วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 1021 อาลัยอาวรณ์เป็นอย่างมาก



บทที่ 1021 อาลัยอาวรณ์เป็นอย่างมาก

เห็นได้อย่างชัดเจนว่า พวกเขาทั้งสองมีทัศนะคติที่ไม่ดีต่อลูก สะใภ้คนนี้เป็นอย่างมาก

แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม คนก็ช่วยออกมาแล้ว ก็ถือว่าเป็น เรื่องที่ดี

พวกของลู่วิ่งเซินก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไป เมื่อพูดขอบคุณกับเฉินชื่อโปเรียบร้อยแล้ว ก็หยิบแผ่นหยก คัมภีร์สวรรค์แล้วจากไป

เมื่อเกิดเรื่องวุ่นวายเช่นนี้ขึ้น กว่าจะกลับถึงคฤหาสน์หลังเก่า ของตระกูลจิ้น เวลาก็ล่วงเลยไปกว่าสี่ทุ่มแล้ว

เดิมทีเฉียวและกู้ซื้อเฉียนไม่จำเป็นที่จะต้องเข้าไปที่นั้นแล้ว แต่เมื่อคิดว่าวันนี้พวกเขามาที่นี่เพราะที่จะต้องการมาอวยพรวัน เกิด แต่สุดท้ายยังไม่ทันได้อวยพรวันเกิดเลย พวกเขาก็ออกไป ก่อน ทำให้ดูไม่ค่อยมีมารยาทสักเท่าไหร่

อีกอย่าง ก็ควรที่จะเข้าไปทักทายถึงจะถูก

ดังนั้น พวกเขาจึงไปที่คฤหาสน์ตระกูลจิ้นด้วยกัน

ในเวลานี้ ท่านย่าจิ้นยังไม่ได้นอน

หากเป็นเวลาปกติ หล่อนก็คงนอนหลับไปแล้ว แต่ว่าวันนี้แขกเยอะมาก และมีเรื่องจำนวนมากที่พวกของจิ้นชิงชานช่วยหล่อนรับหน้าอยู่ข้างนอก แต่ว่าคนจำนวนมากก็ อยากที่จะพบกับหล่อนด้วยตนเอง

ประการที่สอง หล่อนทราบว่าพวกหนุ่มสาวออกไปข้างนอก ยังไม่กลับมา ไม่รู้ว่าด้วยเรื่องอะไร ในใจก็รู้สึกเป็นกังวล ก็เลย นอนไม่หลับ

จึงถือโอกาสนอนอยู่ที่ห้องรับแขก

เดิมทีท่านย่าเชินก็ไม่ได้รู้สึกอะไร แต่เมื่อเห็นหล่อนเป็นกังวล ขนาดนี้ ก็ทำให้รู้สึกกระอักกระอ่วนใจ

จึงโทรถามลู่วิ่งเซินว่าอยู่ที่ไหน จึงเป็นไม่พูดเยอะมาก พูด เพียงว่าเมื่อสักครู่ไปทำธุระมา

ท่านย่าเป็นกำลังจะดุเขายกใหญ่

ลู่วิ่งเซินนานแล้วที่ไม่ถูกย่า ก็ไม่ได้รู้สึกโกรธ ทำเพียงยิ้ม และพูดขึ้นในโทรศัพท์ว่าเดี๋ยวจะกลับมาเดี๋ยวนี้ จากนั้นก็วาง สายโทรศัพท์ลง

เมื่อเดินเข้าไปให้ห้องโถงรับแขก ก็เห็นแสงไฟสว่างไสว ท่าน ย่าท่านปู่สองสามคนกำลังนั่งรอพวกเขาอยู่ที่นั้น คนรับใช้ที่ยืน อยู่ข้างๆเขา ท่าทางแบบนั้น ราวกับผู้พิพากษา

คนสองสามคนที่อยู่ตรงนั้นก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา

จี้หลินยวน หัวเหยาและลู่วิ่งเซินรวมทั้งจึงหนิงเดินออกไปก่อน พวกเขาทักทายกับผู้อาวุโสท่านนี้ก่อน จากนั้นจึงอธิบายสาเหตุที่วันนี้ออกไปข้างนอก

แน่นอนพวกเขาคงไม่บอกความลับเรื่องของแผ่นหยกคัมภีร์ สวรรค์ออกไป

พูดเพียงว่าแฟนสาวของโจวลี่เจินเกิดเรื่องขึ้น จึงต้องรีบ เข้าไปช่วยเหลือ

เนื่องจากความสัมพันธ์ของคุณนายเฉินและโจวลี่เจินก็ถือว่ามี

สายสัมพันธ์ทางด้านญาติพี่น้องกับตระกูลจิ้น ท่านย่าจิ้นก็รู้จัก

หลังจากที่ฟังพวกเขาพูดจบ ก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ

“ทำไมถึงเกิดเรื่องขึ้นมาแบบนี้ล่ะ ? ขั้นตอนนี้พวกเขาไม่ เป็นไรแล้วใช่ไหม?

