วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 233 โจมตีจุดตาย



บทที่ 233 โจมตีจุดตาย

“แล้วเธอคิดจะทำอะไร?

“เฮ้อ เธอวางใจเถอะ ไม่ว่าอย่างไรเธอก็เป็นพี่สาวของฉัน ฉัน คงไม่ลอกหน้าของเธอมาหมักไวน์จริงๆ หรอก

จิ้งเสี่ยวหย่าผุดลุกขึ้น ถอยไปด้านหลัง และชี้ไปยังผู้ชายทั้งสี่ คนที่อยู่ข้างหลังเธอ

“เธอเห็นไหม? ฉันเตรียมไว้ให้เธอเป็นพิเศษเลยนะ ฉันแค่ อยากจะลองดูว่า ผู้ชายอย่างจึงเช่นนั้น จะดีและซื่อสัตย์กับเธอ ได้มากแค่ไหน

ฉันไม่ฆ่าเธอหรอก แต่ฉันจะรอจนกว่าเธอจะถูกเล่นงานจน หมดสภาพ เสร็จแล้วก็โยนเธอกลับไป จากนั้นมาดูว่า ลู่วิ่งเซ็นจะ ยังคงรักและเทิดทูลเธอเหมือนเดิมหรือเปล่า”

จิ่งเสี่ยวหย่าพูดจบ ก็หยิบเข็มฉีดยาออกมาจากกระเป๋า เธอ ดูดของเหลวสีฟ้าจากขวดแก้วอีกใบ แล้วฉีดเข้าไปในร่างกาย ของเธอ

จึงหนึ่งพยายามดิ้นหนี แต่ก็ไม่เป็นผล ทันใดนั้น เธอวิตกขึ้นมาเล็กน้อย “เธอทำอะไร?

จึงเสี่ยวหย่าหัวเราะอย่างเย็นชา

“ใจเย็น มันไม่ถึงตายหรอก ฉันแค่ทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายขึ้นอีกสักหน่อยก็เท่านั้น ฉันอยากให้พวกเขาเล่นงานเธอจนหมด สภาพ ไม่ใช่เล่นงานเธอจนตาย ถ้าเธอตายก็ไม่สนุก เธอว่าจริง ไหม?”

หลังจากพูดเสร็จ จึงเสี่ยวหย่าสัมผัสไปที่ใบหน้าของจิ้งหนึ่ง พร้อมกับรอยยิ้มพราวบนใบหน้าของเธอ และเดินจากไป

สีหน้าของจิ้งหนิงเปลี่ยนไปอย่างมาก

แม้ว่าเธอจะไม่รู้แน่ชัดว่าจึงเสี่ยวหย่าฉีดอะไรให้เธอ แต่มัน ต้องไม่ใช่สิ่งที่ดีแน่นอน

เมื่อชายร่างกายทั้งสี่คนเห็นจึงเสี่ยวหย่าเดินออกไป พวกเขา จึงมุ่งเข้าไปหาจิ่งหนึ่ง

จิ่งหนิงจ้องพวกเขาด้วยสายตารังเกียจ เธอสะบัดหัวไปมา

อย่างแรง

“อย่า อย่าเข้ามา

เสียงของเธออ่อนลงเล็กน้อย เมื่อเห็นสภาพอ่อนแอของเธอ ผู้ชายพวกนั้นจึงเปล่งเสียงหัวเราะขึ้นมาอย่างชั่วร้าย

“ที่รัก ไม่ต้องกลัวไป พวกเราจะอ่อนโยนกับเธอ

“มาเลย! Come on!”

สิบนาทีต่อมา

ภายในห้องใต้ดินที่เงียบสงัด
จิ่งหนึ่งนอนอยู่บนพื้น เธอดิ้นรนอย่างหนัก ไม่รู้สึกถึงความ เจ็บปวดจากบาดแผลตรงข้อมือที่ถูกล็อคไว้ สติของเธอค่อยๆ หลุดลอยออกจากร่าง…

กระดูกสันหลังของเธอเย็นเล็กวาบ คล้ายกับร่างกายของเธอ ถูกนำไปแช่ในอ่างน้ำอันเย็นเฉียบ ความเย็นนั้นเกาะกินเข้าไป ยังกระดูกของเธอ

เธอรับรู้ถึงสัญญาณของชีวิตเธอที่กำลังจะหลุดลอยไป

ไม่ เธอตายไม่ได้!

ความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะมีชีวิตรอด ทำให้เธอกัดไปที่ ปลายลิ้นอย่างแรง ความเจ็บปวดที่ชัดเจนได้เรียกสติของเธอ กลับมาเล็กน้อย

เธอได้ยินเสียงฝีเท้าอยู่ไม่ไกล มีคนร้องขึ้นอย่างเจ็บปวด และ

พยายามที่จะยันตัวลุกขึ้น

เธอขบฟัน และรีบลุกขึ้นยืนตรงหน้าฝ่ายตรงข้าม และเหยียบ ไปบนหลังของอีกฝ่ายที่อยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่นิ้ว ชายผู้นั้นล้ม กลับลงไปบนพื้น และหมดสติไป

เธอถอนหายใจอย่างโล่งอก

แรงเฮือกสุดท้าย ถูกใช้ไปกับการต่อสู้ในครั้งนี้

เธอใช้มือยันกำแพงไว้ พยายามที่จะออกไปจากที่นี่

แต่ทุกย่างก้าวของเธอ พาให้สติของเธอพมัวขึ้นเรื่อย ๆ
เธอมุ่งมั่นที่จะพาตัวเองออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด แต่สองขาของ เธอกลับไม่เชื่อฟัง ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ขยับเลยสักนิด

เธอสะบัดศีรษะเพื่อเรียกสติของตัวเอง

ตอนแรกเธอคิดว่า สิ่งที่จึงเสี่ยวหย่าฉีดให้เธอ น่าจะเป็นยา ผ่อนคลายระบบประสาทประเภทหนึ่ง

ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่

แต่ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอะไร มันทำให้เธอไร้เรี่ยวแรงในตอนนี้

เธอต้องรีบออกไปจากที่นี่ จึงเสี่ยวหย่าคงจะกลับมาในไม่ช้า

ถ้านิ่งเสี่ยวหย่ากลับมาเธอคงไม่มีทางหนีจึงเสี่ยวหย่าพ้นแน่

เมื่อคิดได้ดังนี้ เธอจึงกัดฟัน และก้าวเดินต่อไปอย่างยาก รําบาก

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ในที่สุดเธอก็เห็นแสงสว่างอยู่รำไร เธอเร่งฝีเท้าไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว ในที่สุดก็ไปถึงบ้าน ประตู

ตามที่เธอคาดไว้ที่นี่คือโรงพยาบาลร้างในแถบชานเมือง

พวกเขาคงจะย้ายออกไปแล้ว เหลือไว้เพียงเครื่องมือเหลือใช้ บางส่วน ประกอบกับที่นี่ยังไม่มีเจ้าของใหม่เข้ามา ดังนั้นจึงนำ เครื่องมือเก่าเหล่านี้มากองไว้ที่นี่

จิ้งหนิงพยายามเดินออกไปด้านนอก แต่ในขณะนั้นเอง ก็มี ฝีเท้าดังมาจากด้านหลัง
เธอหน้าซีด แทบไม่ต้องคิด เธอก็รู้ว่ามีคนกำลังเดินมาทางนี้ เธอเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น โชคดีที่อีกฝ่ายไม่ตรงมาทางเธอ ดังนั้น เธอยังไม่ถูกจับได้

เมื่อออกมาจากประตู เธอจึงเริ่มตระหนักถึงสถานที่ที่เธออยู่ คล้ายกับชายทะเล?

ที่นี่คงเป็นโรงพยาบาลบนภูเขาหรืออะไรทำนองนี้ พวกนี้ไม่ สําคัญ ที่สําคัญคือ ห้องใต้ดินที่ขังเธอไว้ ดูเหมือนจะมีทางออก เพียงทางเดียว

และเธอก็ช่างโชคไม่ดีเสียจริง ขณะที่เธอพยายามหาทางออก อยู่ตรงโถงทางเดินอยู่นั้น เธอกลับเดินมาพบทางตัน

ตอนนี้ เธอพยุงตัวเองกับราวบันได ด้านซ้ายมองเห็นท้องทะเล

ที่ขยายไปสุดลูกหูลูกตา ด้านขวาเป็นทางโถงทางเดินที่มีคนเดิน

ผ่านไปเมื่อสักครู่

ไม่ว่าจะไปทางไหนก็เหมือนทางตัน

เธอไม่คิดว่า ถ้าเธอเดินไปทางขวา และถูกจึงเสี่ยวหย่าจับได้ เธอจะยังคงโชคดีและมีแรงพอที่จะล้มชายที่แข็งแกร่งทั้งสามคน ด้วยมือเปล่า แล้วหนีรอดมาได้อีกครั้ง

