วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่447 วันหยุดช่วงสั้น ๆ



บทที่447 วันหยุดช่วงสั้น ๆ

ทที่447 วันหยุดช่วงสั้น ๆ

ไม่ห้าวหนยิ้มเล็กน้อยแล้วพูด: “ผมลืมไป แตกต่างมิอาจ ร่วมทาง คุณชายจี้คงจะไม่รู้จักผมเป็นแน่

คำพูดนี้ฟังดูใจกว้างมาก แต่ความจริงนั้นมันมีการประชด โดยอ้างถึงตัวตนความเป็นลูกนอกสมรสของหลินยวนว่าไม่ สมควรเปรียบเทียบกับเขา

จี๋หลินยวนหรี่ตาเล็กน้อย

โม่ห้าวหวั่นยิ้มได้ใจและพูดกับกู้ซีเยว่ เบา ๆ “ซีเยว่ เราไป

กันเถอะ!”

กู้ซีเยวพยักหน้า

ทั้งสองกำลังจะไป

หลังจากเดินออกมาสองก้าวหลินยวนก็ขมวดคิ้ว

ทันใดนั้นก็จับผู้ติดตามข้าง ๆ เขาและถามอย่างจริงจัง “เขาคงจะไม่ใช่ไม่ห้าวหวั่นที่ถูกพูดลับหลังว่าเจ้าชู้เรือพาย สุดท้ายยังคิดจะใช้ผู้หญิงไต่เต้าหรอกนะ?”

เห็นได้ชัดว่าผู้ติดตามกำลังกลั้นยิ้ม แต่ก็ยังคงโน้มน้าวเขา ด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา “คุณชายคะ ข่าวลือจากภายนอก อย่าไป เชื่อง่ายๆ”
“เหรอ! ผมไม่ได้หูเบา เพียงแต่มันเป็นอย่างนั้นก็แค่นั้นว่า แต่ผมไม่ว่างพอจะไปใส่ใจเรื่องพรรค์นั้นหรอก!”

พูดจบเขาก็จูงหัวเหยาไปที่ห้องรับรองวีไอพี

ด้านหลัง สีหน้าของโม่ห้าวหวั่น ก็คร่ำเครียดจนดูไม่ได้แล้ว ผิดเพี้ยนไปหมด

กู้เยวจ้องมองไปที่ด้านหลังของจี๋หลินยวนและกลุ่มของเขา อย่างไม่พอใจจากนั้นมองไปที่ ไม่ห้าวหวั่น อีกครั้งแสดงความ กังวล

“คุณอย่าไปสนใจเขาเลย เขาก็เป็นพวกหยิ่งยโสโอหังแบบ นี้แหละ! ไม่มีทางพูดจาดี ๆ ได้หรอก!”

โม่ห้าวหวั่น ยิ้มอย่างเย็นชาและเงาดำก็พาดผ่านแววตาของ

เขา

หลังจากนั้นก็ตบแขนของ กู้เยา อย่างสบาย ๆ ราวกับกลับ ไปเป็นคุณขายที่อ่อนโยนและสง่างามคนนั้นในพริบตาแล้วพูด “วางใจเถอะ ไม่ว่าคนอื่นจะพูดถึงผมว่ายังไง ขอเพียงคุณเชื่อผม ก็พอแล้ว”

กู้เยวรู้สึกโล่งใจทั้งสองมองหน้ากันและยิ้มและจากไป เคียงข้างกัน

หัวเหยาตามจี้หลินยวนเข้าไปในห้องวีไอพี

นอกจากนั้นยังมีผู้ติดตามมาอีกสามคน
นี่คือร้านอาหารญี่ปุ่นมีโต๊ะเตี้ยอยู่ตรงกลางของห้องส่วนตัว พร้อมเบาะนุ่ม ๆ ทั้งสองด้านหลังจากที่ทุกคนเข้าไปแล้วพวกเขา ก็นั่งลงที่โต๊ะ

บริกรเข้ามาและจี้หลินยวนสั่งอาหารสองสามอย่างตาม ต้องการ

จากนั้น โบกมือ ให้เขาปิดประตูและไม่อนุญาตให้ใครเข้ามา อีกหากไม่ได้รับเชิญ

หัวเหยานั่งอยู่ข้าง ๆ หลินยวนและเลิกคิ้ว

และเงียบอย่างอยู่เป็น

จากบทสนทนาของพวกเขา หัวเหยาก็เข้าใจได้อย่างรวดเร็ว สามคนที่ตามจี้หลินยวนเข้ามาในห้อง มีคนหนึ่งมีเคราใหญ่ เขา คือ หลิวหมิงเป็นคนที่ทำธุรกิจระหว่างจีนพม่าให้ตระกูลจิ้น

หลิวหมิงขมวดคิ้วสีหน้าของเขาเป็นกังวลเล็กน้อยเขาพูด “คุณชายครับ ที่เรามาพบคุณครั้งนี้ อันที่จริงมีเรื่องอยากให้คุณ ช่วย!”

