนี้พี่เองก็รู้ดี แล้วจะไปแย่งบท

ทําไม”

จิ่งหนิงยิ้ม

“ทำเกินตัวรึเปล่า เราก็ต้องลองดูก่อนไม่ใช่หรอ”

เธอหยุด และมองไปที่จึงเสี่ยวหย่าอีกครั้ง แววตาของเธอ ดูยังไงก็แสดงถึงการเยาะเย้ย

“แต่ฉันได้ยินมาว่ามีคนต่อสู้เพื่อแย่งบทนี้มานานแล้วแต่ก็ ไม่ได้ผล จนสุดท้ายต้องยอมล่าถอยไป นี่เรียกว่าเป็นตัว ด้วยรึเปล่า”
“แก!”

จึงเสี่ยวหย่าไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป เธอ โกรธจนหน้าเปลี่ยนสี

เมื่อก่อนจึงหนิงก็แย่งบทในเรื่องตำนานรักข้ามพิภพไป

ตอนนี้ยังจะแย่งบทเรื่องตามหาฝันไปอีก จะแย่งทุกอย่างที่เธออยากได้เลยใช่มั้ย

ทันใดนั้นจึงเสี่ยวหย่าก็รู้สึกว่าเธอโดนโจมตีอย่างจัง เธอ จ้องใบหน้าเย็นชาของจิ้งหนึ่ง และระงับความโกรธของตัว

เองลงไป

เธอแสร้งปั้นยิ้ม และพูดอย่างจริงจัง “ในเมื่อไม่ฟังคำ

เตือนก็ไปลองเอาเองแล้วกันค่ะ

ครั้งสุดท้ายที่เธอพลาดนั้นเป็นเพราะหร่วนเจียวเจียวไม่

ตั้งใจมากพอ

แต่ครั้งนี้เธอลงเล่นเอง ไม่มีทางแพ้แน่

น่าข่าสิ้นดี!

แม้ว่าเหยียนซื่อหวาจะชอบปั้นนักแสดงหน้าใหม่ แต่เขาก็

ต้องคิดถึงยอดขายด้วย

เธอหวังว่าจะมีแฟนๆมากมายสักวัน และมีหน้าตาใน วงการ ถ้าไม่ใช่เพราะตอนนี้เธอไม่มีกระแส และไม่ได้งานอะไรเลย เธอก็คงไม่ต้องวิ่งของานงกๆอย่างนี้

เนื่องจากภาพยนตร์เรื่อง นี้เป็นภาพยนตร์ที่เด่นด้านผู้ชาย ดังนั้นผู้หญิงจึงไม่สำคัญนัก และตัวหลักผู้หญิงที่ต้องการคน ที่มีอายุ ดังนั้นเขาจึงได้เลือกนักแสดงหญิงวัยกลางคนท่าน หนึ่งไปแล้ว

ดังนั้นบทเดียวที่เหลืออยู่ก็คือบทของน้องสาวพระเอก ตัว หลักหญิงคนที่สอง

แม้จะเป็นตัวรอง แต่ก็เป็นผลงานของเหยียนชื่อหวาดังนั้น มันก็เพียงพอที่จะอวดแล้วสำหรับคนไม่มีกระแสอย่างเธอ

และบทนี้ก็เข้ากับเธอเป็นอย่างดี ทั้งในด้านอายุและ อารมณ์

ดังนั้นจึงเสี่ยวหย่าจึงมั่นใจว่าจะแย่งมาได้

จึงหนึ่งรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ก็ไม่พูดขัด เธอหันหลัง เตรียมเดินหนี แต่ก็มีเสียงผู้ชายดังตามมาข้างหลัง

“จ๋งหนิง”

เมื่อหันไป ก็เห็นว่านเจ๋อกำลังเดินมา

“พี่เจ๋อ”

จึงเสี่ยวหย่าเดินไปจับแขนเขาอย่างดีใจ พร้อมพูดเสียง

นุ่ม “มาแล้วหรอคะ”
มั่นเจ๋อเหลือบมองเธอ และพยักหน้า”อืม เพิ่งคุยกับ เพื่อนเสร็จ เมื่อกี้คุยอะไรกัน

ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้สึกถึงบรรยากาศแปลกๆ แต่เขารู้ดีว่าจึง หนิงกับนิ่งเสี่ยวหย่าไม่ถูกกันเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

ดังนั้นเขาก็เลยถามไปอย่างนั้น

ยังไม่ทันที่วิ่งเสี่ยวหย่าจะได้พูดอะไร หนิวลีที่อยู่ข้างๆก็ พูดอย่างโกรธๆ “คุณชายมู่คุณต้องช่วยเตี๋ยวหย่านะ จึงหนึ่ง ทำเกินไปแล้ว ไม่เพียงแต่จะอยากแย่งบทของเสียวหย่า เมื่อ เห็นพวกเรามาก็รีบให้ผู้กำกับเหยียนกลับไปอีก อย่างกับ กลัวเสี่ยวหย่าจะได้พูดอะไรกับผู้กำกับเหยียน ไม่รู้ว่าเธอคิด อะไรอยู่”

จึงเสี่ยวหย่าฝืนยิ้มออกมา “อย่าพูดแบบนั้น พี่สาว….พี่ สาวน่าจะไม่ได้ตั้งใจหรอก”

ไม่ได้ตั้งใจหรอ

นั่นหมายความว่าเธอจงใจไม่ให้เสียวหย่าได้คุยกับ เหยี ยนชื่อหวา จึงได้ให้เขารีบไป

จึงหนิงมองไปที่นั่นเจ๋ออย่างนึกสนุก ก่อนจะเห็นสีหน้า ของเขาด่าดิ่งลง

เขาขมวดมองไปที่วิ่งหนึ่ง และพูดด้วยเสียงทุ้ม “จิ่งหนึ่ง บททนีสาน เสียวหยาฝึกมานานแล้ว เธอชอบมาก อย่าไปแย่งกับเธอเลย”

