วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 189 สงครามน้ำลาย



จิ้งหน่งเหลือบมองไปแล้วยิ้ม

“โทษเธอไม่ได้ เป็นฉันที่ออกไปโดยไม่ได้ บอกให้เธอรู้ ยิ่งไปกว่านั้นต่อให้เมื่อคืนเธอพาฉัน กลับมา รูปที่ฉันไปหาหลินซูผ่านตอนกลางดึกก็ ถูกถ่ายไว้แล้วอยู่ดี ผลคือไม่ช่วยอะไรทั้งนั้น เรื่องที่ต้องถูกเปิดเผยในวันนี้ก็ยังคงเกิดขึ้น เหมือนเดิม”

โม่หนานได้ยิน ก็เกิดความกังวลมากขึ้น

“ทำยังไงดี? หรือว่า พวกเราบอกคุณชาย ให้เขามาช่วยอธิบายเรื่องนี้?”

จิ่งหนิงส่ายหัว

“ไม่ต้อง ฉันจัดการเองได้”

เธอไม่อยากเอาแต่พึ่งพาลู่วิ่งเซ็นไปเสียทุก เรื่อง บอกไปแล้วว่าตนเองต้องเติบโต และจำต้อง ยืนอยู่ข้างๆ เขาได้อย่างเปิดเผยในวันหนึ่ง

ถ้าเรื่องเล็กน้อยแค่นี้เธอยังไม่มีวิธีจัดการ แล้วจะไปมีคุณสมบัติอะไรที่จะยืนหยัดอยู่ข้างๆ เขาได้?

จึ่งหนังนิ่งคิดในขณะที่เดินเข้าห้องน้ำไป อาบนําอย่างง่ายๆ
โมหนานเห็นเธอสงบนิ่งขนาดนี้ ในใจกลับ ยิ่งกังวล

“เรื่องนี้จะต้องมีใครสักคนวางแผนไว้อย่าง รอบคอบลับหลังแน่ ต่อให้พวกเราไม่บอก คุณชาย แต่พวกเราก็จะมานั่งรอความตายแบบนี้ ไม่ได้”

จิ่งหนึ่งล้างหน้า จากนั้นจึงหยิบผ้าขนหนู ขึ้นมาเช็ดและพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่แน่นอน” เธอนิ่งไปและพูดขึ้น “เอาแบบนี้ ตอนเที่ยง

เธอช่วยฉันจัดการเรื่องหนึ่ง”

“เรื่องอะไร?”

“ช่วย …..”

หลังจากล้างหน้าเสร็จ จิ่งหนิงก็แต่งตัวให้ เรียบร้อย และขอให้บริกรนําอาหารเข้ามาที่ห้อง ของเธอ

หลังจากทานเสร็จ เธอจึงค่อยไปกองถ่าย อย่างช้าๆ

ข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตถูกเผยแพร่ไปนาน แล้ว แม้กระทั่งทุกคนในกองถ่าย ก็รู้เรื่องนี้แล้ว เช่นกัน

ทันทีที่จิ่งหนิงเข้าไปในกองถ่าย เธอก็รู้สึก ได้ว่าทุกคนกำลังมองเธอด้วยความสายตาประหลาดใจและสํารวจ อีกทั้งยังมีคนที่เชื่อข่าว อบนอินเทอร์เน็ตแล้วด้วย เมื่อเธอมองมาที่เธอก็ อดไม่ได้ที่จะดูถูกเหยียดหยาม

โม่หนานโมโห และจ้องกลับอย่างดุเดือด

แต่จิ่งหนิงกลับสงบอย่างยิ่ง ราวกับเธอยัง ไม่รู้เรื่องนี้ และเรื่องนี้นั้นไม่เคยเกิดขึ้น

เธอเดินไปที่ห้องแต่งตัวตามปกติ

วันนี้จึงเสี่ยวหย่ามาเข้าผิดปกติ เมื่อเธอ เข้าไปก็เห็นจิ่งเสี่ยวหย่านั่งอยู่ที่นั่นแล้ว

เธอพาช่างแต่งหน้าของตนเองมาด้วย และ กำลังม้วนผมของเธออยู่ เมื่อเห็นเธอเข้ามา รอย ยิ้มจอมปลอมก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของจิ่งเสียว หย่า

“พี่สาว พี่มาแล้ว? ฉันยังคิดอยู่เลยว่าวันนี้พี่ จะขอลาไม่มาซะอีก!”

ที่น่าแปลกก็คือ ในยามปกติเธอไม่เคยคิด จะสนใจจิ่งหนิง แต่มาวันนี้กลับตอบสนองกับเธอ ขึ้นมาเสียได้

เธอเลิกคิ้ว “ทําไมฉันต้องขอลา?”