จี๋หลินยวนพูดขึ้นอย่างราบเรียบ: “ไม่เป็นไรครับ ตอนนี้ได้ส่ง คนกลับไปแล้ว”

“ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีทันใดนั้นท่านย่าก็โมโหขึ้นมา สีหน้า เคร่งขรึม และพูดขึ้นด้วยความโมโหว่า: “กล้าลงมือในถิ่นของ พวกเรา ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่ไหม หลินยวนเรื่องนี้จะต้อง สืบหาเบาะแสให้ถึงที่สุด อย่าปล่อยคนพวกนั้นไปง่ายๆ

จี้หลินยวนพยักหน้า

เมื่อขึ้นชิงซานเห็นสถานการณ์เช่นนั้น ก็เลยพูดขึ้นว่า : “แม่ ครับ ดึกแล้ว พวกคุณก็เหนื่อยกันมากแล้ว กลับไปพักผ่อนใน ห้องเถอะครับ”
จึงเป็นก็พูดขึ้นว่า “คุณย่า เดี๋ยวผมไปส่งท่านกับท่าน กลับห้องนะครับ”

พวกท่านย่าพยักหน้า ดังนั้น การสอบสวนในครั้งนี้ก็จบลงแต่ เพียงเท่านี้

เมื่อเดียว และกู้ซือเจียนเห็นสถานการณ์เช่นนั้น ก็อวยพรวัน

เกิดให้กับท่านย่า จากนั้นก็จากไป

วันรุ่งขึ้น พวกเขาทั้งสองต้องการที่จะกลับเมืองหลิน

ลู่วิ่งเซินนึกถึงข้อมูลที่ตนเคยได้รับในสมัยก่อน จึงพากึ่งหนึ่ง ไปหาพวกเขา พร้อมยังบอกข่าวที่ตนทราบกับพวกเขาด้วย

เตียนหนานไม่ได้อยู่ในขอบเขตอำนาจของลู่วิ่งเซิน เพียงแต่ ลูกน้องที่เขาส่งไปได้ข่าวมาบางส่วนก็เท่านั้นเอง ดังนั้นเรื่องนี้ ถึงเขาจะไปด้วยก็คงช่วยเหลืออะไรไม่ได้มาก ดังนั้นออกเดินทาง ไปพร้อมกับพวกเขา

ลู่วิ่งเซินได้บอกวิธีการติดต่อคนทางนั้นให้กับพวกเขา กู้ซื้อ เฉียนจึงพาเฉียวฉีเปลี่ยนเส้นทางไปยังเตียนหนาน

ส่วนทางด้านนี้ ท่านย่าเป็นก็ยังคงเที่ยวเล่นอยู่เป็นเพื่อนท่าน ย่าจิ้นอยู่ คนแก่ทั้งสองคนก็ไม่ใช่ว่าจะมีโอกาสได้เจอกันง่ายๆ และไม่มีใครสามารถรู้ได้เลยว่าหากจากกันครั้งนี้จะได้เจอกันอีกไหม

ดังนั้น จึงรู้สึกอาลัยอาวรณ์เป็นอย่างมาก สุขภาพร่างกายของท่านก็ดีขึ้นมากแล้ว เพราะถึงยังไงพวกเขาก็มีคุณหมอติดตามอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งตระกูลจิ้นก็มีหมอ ฝีมือดีอยู่ที่นี่ด้วย

เมื่อลู่จึงเป็นเห็นเช่นนั้น ก็ไม่ได้ขัดขวางอะไร จึงให้พวกเขา เล่นสนุกอยู่ที่นี่อย่างสบายใจ ส่วนจึงหนึ่งนั้นก็ไป ทะเลทรายกับ โม่ไฉ่เวยและคุณอาเชว

แน่นอนว่าจะต้องพาอานอ่านและจิ้งเจ๋อน้อยไปด้วย

ในเมื่อจิ่งหนึ่งยังคงต้องการให้โม่ไฉ่เวยได้พบกับหลานของ หล่อนทั้งสองคน

ทั้งสองออกเดินทางในวันนั้นเลย ก่อนหน้านี้ไม่ไฉ่เวยได้มอบ ที่อยู่ให้กับหล่อนแล้ว

จิ่งหนิงได้โทรศัพท์หาไม่ไฉ่เวยก่อน เมื่อรู้ว่าเธอจะมา ไม่ไฉ่เว ยก็ดีใจเป็นอย่างมาก

เมื่อก่อนหล่อนไม่ชอบการพบเจอคนนอก และไม่อยากพบลูก ของเธอทั้งสองคน แต่หลังจากที่เจอกันครั้งที่แล้ว ในช่วงเวลา หนึ่ง ตอนนี้หล่อนก็ไม่ได้ต่อต้านแล้ว