ในที่สุด หลังจากตรึกตรองอยู่ชั่วครู่ เธอมองไปยังทะเลลึกที่ ล้อมรอบเธออยู่ เธอกัดฟันและกระโดดข้ามราวบันไดลงไป

ทางด้าน โรงแรมในเครือของตระกูลในต่างประเทศที่อยู่ห่าง ออกไปประมาณ 10,000 กิโลเมตร
ลู่วิ่งเซินนอนกระสับกระส่ายตลอดทั้งคืน เขารู้สึก กระวนกระวายอย่างบอกไม่ถูก

เขามีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี แต่เขาก็บอกไม่ได้ว่าลางสังหรณ์ไม่ดี มีสาเหตุมาจากไหน

พอเช้าตรู่ เขาลุกออกจากเตียงตอนตีห้า ออกไปวิ่งที่ทางเดิน ในส่วนของโรงแรมประมาณสองสามรอบ แต่ความรู้สึก กระวนกระวายยังคงไม่จางหายไป ความรู้สึกนั้นช่างชัดเจน

เขาปรับสีหน้าให้เรียบนิ่ง และกลับเข้าห้องพักด้วยคิ้วขมวด

ทันใดนั้น โทรศัพท์ก็ดังขึ้น

บนหน้าจอปรากฏชุดตัวเลขที่เป็นรหัสลับ เป็นของโม่หนาน

เปลือกตาของเขากระตุกขึ้นทันใด และแล้วก็รู้ที่มาที่ไปของ ลางสังหรณ์นั้นเสียที เขารีบหมุนตัว กลับไปหยิบนาฬิกาอัจฉริยะ ที่เขาถอดออกมาวางไว้บนโต๊ะเมื่อคืนก่อนเข้านอน

บนหน้าปัดของนาฬิกา จุดเล็กสีแดงที่อยู่บนหน้าปัดได้หายไป แล้ว ม่านตาของเขาหดเล็กลง

“เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้อย่างไร? ” เขารับสายโทรศัพท์ด้วยน้ำ เสียงที่เย็นชา

ไม่หนานรู้สึกผิดเล็กน้อย แม้จะคุยกับลู่วิ่งเงินผ่านทาง โทรศัพท์ แต่เธอก็รับรู้ได้ถึงแรงกดดันจากน้ำเสียงของเขาได้เป็น อย่างดี
ภายในใจของเธอรู้สึกขลาดกลัวเล็กน้อย แต่ไม่ว่าจะขลาด กลัวแค่ไหน เธอก็ต้องรีบจัดการเรื่องนี้ ให้เร็วที่สุด และต้อง รายงานหัวหน้า

ท่านประธานคะ นายหญิง…หายตัวไป

“อะไรนะ?”

“มันเป็นความผิดของฉันเองทั้งหมด ตอนแรกพวกเราช่วยกัน วางแผนไว้อย่างดีแล้ว แต่ก็มีบางอย่างผิดพลาด…

โม่หนานรีบอธิบายเหตุและผลของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

รวมถึงสิ่งที่จิ่งหนึ่งบอกเธอก่อนหน้านี้

หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็รู้สึกแรงกดดันที่บีบเข้ามาเรื่อย ๆ เธอรู้สึกวิตกกังวลอย่างมาก จึงรวบรวมความกล้าและเอ่ยขึ้น “ท่านประธานคะ ฉันขอโทษค่ะ ฉันรู้ว่าฉันควรรับผิดชอบเรื่องนี้ อย่างเต็มที่ แต่เราค่อยมาตรวจสอบเรื่องนี้หลังจากจบเรื่องแล้ว ได้ไหมคะ ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการตามหานายหญิง

ลู่จิ่งเซินสูดหายใจลึก และพูดอย่างเย็นชา “ตอนนี้เธออยู่

ที่ไหน?

“ฉันอยู่ที่คฤหาสน์บ้านค่ะ”

“ติดตามการเคลื่อนไหวของทั้งเมือง ให้เร็วที่สุด ฉันจะรีบกลับ

โชคดีที่แผนการเดินทางของลู่จึงเป็นคือบินไปประเทศในเอเชียตะวันออกก่อน จากนั้นจึงบินไปอเมริกาในวันพรุ่งนี้หลัง จากเสร็จงาน ดังนั้น ในเวลานี้เขาจึงนั่งเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวตรง ดิ่งกลับไปยังประเทศจีน โดยใช้ระยะเวลาเพียงสามชั่วโมง เท่านั้น

สามชั่วโมงครึ่งผ่านไป จึงเป็นกลับถึงคฤหาสน์บ้าน


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