หลินยวนสีหน้าเฉยชาแสดงเพื่อให้เขาพูดต่อ

“เรื่องเป็นแบบนี้ครับ เมื่ออาทิตย์ก่อน พวกเราได้รับธุรกิจ หนึ่งมา บอกว่าทางเมิ่งเมียน ต้องการสินค้าจำนวนหนึ่ง และด้วย ความที่เป็นลูกค้าประจำ ทางเราจึงไม่เอะใจ และส่งสินค้าไปให้ ตามคำขอ แต่คิดไม่ถึงว่าเมื่อถึงชายแดนเมิ่งเมียน กลับถูกกลุ่ม คนร้ายไม่ทราบจํานวนดักปล้น!
“พวกนั้นคุ้นเคยกับเส้นทางการจัดเตรียมบุคลากรและวิธี การซื้อขายของเราเป็นอย่างดี จากที่ผมคาดการณ์พวกนี้น่าจะได้ รับข่าวและดักกลางทาง แต่ผมก็พยายามตรวจดูทั้งหมดแล้ว สินค้าพวกนี้ผมเป็นผู้รับผิดชอบเอง ไม่มีทางที่ข่าวจะรั่วไหลออก ไปได้”

“นี่ยังไม่เท่าไหร่ แต่ที่สำคัญที่สุดคือ ทางผู้ซื้อต้องการสินค้า อย่างเร่งด่วน แต่ทางผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครเป็นผู้ลงมือ แล้วจะให้ เขาได้อย่างไร? ไอ้เด็กพวกนี้ ปกติเรียกพี่เรียกน้องแต่พอมี ปัญหากลับทําเป็นไม่รู้จัก บอกว่าหากไม่สามารถส่งสินค้าได้ตรง เวลาจะปรับค่าเสียหายสองเท่า คุณก็รู้ว่าการทำธุรกิจที่เพิ่งเมียน ไม่ง่ายเลย ผมจะมีเงินเยอะขนาดนั้นไปชดใช้เขาได้ยังไง? แต่ เรื่องนี้ก็ไม่สามารถบอกเจ้านายได้ไม่อย่างนั้นผมคงกินข้าวไม่ลง แน่”

จี๋หลินยวนขัดขาข้างหนึ่งและนั่งอย่างเงียบ ๆ โดยวางแขน ไว้บนหัวเข่าปลายนิ้วสัมผัสกับพื้นโต๊ะเบา ๆ หนึ่งครั้ง และอีก ครั้ง…

คิ้วคมขมวดเล็กน้อยราวกับใช้ความคิด

หลิวหมิง และพวกเขาทั้งสามตาแป๋วมองไปที่เขาและไม่ กล้าที่จะหายใจแรง

เป็นเวลานานก่อนที่จะเห็นเขาพูดขึ้นช้า ๆ “ไม่ใช่ว่าผมไม่ อยากช่วยพวกคุณ เพียงแต่พวกคุณเองก็รู้ แม้ว่าธุรกิจของตระ กูลจิ้นในพื้นที่นี้จะอยู่ภายใต้การดูแลโดยรวมของผม แต่ผมก็ไม่เคยชอบแทรกแซงกิจการของลุงสองเลย…

เขายังพูดยังไม่จบ

ทั้งสามคนหันไปมองหน้ากัน พวกเขาลุกขึ้นและถอยไปหนึ่ง

ก้าว

จากนั้นก็คุกเข่าลงและพูดอย่างเคร่งขรึม: “หากคุณชาย ยอมช่วย พวกเราสามคนจะยอมเป็นมารับใช้ เพื่อตอบแทน คุณชาย”

แสงจาง ๆ ปรากฏขึ้นในดวงตาสีดำของหลินยวนและมุม ริมฝีปากของเขาก็งุ้มเล็กน้อย

เขายิ้มเล็กน้อย: “พวกคุณทำอะไรกันครับ ผมยังไม่ได้บอก ว่าจะไม่ช่วย!”

