วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 676 นี่คือโชคชะตา



บทที่ 676 นี่คือโชคชะตา

ตู้กูยิงมองเขาแล้วและยิ้มเยาะอยู่ครู่หนึ่ง

“เหรอ? แต่ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าคุณสนใจมันจริงๆ ดังนั้นจึงไม่ อยากให้ใครพูดถึงเธอเสียๆ หายๆ ล่ะ?”

เฟิงสิงลังนิ่งไปครู่หนึ่ง

สีหน้าของเขาดูลำบากใจเล็กน้อยและฝืนยิ้ม

“ยิ่งยิง ผมคิดกับคุณยังไง คุณยังไม่รู้อีกเหรอ? มันผ่านไปตั้ง นานแล้ว ตั้งนานมาแล้วที่ผม…

“พอเถอะ คุณไม่จําเป็นต้องพูด”

กูยิงกลับไม่มีความคิดอยากจะได้ยินสิ่งที่เขาจะพูดต่อไป เธอตัดบทเขาทันทีด้วยน้ำเสียงเย็นชา จากนั้นก็เลิกผ้าห่มและ ลุกไปจากเตียง

เฟิงสิ่งลังมองเธอและสับสนเล็กน้อย พอเห็นเธอสวมรองเท้า เดินออกไปข้างนอกจึงรีบถาม: “คุณจะไปไหน?

“คุณนอนไปคนเดียวเถอะ ฉันจะไปนอนที่ห้องนอนรับรอง

แขก”

เฟิงสิงลัง: “”

เป็นไปไม่ได้ที่จะไปนอนที่ห้องนอนรับรองแขก
ยังไงก็ไม่มีทางเห็นด้วยที่จะให้เธอไปนอนที่ห้องรับรองแขก ไม่อย่างนั้นสามีภรรยาแยกห้องนอน จะทำให้คนในบ้านคิดยัง ไง?

อย่างไรเสียเขารู้จักนิสัยของกูยิง หลายปีมานี้ต่อให้ทะเลาะ กันยังไง ก็ไม่เคยพูดว่าจะไปนอนที่ห้องรับรองแขก

คิดว่าครั้งนี้จะต้องใส่ใจมาก

เมื่อคิดแบบนี้ เขาจึงลุกจากเตียงแล้วลากเธอกลับมา

“เอาล่ะ ยิงยิ่ง เราอย่าทะเลาะกันเลยนะดีไหม? คุณก็รู้ว่าเรื่อง ของผมกับซูหวานมันเป็นเรื่องทั้งหลายปีดีดักแล้ว ตอนนั้นยังเด็ก ยังไม่รู้เรื่องรู้ราว ยิ่งกว่านั้นตอนนั้นเราไม่ได้มีอะไรกันจริงๆ และ เธอก็เป็นน้องสาวคุณ ดังนั้นผมก็ต้องดูแลเธอเป็นพิเศษ นั่นก็ทำ เพื่อให้เกียรติคุณไม่ใช่เหรอ?”

หลายปีผ่านไป เฟิงสิ่งลังเข้าใจคำขู่เบาๆ ของภรรยาของเขา อย่างชัดเจน

รู้ว่าเธอเป็นคนใจอ่อน ดังนั้นจึงพยายามที่จะพูดไปแบบนั้น อย่างไรเสีย กูยิงก็ผ่านการเรียนรู้อะไรมากในหลายปีที่ผ่าน มา ไม่ใช่หญิงสาวใสซื่อเหมือนตอนนั้น จะถูกเขาหลอกง่ายๆ ได้ อย่างไรกัน?

เธอมองเฟิงสิงลังครู่หนึ่งแล้วหัวเราะเย็นๆ ออกมา

แล้วถามลองเชิง: “แล้วถ้าฉันบอกคุณว่า หว่านยังไม่ตาย ล่ะ?”
เฟิงสิงลังตกใจ

จากนั้นก็โบกมือ

“เป็นไปไม่ได้หรอกๆ เรื่องตลกนี้ไม่ตลกเลยสักนิด ที่รัก พวก เราไม่พูดเล่นเรื่องนี้กันดีไหม คือ

