วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 684 ความปรารถนาที่ถูกซ่อนเร้นอยู่



บทที่ 684 ความปรารถนาที่ถูกซ่อนเร้นอยู่

ในเมื่อปัจจุบันเฟิงสิงลังตื่นขึ้นมาแล้ว เรื่องเหล่านี้ให้เขาเป็น คนจัดการเองจะเหมาะสมกว่า

หลังจากเพิ่งสิ่งลังอ่านเอกสารเหล่านี้เสร็จ ก็ไม่ได้พูดอะไรเลย

ถึงแม้เขาจะเป็นถึงท่านประธานของเฟิงชื่อกรุ๊ป ผู้ถืออำนาจ ของตระกูลเฟิงซึ่งเป็นหนึ่งในสี่วงศ์ตระกูลใหญ่ก็ตาม แต่หลายปี ที่ผ่านมานี้ เรื่องของบริษัทส่วนใหญ่ก็ส่งต่อให้เพิ่งเหยี่ยนจัดการ แล้ว

สําหรับภายในของตระกูล ท่านปูเฟิงยังมีชีวิตอยู่ ถึงแม้จะอยู่ ภาคใต้ แต่มีหลายครั้งเขายังคงจะขอความเห็นจากท่านเพื่อ แสดงความเคารพนับถือต่อท่าน

เพราะฉะนั้นถ้ามีคนอยากจะทำร้ายเขาเพื่อผลประโยชน์ มันก็ ไม่น่าจะใช่

เฟิงเหยียนเห็นแล้วได้แต่สั่งกำลังคนเพิ่มไปสืบต่อ

ส่วนก่อนหน้านี้คือโอนย้ายเฟิงสิ่งลังไปที่โรงพยาบาลซึ่ง เฉียว จัดหาบอดี้การ์ดวิชาชีพมาปกป้องดูแล

ถึงแม้ตระกูลเฟิงไม่ได้อยากเปิดเผยเรื่องนี้ก็ตาม แต่คนอยู่ใน เมืองหลวง และยังเกิดเรื่องตอนกลางวันด้วย ยังคงมีหลายคนที่ ตาดีหูดีได้รับข่าว
ไม่เว้นแต่ทั้งตระกูล ตระกูลกวนกับตระกูล

ทั้งสามตระกูลล้วนส่งคนมาเยี่ยมแล้ว เพิ่งสิ่งลังสามารถ ปฏิเสธคนอื่นได้ แต่ไม่สามารถปฏิเสธคนเหล่านี้ได้

ดังนั้นจึงได้พบปะกันสักหน่อย ตระกูลกู้กับตระกูลเฟิงเดิมไม่ค่อยสนิทกันเท่าไหร่อยู่แล้ว ส่ง คนมาก็แค่มาเป็นพิธีเฉยๆ

ไม่แน่ยังถือโอกาสสืบข่าวอะไรบ้าง ดูว่าเฟิงสิงลังไม่ได้เป็น อะไรหนักอย่างที่พวกเขาพูดจริงหรือไม่

หลังจากเยี่ยมเสร็จก็กลับไปแล้ว

แต่ตระกูลกวนและตระกูลไม่เหมือนกัน

ตระกูลลู่เนื่องจากลู่จิ่งเซินกับเฟิงยี่สนิทกัน ฉะนั้นความ สัมพันธ์ของสองตระกูลก็ถือว่าดี ส่วนตระกูลกวนเป็นเพราะว่ามี ผู้ชาย ในรุ่นของท่านนั้นเกี่ยวดองกับตระกูลเฟิง ถึงแม้จะเป็น หลายรุ่นก่อนแล้ว แต่ความสัมพันธ์เป็นญาติกันก็ยังคงมีอยู่ ไม่ ว่าด้านความสัมพันธ์หรือด้านเหตุผล ก็จะเอาใจใส่มากกว่าอยู่ แล้ว

ขณะนี้ กวนจี้หมิงกำลังนั่งอยู่ในห้องผู้ป่วย ดูเฟิงสิ่งลังที่นอน อยู่บนเตียง สายตาเผยความกังวลออกมา

“พี่สองเฟิง ผมว่าเหตุการณ์รถชนครั้งนี้ไม่เหมือนอุบัติเหตุเลย แน่ใจไหมว่าสืบสาเหตุไม่ได้
เฟิงสิงลังส่ายหัว

“สืบมาหมดแล้ว บอกว่าคนขับคนนั้นตอนเช้าได้ดื่มสุรา หลัง ดื่มสุราขับรถจนไม่สามารถควบคุมได้ เพราะฉะนั้นจึงชนโดนรถ ของผม ไม่ว่ากล้องวงจรปิดหรือการสืบสวนสำหรับส่วนตัวเขา แล้วก็เป็นอย่างนี้ หาข้อบกพร่องอื่นไม่เจอเลยจริงๆ