แม้ว่าในใจจะยังรู้สึกลังเลและยังคงเตร็ดเตร่ แต่ว่าความรู้สึก นั้น ราวกับความรู้สึกคิดถึงบ้าน ซึ่งไม่ใช่ว่าจะไม่ชอบ

เครื่องบินที่จึงหนิงนั่ง มาถึงสนามบินในวันนั้นตอนสี่โมงเย็น สถานที่แห่งนี้มีชื่อว่าเมืองอิมา เมื่อแปลเป็นภาษาจีนก็จะ หมายความว่าอายุยืน
เนื่องจากทะเลทรายจะมีพื้นที่โอเอซิสเพียงเล็กน้อย ดังนั้น ประชากรที่นี่มีไม่มาก คนที่พักอาศัยอยู่ที่นี่ ส่วนใหญ่แล้วเป็น ชาวต่างชาติผิวสีดำ

ตอนทีพวกของจิ่งหนิงเดินทางมาถึง คนที่คุณอาเซวส่งรถมา

รับพวกเขาได้มารอที่สนามบินแล้ว เมื่อเห็นพวกเขา ก็รีบใช้ภาษาจีนทักทายพวกเขาอย่าง

คล่องแคล่ว

จิ่งหนิงและลู่วิ่งเซินพาเด็กทั้งสองคนเดินเข้าไป

ฝ่ายตรงข้ามยิ้มพลางพูดแนะนำตนเองว่า “สวัสดีครับ ผม ชื่อคีริม เจ้านายของผมสั่งให้ผมมารับพวกคุณครับ เชิญขึ้นรถ ครับ”

อานอานและจิ้งเจ๋อน้อยต่างรู้สึกประหลาดใจกับสีผิวและการ แต่งกายของฝ่ายตรงข้าม

ตั้งแต่เล็กพวกเขาได้เปิดหูเปิดตามากมาย แต่ถึงยังไงพวก เขาก็ยังเป็นเด็ก และเป็นครั้งแรกที่มาที่แบบนี้

ที่นี่ไม่ว่าจะเป็นประเพณีท้องถิ่น หรือว่ารูปร่างหน้าตาของผู้คน ล้วนแตกต่างกับคนในประเทศจีน

ดังนั้น เด็กทั้งสองก็ทำตัวราวกับว่าได้เจอกับโลกใหม่ยังไงยัง

งั้น เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น

คีริมเป็นคนที่ช่างพูดคุย แม้พวกเขาจะไม่ทราบถึงความ สัมพันธ์ระหว่างพวกเขากับคุณอาเชวรวมทั้งโม่ไฉ่เวย
แต่นี่ไม่ได้ถือว่าเป็นการกีดขวางความเป็นมิตรของเขา

ตลอดการเดินทาง ล้วนแล้วแต่แนะนำประเพณีท้องถิ่นของ พวกเขาอย่างมีความสุข รวมไปถึงทิวทัศน์ทะเลทรายที่ผ่านทาง รายทางด้วย

ในสภาพอากาศและสภาพแวดล้อมที่เลวร้าย แม้ว่าตอนนี้จะ เป็นเดือนพฤศจิกายนแล้ว แต่ที่นี่ยังคง “ตะวัน ส่อง แสง จ้า ส่อง เข้ามาที่ลำตัว รู้สึกราวกับกำลังถูกเผายังไงยังงั้น

จึงหนิงกลัวว่าเด็กทั้งสองจะมีอาการหน้ามืดวิงเวียนเมื่ออยู่ใน ที่ร้อนจัด จึงได้เตรียมน้ำเย็นไว้ให้พวกเขาตั้งแต่แรก และให้พวก เขาพกติดตัว

แต่ว่าเด็กทั้งสองคนเห็นได้ชัดว่าแข็งแกร่งกว่าที่คิดมาก ไม่ เพียงแต่ไม่กลัวความร้อนเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังปืนดูทิวทัศน์ที่ หน้าต่างอย่างไม่หยุดหย่อน

ทำให้จิ้งหนึ่งร้องไห้จนหัวเราะแทบไม่ออก

ไม่ง่ายเลยที่ลู่วิ่งเซินจะอุ้มอานอานกลับมาได้ จึงพูดขึ้นว่า “ถ้าลูกอยากดู เดี๋ยวพรุ่งนี้พ่อพามาดู ตอนนี้เราไม่มีอุปกรณ์ใน การป้องกันเลยแม้แต่น้อย ระวังแสงแดดจากข้างนอกจะทำร้าย ผิวหนังชั้นแรกของลูกนะ”

ตอนนี้อานอานกลายเป็นลูกคนโตแล้ว เริ่มรักสวยรักงามแล้ว เมื่อได้ยินแสงแดดจะทำร้ายผิวหนัง ก็อดไม่ได้ที่จะแลบลิ้น ออกมาพลาง รีบนำศีรษะกลับมาทันทีรถวิ่งอยู่บนท้องถนนอย่างราบเรียบ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