“ฉันไม่ได้ล้อเล่น

กูยิงยืนมือออกไปแกะมือของเฟิงสิงลังที่พยุงเธอให้นอนลง แล้วมองตรงไปที่เขาและพูดด้วยน้ำเสียงเอาจริงและเคร่งขรึมว่า “ฉันเจอเธอแล้ว เมื่อสองวันก่อน ดังนั้นฉันบอกคุณได้อย่าง มั่นใจเลยว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ แถมเธออยู่ในเมืองหลวงด้วย

เฟิงสิงลังอึ้งไปเลย

ราวกับตกตะลึงจนตัวแข็ง

เขามองยิง ผ่านไปนานจึงได้เชื่อว่ามันคือเรื่องจริง เธอไม่

ได้โกหก

และไม่ได้พูดเล่น เธอเจอหว่านแล้วจริงๆ

และซูหวานก็ยังมีชีวิตอยู่จริงๆ

เขาเม้มริมฝีปากอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกลับมาชี้ไปที่ข่าวใน โทรศัพท์แล้วพูดว่า: “งั้นจะบอกว่าข่าวนี้เป็นเรื่องจริงงั้นเหรอ? คนคนนั้นที่พวกเขาเจอ เป็นไปได้ว่าจะเป็นหว่านงั้นเหรอ?”

ตู้กูยิงมองเขาที่ตื่นเต้น และยังดูเหมือนรู้สึกโชคดีในตอนแรก และจมหายไปแบบนั้น
เธอพูดอย่างเย็นชา: “ใช่ เป็นความจริง ยินดีกับคุณด้วยนะ รักแท้ของคุณกลับมาแล้ว”

“ผม…” เฟิงสิงลังอึ้งไปในทันที เขาเปิดปากอยากจะอธิบาย แต่คําพูดก็ติดอยู่ที่ริมฝีปากและกลืนมันกลับไป

สักพักจึงพูดออกมาอย่างไร้เรี่ยวแรง “ยิ่งยิ่ง ไม่คุณจะคิดยังไง แต่ผมไม่ได้มีความคิดแบบที่คุณกำลังเข้าใจผิดอยู่เลย ผมรู้ว่า มันมีเรื่องเข้าใจผิดหลายอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้ แต่ผมก็ ยังหวังว่าคุณจะเชื่อผม เป็นสามีภรรยากันมาหลายปีขนาดนี้ ผม คิดว่าผมไม่ได้ทำอะไรผิดอีกแล้ว อย่างน้อยผมก็หวังว่าคุณยังจะ ไว้ใจผมบ้าง”

หลังจากพูดจบเขาก็ไม่พูดอะไรอีก

กูยิงยืนอยู่ตรงนั้น สีหน้ายังคงเคร่งขรึม แต่สุดท้ายแล้วมัน ไม่ได้ดูแย่เหมือนก่อนหน้านี้

ผ่านไปครู่หนึ่งเธอเดินกลับมาและนั่งลงที่ข้างเตียงและมองดู

เขา

“งั้นตอนนี้คุณวางแผนไว้ว่าจะทำยังไง?

เธอยอมนั่งลง ถึงแม้เฟิงสิ่งลังจะแสดงออกว่าจะต้องเป็นอย่าง นั้นอยู่แล้ว แต่ความจริงแล้วในใจก็แอบดีใจ

ท้ายที่สุดกูยิงแอบงอแงเกี่ยวกับเรื่องของซูหวานกับเขา หลายครั้งเกินไปในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

เรื่องนี้เหมือนเป็นหนามยอกอกระหว่างพวกเขาทั้งคู่
ทุกครั้งที่เธอแทงเขาด้วยหนามเล่มนั้น ก็เหมือนกับที่มแทงตัว เองอยู่ด้วยเช่นเดียวกันไม่ใช่เหรอ?

เมื่อคิดถึงจุดนี้ เฟิงสิ่งลังก็อดไม่ได้ที่จะสับสนอยู่ในใจอย่างไม่ น่าเชื่อ

เขาถอนหายใจและพูด “ผมไม่มีแผนอะไร ไม่ว่าเธอจะมีชีวิต อยู่หรือตายไปแล้ว มันก็ไม่ค่อยเกี่ยวอะไรกับผม ในใจผมมีแค่ คุณ ส่วนเธอถึงจะรู้สึกเหมือนพี่น้องที่โตมาด้วยกัน แต่มิตรภาพ นี้มันได้ถูกตัดขาดไปแล้วเมื่อยี่สิบหกปีก่อน

“วันนี้ที่ยังเข้าข้างเธอ เป็นห่วงเธอ ก็เพียงเพราะเธอเป็นน้อง สาวของคุณ แต่หากนี่ทำให้คุณไม่สบายใจ งั้นผมก็จะไม่ใส่ใจ อีก”

ก็ยิงขมวดคิ้วอย่างสงสัยเมื่อได้ยินเขาพูดอย่างจริงใจ

“คุณพูดจริงเหรอ?”