จึงเสี่ยวหย่าดูประหลาดใจ

“พี่สาว นี่พี่ยังไม่รู้อีกเหรอ? ”

เธอพูดและหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา จาก นั้นจึงคลิกการค้นหายอดนิยมด้านบนเพื่อโชว์ให้เธอด

“ฉันเห็นตั้งแต่เช้าแล้ว ในใจเป็นห่วงพี่สาว อย่างมาก กำลังคิดอยู่เลยว่าถ้าอีกสักเดี่ยวที่ไม่ มา ฉันจะเป็นคนไปหาพี่เอง! คิดไม่ถึงเลยว่าพี่จะ ยังไม่รู้!”

ดวงตาของจิ่งหนิงหรี่ลงเล็กน้อย และ กวาดตามองไปที่โทรศัพท์มือถือของเธอ เธอยิ้มขึ้นและมองข้ามสีหน้าสนใจของจิ้ง เสี่ยวหย่า

“ที่แท้เธอกำลังพูดถึงเรื่องนี้นี่เอง เรื่องนี้ฉัน ก็รู้ มีอะไรหรือ?”

ทุกคนรอบข้างเบิกตากว้างด้วยความ

ประหลาดใจ

รู้แล้วยังสงบได้ขนาดนี้?

นี่ไม่ใส่ใจจริงๆ หรือแกล้งทำเป็นไม่ใส่ใจ

กันแน่!

ราวกับจะรับรู้ถึงความคิดของพวกเขา จึง หนิงหัวเราะเบาๆ “ไม่เห็นจะต้องตะลึงขนาดนี้เลย นี่! ปากอยู่บนตัวคนอื่น ถ้าฉันต้องเอาแต่สนใจว่า คนอื่นพูดว่ายังไง คิดหรือว่าฉันจะยังมีชีวิตอยู่?

ช่างแต่งหน้าที่มักจะแต่งหน้าให้จิ่งหนิง ประจําและมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเธอไม่เลว เมื่อได้ยินข่าวก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายจากนั้นจึงถามเสียงเบา “แต่เรื่องนี้โด่งดังมากบน อินเทอร์เน็ต คุณไม่กลัวส่งผลกระทบต่อชื่อเสียง ของคุณหรือ?”

จิ่งหนิงนั่งตัวตรง จากนั้นจึงหยิบหมาสาง ผมของตน เธอเอ่ยเสียงเรียบ ไม่ว่าจะยังไงพวก เขาก็คิดว่าฉันอาศัยช่องทางลัดขึ้นมา ไม่ว่าตอน นี้ฉันจะพูดยังไง พวกเขาก็คงไม่เชื่อ รอให้ถึง เวลาแล้วค่อยใช้ความสามารถมาพูดความจริงก็ พอแล้ว ทำไมต้องวุ่นวายขนาดนั้นด้วย?”

รอบข้างเกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ

หางตาจิ่งหนึ่งมองเห็นว่าจิ่งเสี่ยวหย่ามี สีหน้าน่าเกลียดขึ้นมาเล็กน้อย เธอยิ้ม

ตามความคิดของจึ่งเสี่ยวหย่าและจิ่งเชี่ยว เต๋อ จิ่งหนิงไม่เคยเล่นละครมาก่อน ดังนั้นเธอจะ ต้องทํามันได้แย่แน่

ถึงเวลานั้นก็ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก แค่ ใช้ความสามารถข่มเธอลงไปก็พอแล้ว

แต่กลับไม่คาดคิดว่า หลังจากเข้ากองถ่าย มาถึงพบว่า เธอไม่เพียงแต่แสดงได้ แต่ยังมี ทักษะการแสดงที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย

ตอนที่ทั้งคู่แสดง เธอได้พยายามอย่างเต็ม ที่ที่จะข่มจั๋งหนิงลงไปแล้ว แต่อีกฝ่ายกลับไม่ ยงแต่ไม่ถูกเธอกลบ แต่ยังอยู่เหนือกว่าเธอ ด้วย
จึงเสี่ยวหย่าโกรธจนแทบบ้า

ยิ่งโกรธมากเท่าไหร่ ในใจก็ยิ่งหงุดหงิด มากขึ้นเท่านั้น เมื่อหงุดหงิดขึ้นมาก็เสียสมาธิได้ ง่าย เมื่อเสียสมาธิก็มักจะลืมบทได้ง่ายๆ

สำหรับเรื่องนี้ หลินซูผ่านโมโหเธออยู่ หลายครั้งในกองถ่าย

มีการกระซิบกระซาบในทีมกองถ่าย บอก ว่าเธอที่เคยได้รับรางวัลจากการแสดง แต่กลับสู้ นักแสดงใหม่คนหนึ่งไม่ได้