จิงหนิงพูดเบาๆ

“มั่นเจ๋อ คุณเอาความมั่นใจมาจากไหนถึงคิดว่าฉันจะฟัง

คุณ”

มู่ยั่นเจ๋อตะลึง

ในความเป็นจริงจิ้งหนึ่งไม่จำเป็นต้องฟังเขา

แต่พวกเขาเคยคบกันมาหกปี ตลอดหกปีนั้นเธอเชื่อฟัง เขามาตลอด ไม่ว่าเขาพูดอะไร เธอก็จะไม่ขัด

ดังนั้นเขาจึงชินกับมัน และคิดว่าครั้งนี้เธอจะฟังเขา

เขาหน้าแตกทันที

ผู้หญิงคนหนึ่งที่เข้ามาพร้อมกับจึงเสี่ยวหย่าพูดอย่าง เหยียดหยาม “อยากให้ตัวเองเป็นตัวตลกรึไง เสี่ยวหย่าเขา ไม่อยากวัดกับเธอ ไม่งั้นเธอไม่มีทางเข้าตา ตั้งแต่เรื่องคาวๆ ของตัวเองเมื่อห้าปีก่อนแล้ว”

สีหน้าของจึงเสี่ยวหย่าเปลี่ยน เธอพูดเสียงเบาว่า “อย่า พูดถึงเรื่องนี้”

ผู้หญิงคนนั้นพูดอย่างไม่มั่นใจ “ทำไมเธอถึงพูดถึงไม่ได้ ล่ะ ก็มันจริงนี่นา ของที่เธออยากได้ ผู้หญิงอย่างนั้นไม่มีทาง มาแย่งไปได้หรอก ก็เหมือนกับเมื่อห้าปีที่แล้ว ที่เธอไม่มีความสามารถพอที่จะเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยศิลปากร รอยัล เลยขโมยงานของคุณไป คนที่หาประโยชน์กับคนอื่น ไม่เว้นแม้แต่พี่น้องอย่างนี้ มีแค่เธอเท่านั้นแหละที่ยังปกป้อง อยู่ ถ้าเป็นฉันนะ ฉันจะป่าวประกาศให้ทุกคนได้รู้เรื่องนี้ ให้ ทุกคนได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเธอ จะได้ไม่มีใครถูก หลอกอีก”

“หยุมหยุน! หยุดพูด!”

รอบๆเริ่มมีเสียงพูดคุยกันขึ้น

“เมื่อห้าปีที่แล้วมีอะไร เกี่ยวอะไรกับมหาวิทยาลัย ศิลปากรรอยัล”

“เธอไม่รู้เหรอ พวกเขาเป็นพี่น้องกัน ได้ยินมาว่าตอนนี้พี่ สาวอิจฉาในความสามารถของน้องสาว ก็เลยขโมยงานของ น้องส่ง ในชื่อของตัวเอง สุดท้ายโดนตรวจเจอ ก็เลยสอบไม่ ติดทั้งพี่ทั้งน้อง”

“ต๊ะจริงเหรอ มีเรื่องอย่างนี้ด้วยหรอ

เรื่องนี้รู้กันทั้งในโรงเรียนเว่ยหลันและก็ในมหาวิทยาลัย ศิลปากรรอยัลด้วย ไม่ปลอมแน่นอน

ถ้างั้นคนๆนี้ก็จิตใจโหดร้ายเกินไปแล้ว มหาวิทยาลัย ศิลปากรรอยัลสามปีถึงจะได้สอบครั้งนึง เป็นโอกาสที่หา ยากมากเลยนะ”
“ใช่น่ะสิ”

“ตัวเองสอบไม่ติดก็เพราะไม่มีฝีมือเหมือนคนอื่น แล้วจะ ไปขโมยผลงานของคนอื่นทำไม คนอย่างนี้น่ารังเกียจจริงๆ”

“ใช่ๆ”

ผู้หญิงที่ซื่อหยุนหมุนเลิกคิ้วขึ้นอย่างเย้ยหยัน เมื่อได้ยิน เสียงคนรอบข้าง

จึงเสี่ยวหย่าแสดงสีหน้าลุกลี้ลุกลนทันที เธอรีบพูดอธิบาย “ทุกคนหยุดพูดได้แล้วค่ะ เรื่องมันไม่ใช่อย่างที่ทุกคนคิด พ สาว…พี่สาวแค่หลงผิด เธอไม่ได้ตั้งใจทำ

“จ๋งเสี่ยวหย่า เธอใจดีเกินไป! เธอจะช่วยผู้หญิงอย่างนี้ ปกปิดความผิดทําไม”

“ถูก เธอถูกรังแกขนาดนี้ ถึงเธอจะยอมอ่อนให้ยังไงก็คง ไม่พอใจผู้หญิงคนนี้ อย่าโง่อีกเลย

“ไม่ค่ะ พี่สาวไม่ใช่คนแบบนั้น

“เสี่ยวหย่า ฉันไม่ใช่จะว่าเธอนะ แต่เธออ่อนแอเกินไป ถ้า เป็นฉันนะ พี่สาวแบบนี้ฉันจะสู้จนยิบตาเลย ฉันจะเปิดเผยทุก อย่างให้โลกได้รู้ ทำให้เธอเงยหน้าขึ้นมาไม่ได้อีกเลย


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