“แน่นอนสิ!”

เฟิงสิงลังยกนิ้วขึ้น “ไม่เชื่อสาบานก็ได้”

ด้วยคำพูดนั้น ราวกับว่าเขากำลังจะสาบานจริงๆ เปลือกตา ของตู้กูยิงก็กระตุก และตบมือของเขาลงอย่างรวดเร็ว

“พอแล้วๆ พูดเก่งจริงๆ เลยเชียว ใครอยากจะฟังคุณสาบาน กัน?”

แม้ปากเธอจะพูดว่าที่น่ารังเกียจ แต่ก็เต็มไปด้วยความกังวลอยู่ในใจ

เฟิงสิ่งลังจะไม่รู้ได้ยังไงว่าเธอเป็นคนปากแข็ง? ดังนั้นอารมณ์ ที่มืดมน ในตอนแรกก็ชัดเจนขึ้น เขาพยุงแขนของกูยิงแล้วพูด: “เอาล่ะ ตอนนี้ในเมื่อคุยกัน

กระจ่างแล้ว นี่ก็ดึกแล้ว เราควรจะพักผ่อนได้แล้วดีไหม?”

ตู้กูยิงมองเขา สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรและพยักหน้า

วันต่อมา

ข่าวบนอินเทอร์เน็ตเริ่มร้อนแรงขึ้นเรื่อย ๆ และดูเหมือนว่ามา ถึงจุดที่ไม่อาจละเลยได้

คำสั่งของเฟิงสิงลังเมื่อคืนนี้ดูเหมือนจะไม่มีผล

หรืออาจจะพูดได้ว่ามีผลไปแล้วแต่ไม่สามารถจะสกัดกั้นกลุ่ม คนที่โพสต์ต่อจากนั้นอย่างเอาเป็นเอาตายได้

ยิ่งไปกว่านั้น คนส่วนใหญ่ที่ชอบหว่านในตอนนั้นได้กลาย เป็นคนมีหน้ามีตาในสังคมไปแล้วในตอนนี้

ข่าวคราวแบบนี้เมื่อมันกระจายออกไป นอกจากจะมีคนยอม จ่ายเงินจํานวนมาก ในการลบข่าวออกไปให้หมดจาก อินเทอร์เน็ตแล้ว

มิเช่นนั้นจะเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่พบร่องรอยเลย

แต่เมื่อคืนเฟิงสิงลังก็ไม่ได้สั่งไปแบบนั้น ดังนั้นผู้ช่วยเองก็ไม่ กล้าทําอะไรโดยพลการ
จนถึงวันนี้เมื่อเห็นข่าวที่ยิ่งร้อนแรงขึ้นในอินเทอร์เน็ตแล้ว ดู แล้วคงจะไม่สามารถให้ใครไปปิดข่าวเรื่องนี้ได้แล้ว

ในห้องทำงาน ผู้ช่วยของเขาก้มหน้าและยืนอยู่ที่นั่นด้วยความ รู้สึกผิด และกระซิบกับเฟิงสิ่งลัง: “ขอโทษครับท่านประธาน เพราะเมื่อคืนนี้มันดึกมากและงบที่ใช้กลบข่าวนี้ก็มากเกินไป ผม ไม่กล้าจะใช้งบเยอะขนาดนั้น โดยพลการ ดังนั้นจึงไม่สามารถ ปิดข่าวนั้นได้ทันเวลา โปรดยกโทษให้ผมด้วย”

เฟิงสงลงมองเขาและขมวดคิ้ว

ผ่านไปครู่หนึ่งสุดท้ายก็ไม่ได้โทษเขา ได้แต่ถอนหายใจแล้ว พูด: “ช่างเถอะ ในเมื่อไม่ได้ปิดมันก็ช่างมัน บางทีมันอาจจะเป็น โชคชะตา”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