กวนหมิงขมวดคิ้วเล็กน้อย

“มีใครที่ไหนดื่มสุราตั้งแต่เช้า นี่มันแปลกมากเลยไม่ใช่เหรอ”

เฟิงสิ่งลังยิ้มพูดว่า : “อาจจะเป็นนิสัยส่วนตัวของเขาก็เป็นไป ได้ ใครจะไปรู้ สรุปแล้ว ผมนี่ถือว่าดวงดีโชคดีเก็บชีวิตกลับมา ได้รู้จักพอใจมากแล้ว ฉะนั้นก็ไม่เอาเรื่องอะไรอย่างอื่นอีกแล้ว”

กวนจี้หมิงสังเกตได้ว่าเขาไม่อยากคุยเรื่องนี้ลึกเข้าไปอีก ดัง นั้นก็ปิดปากอย่างรู้ตัว

หลังจากนั่งได้อีกสักพัก จนถึงเวลาทานข้าว ผู้ให้การรักษา พยาบาลยกอาหารเย็นของเฟิงสิ่งลังเข้ามา

กวนจี้หมิงจึงจะทักทายกับเขา ลุกขึ้นจากไป ตอนออกมาเจอลู่นิ่งเซินกับจิ้งหนิงตรงหน้าประตู “คุณน้าก็มาเหรอ!”

จิ่งหนึ่งยิ้มทักทายกับเขา กวนจี้หมิงยื่นมือแกล้งจิ้งเจ๋อน้อยที่ เธออุ้มอยู่ในอ้อมแขน จากนั้นจึงยิ้มพูดว่า “ใช่แล้ว มาเยี่ยมสัก หน่อย พวกเธอรอครู่หนึ่งค่อยขึ้นไปเถอะ! ตอนนี้เขากำลังกินข้าวอยู่ น่าจะไม่สะดวก”

จิ่งหนิงพยักหน้า

กวนจี้หมิงพูดต่อว่า: “ช่วงนี้ยุ่งไหม ถ้าว่างก็กลับมาเยี่ยม หน่อย น้าสะใภ้เธอบ่นอยากเจอเธอตลอดเลย จิ่งหนิงยิ้ม “ตอนนี้อยู่เมืองหลวง ถ้าคิดถึงฉันแล้วก็ให้น้า

สะใภ้มาเที่ยวบ้านฉันเลย ช่วยเลี้ยงลูกให้ฉันพอดีเลย

กวนหมิงหัวเราะออกเสียง “ได้ เดี๋ยวฉันบอกเธอ”

ยังไงเวลาก็ไม่เช้าแล้ว กวนจี้หมิงยังมีเรื่องอื่นต้องทำ ฉะนั้น สามคนแค่ทักทายกันไม่กี่ประโยคก็แยกกันแล้ว

เมื่อจิ่งหนิงกับลู่วิ่งเซินมาถึงห้องผู้ป่วย เฟิงสิ่งลังกินข้าวเสร็จ เรียบร้อยแล้ว

เพิ่งพอเลิกงานปุ๊บก็มาอยู่เป็นเพื่อนเขาแล้ว เนื่องจากขึ้นมา

จากประตูหลัง ดังนั้นจึงไม่ได้เจอพวกเขา

เห็นพวกเขาเข้ามา เพิ่งยิ้มลุกขึ้นมา “พี่สอง พี่สะใภ้สองพวก เธอมาแล้วเหรอ”

ลู่วิ่งเป็นพยักหน้าแรง ยื่นของที่ถือไว้ให้เขา จากนั้นจึงพาวิ่ง หนึ่งเดินไปข้างๆ ห้องผู้ป่วย

“อาเฟิง ร่างกายเป็นยังไงบ้าง

เฟิงสิ่งลังยิ้มพูดอย่างอ่อนโยนว่า : “ก็ดีอยู่ จริงๆ แล้วไม่ค่อย มีปัญหาใหญ่อะไร ก็แค่น้ากพวกเธอชอบทำเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่เกินไปแล้ว วุ่นวายจนพวกเธอมาเยี่ยมฉันหมด เกรงใจ จริงๆ เลย”

ลู่วิ่งเซินยิ้ม “ร่างกายสำคัญกว่า พวกเราก็แค่เดินทางครั้งหนึ่ง เฉยๆ ไม่มีอะไรต้องเกรงใจหรอก” จิ่งหนิงก็คล้อยตาม “ใช่แล้วๆ ได้ข่าวว่าอุบัติเหตุรถชนครั้งนี้

หนักมากเลยนะ ตอนที่เราได้ยินต่างตกใจกันมากเลย

ทําให้พวกเธอต้องเป็นห่วงแล้ว”