เพียงแต่อุปสรรคทางตำแหน่งของจิ่งเสี่ยว หย่าอยู่ที่นั่นด้วย มีเพียงไม่กี่คนที่กล้าพูดคำเช่น นั้น ส่วนใหญ่ก็มักจะพูดกันเป็นการส่วนตัว ไม่ได้ แพร่กระจายออกไปอย่างจริงจัง

แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น มันก็เพียงพอที่จะเข้า ถึงหูของเธออยู่ดี

เมื่อคิดถึงตรงนี้ จิ่งเสี่ยวหย่าก็เกลียดจน ต้องขบฟันแน่น

จิ่งหนิงมองไปที่ใบหน้าที่เปลี่ยนไปของเธอ เธอเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “แต่จะว่าไป เรื่องเมื่อวานฉัน เองก็รู้สึกแปลกๆ ฉันก็แค่ไปหาผู้กำกับหลินเพื่อ ถามเรื่องบทเท่านั้น คิดไม่ถึงเลยว่าจะถูกคนจงใจ แอบถ่ายภาพไปโพสต์ลงอินเทอร์เน็ต

ไม่รู้ว่าใครที่ขัดหูขัดตาไม่พอใจฉันขนาด นั้น ถึงกลับจงใจที่จะทำให้ฉันเสียชื่อเสียง? น้องสาว เธอพอรู้ไหม?”

จึ่งเสี่ยวหย่าตะลึงไป เธอไม่คาดคิดว่า

ตนเองจะถูกถาม

เมื่อเผชิญกับดวงตาคมกริบและเย็นชาของ จิ่งหนิง เธอก็กระวนกระวายไปชั่วขณะ จิตใต้สำนึกหลบเลี่ยงโดยไม่รู้ตัว

ครู่หนึ่ง เธอจึงค่อยพูดขึ้น “ฉันจะไปรู้ได้ยัง ไง? พี่ไปทำผิดต่อใครเข้าที่ด้านนอกรึเปล่า ไม่แน่ ว่าพวกเขาอาจจะต้องการใส่ร้าย ?”

จิ้งหนิงเลือกคิ้ว

“อ้อ? อย่างนี้เธอเองก็ยอมรับเหมือนกันว่า ฉันถูกใส่ร้าย?”

จิ้งเสี่ยวหย่านิ่งไป

จิตใต้สำนึกบอกว่าเธอติดกับเข้าให้แล้ว จากนั้นจึงโมโหขึ้นมาทันที

“ฉันไม่ได้พูดแบบนั้น เพียงแต่ในฐานะนัก แสดงหญิง จะคุยเรื่องบท ทำไมต้องรอถึงดึกๆ ดื่นๆ แบบนั้น?

พี่ทําเรื่องให้คนเขาจับได้เอง แต่พอเรื่องมา ถึงตัวกลับโทษคนอื่น แบบนี้ก็ออกจะน่าขันอยู่ บ้าง

ริมฝีปากของจิ่งหนิงฉีกยิ้มเย็น

“นักแสดงหญิงแล้วยังไง? นักแสดงหญิงไม่สมควรที่จะออกไปข้างนอกตอนกลางคืน? นี่มันปี 9102 แล้ว ความคิดจิตใจของน้องสาวทําไมถึง ไล้าหลังไปขนาดนั้นเชียว?

ฉันไม่คิดว่าการคุยเรื่องบทในตอนกลางคืน หรือกลางวันมีอะไรต่างกัน ขอแค่ว่าเวลาไหน สะดวกก็พอแล้ว

ส่วนคนที่กล่าวหาว่าอีกฝ่ายทําตัวไม่เหมาะ สม ฉันก็แค่อยากบอกว่า คนใจสะอาดก็กันออก

สมองของตนสกปรก ไม่ว่าคนอื่นจะว่ายังไง ก็มักจะคิดสกปรกอยู่ดี คนที่มีตา ฉันไม่สะอาด ไม่ว่าคนอื่นจะทําอะไรก็จะรู้สึกว่ามันไม่สะอาด คนที่มีดวงตาสกปรกหรือยังคิดจะมาชี้แนะให้คน อื่นจริงใจตรงไปตรงมาได้?”

พูดจบ ห้องแต่งตัวก็เกิดเป็นความเงียบขึ้น ชั่วขณะ

ผู้คนมองดูสองพี่น้องพูดไปมา ทุกคนดู มึนงง ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา

จิ่งเสี่ยวหย่าไม่คาดคิดเลยว่า จิ่งหนึ่งจะ เปลี่ยนเป็นฝีปากกล้าขนาดนี้ นี่ยังเป็นจิ่งหนึ่งที่ แสนโง่และไร้คำพูดคำจาคนนั้นอยู่อีกหรือ?


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