ในขณะที่เขาพูดเขายกมือขึ้นเพื่อส่งสัญญาณให้พวกเขาลุก ขึ้นอย่างรวดเร็วและพูดช้าๆ หลังจากทั้งสามคนนั่งลงอีกครั้ง “ถึงแม้ว่าผมจะไม่เคยเข้าไปยุ่งเรื่องของทางลุงสอง แต่ตระกูล นก็ถือเป็นหนึ่งเดียว เอาแบบนี้! ผมรับปากพวกคุณ สองวันนี้ผม จะช่วยพวกคุณตรวจสอบว่าสินค้าพวกนั้นอยู่ไหน

พวกเขาทั้งสามคนมีความสุขในทันใด แต่ก็ถูกเขา ขัดจังหวะ “แต่ว่า…

เห็นดวงตาของเขามืดมนด้วยความสดใสขี้เล่น เขายิ้มแล้ว พูด: “ผมรับเพียงหน้าที่ช่วยพวกคุณหา ส่วนสินค้าพวกคุณต้อง ไปจัดการกันเองนะ!”
พวกเขาทั้งสามคนผงะไปชั่วครู่และมีปฏิกิริยาตอบสนอง อย่างรวดเร็ว

พยักหน้าหงิก ๆ “แน่นอนอยู่แล้วครับ! ขอบคุณมากครับคุณ ขาย!”

จี๋หลินยวน โบกมือไปมาอย่างไม่ใส่ใจ ทั้งสามคนจากไป

ด้วยความขอบคุณ

หลังจากพวกเขาไปแล้ว หลินยวนจึงให้พนักงานนำอาหาร เข้ามาเสิร์ฟ

อาหารมาอย่างรวดเร็วหัวเหยากินไปแล้วดังนั้นเขาจึงสั่ง เฉพาะส่วนของเขา

เป็นผลให้ชายคนนี้รับประทานอาหารอย่างหรูหราในขณะที่

เธอถือน้ำมะนาวหนึ่งแก้วเป็นผู้ฟังที่น่าเบื่ออยู่ข้าง ๆ เขา

ต้องบอกว่าสไตล์การกินของจี๋หลินยวนนั้นอ่อนโยนมากและ ทุกการเคลื่อนไหวแสดงให้เห็นถึงความสง่างามและความสูงส่ง ที่ไม่อาจคาดเดาได้

มันไม่มีอะไรเหมือนกับสไตล์ในเวลาปกติของเขาเลย

มื้ออาหารผ่านไป

เขาหยิบผ้าเช็ดปากเช็ดปากจากนั้นก็ถามขึ้น: “ได้บ้านมารี

เปล่า?”

หัวเหยาอึ้งไป
จากนั้นก็คิดขึ้นได้ ในเมื่อเขาเห็นตนไปกินข้าวกับไม่ห้าวห รัน และกู้ซีเยว่ ย่อมเตาได้ว่าจุดมุ่งหมายที่เธอมาที่นี่คืออะไรกัน

แน่

เดิมทีก็ไม่ได้คิดจะปิดยังอะไร ดังนั้นจึงพยักหน้ารับตามจริง ชายหนุ่มเงยหน้ามองเธอ “ชอบมากขนาดนั้นเหรอ?”

เธอเม้มปากแล้วก้มหน้าและใช้นิ้วของเธอเพื่อลูบลายปัก บนผ้าปูโต๊ะและไม่พูดอะไร

แบบนี้มันดูเหมือนงอน

คิดไปแล้วก็ใช่ เธอขอให้เขาช่วย เขากลับปฏิเสธกลับมา อย่างไม่ลังเล ทำให้เธอต้องหันไปหาหัว เธอสมควรจะโกรธ

หัวเหยายังคงไม่รู้สึกตัว ไม่รู้ว่าตอนไหนที่ในใจเธอรู้สึก ว่าการไปขอให้จี้หลินยวนช่วยเป็นเรื่องที่แน่นอนมากกว่าหาหัว ชายคนนั้นหัวเราะเบา ๆ และหยุดถามเธอ เขาหยิบบุหรี่ออกมาและจุดไฟอย่างชำนาญ

ควันสีขาวอมเทาลอยล่องอยู่ระหว่างพวกเขาสองคน มัน ค่อย ๆ ทำให้ใบหน้าของอีกฝ่ายเบลอ ไม่รู้ว่ามันเป็นภาพลวงตา หรือเปล่าเมื่อหัวเหยาเผลอเงยหน้าขึ้นและเห็นดวงตาของเขา พร่ามัวและมองเธอราวกับว่าเขากำลังอาลัยอาวรณ์


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