ทักทายพูดคุยกันได้ไม่กี่ประโยค ในที่สุดก็พูดถึงประเด็น สำคัญ

ลู่วิ่งเซินก็ได้ถามเฟิงสิงลังเรื่องเกี่ยวกับผู้ร้ายเหมือนกัน เพิ่ง สิ่งลังยังคงเป็นคำกล่าวอ้างเหล่านั้น

ลู่จิ่งเซินเห็นแล้วจึงไม่ได้ถามลึกเหมือนกัน

แค่ตอนที่จะไปกำชับให้เฟิงยี่กี่ประโยค

เตือนเขาช่วงนี้ต้องระวังความปลอดภัยชีวิตของเฟิงสิ่งลังให้ดี เรื่องนี้ดูก็รู้ว่าไม่ธรรมดา

เฟิงสิงลงยิ่งหาข้ออ้างใส่ให้พวกเขา ก็ยิ่งแสดงว่าความจริง เขาน่าจะรู้ว่าคนร้ายเป็นใครตั้งนานแล้ว แต่ไม่ยอมบอกเท่านั้น เอง

เขาไม่ยอมบอก คนอื่นก็มิอาจยุ่งได้ เพราะฉะนั้นเรื่องนี้สืบสาว ราวเรื่องแล้ว ยังไงก็ต้องพึ่งคนตระกูลเฟิงระมัดระวังเอง
หลังจากเพิ่งฟังจบก็พยักหน้า

เขาเห็นด้วยกับคำพูดของลู่จึงเป็นมาตลอด ดังนั้นทันทีก็บอก เรื่องนี้ให้กับเฟิงเหยียนแล้ว

คำตอบที่ลู่วิ่งเซินสามารถเดาออกได้ ไม่มีทางที่เพิ่งเหยียนจะ เดาไม่ออก

ดังนั้น ก่อนที่เพิ่งยังไม่ทันได้สังเกตเห็น เขาก็จัดบอดี้การ์ด จํานวนมากคอยปกป้องอยู่รอบๆ โรงพยาบาลแล้ว แค่มีคนที่น่า สงสัยปรากฏตัว ก็สามารถสังเกตได้อย่างแน่นอน

ฝั่งนี้บรรยากาศเคร่งขรึม ส่วนอีกฝั่ง ซูหวานก็สับสนมาก เหมือนกัน

สิ่งที่ควรบอกตู้กูยิงเธอก็พูดออกมาหมดแล้ว ส่วนเฟิงสิ่งลัง

เธอก็เห็นแล้ว

ตามความเป็นจริง จนถึงตอนนี้เธอไม่น่าจะเสียดายอะไรอีก แล้ว

แต่ไม่รู้ทำไม ในใจของเธอแอบรู้สึกกังวลใจอะไรอย่างหนึ่ง อยู่ตลอด

รู้สึกตลอดเลยว่าเหมือนตัวเองลืมอะไรสักอย่างก็ไม่รู้

ดังนั้นเธอนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างไร้วิญญาณอยู่ทุกวัน ไม่รู้เหมือน กันว่ากำลังคิดอะไรอยู่

เวินเหวินจนเห็นเธอแบบนี้ รู้สึกได้แต่หัวใจถูกมีดบาด
มีวันหนึ่ง ในที่สุดก็ทนไม่ไว้แล้ว ขึ้นไปถามเธอ “หวานหวาน เราไปจากที่นี่ดีไหม กลับไปประเทศR”

หว่านมองเธอ สายที่มัวหมองตอนแรก ในที่สุดก็มีความยาว โฟกัสแล้ว

เธอส่ายหัว “ฉันไม่กลับ

“ทําไม”

ซูหวานก็คิดอยู่เหมือนกัน ใช่สิ ทำไมเหรอ

ทำไมจริงๆ แล้วเรื่องทุกอย่างที่ควรทำล้วนสำเร็จแล้ว แต่ตัว เองกลับยังไม่อยากไปจากที่นี่อีกล่ะ

จู่ๆ เธอคิดค่าตอบขึ้นมาได้

ใช่แล้ว! ก็คือเหตุผลนั้น

เธอเห็นเวินเหวินจวิน ใช้น้ำเสียงที่นุ่มนวลกว่าใครอย่างหนึ่ง ขอร้องว่า: “พี่เป็น รบกวนคุณพาฉันไปหาพี่สาวของฉันอีกครั้ง ได้

ไหม”

เวินเหวินจวินตะลึง สีหน้ามืดลงมาทันที

“คุณยังคิดถึงเธออยู่เหรอ”

เขาเหมือนกับคาดคิดไม่ถึงอย่างนั้น ที่มากกว่านั้นกลับคือ โมโหที่เธอไม่รู้

“ตกลงคุณยังจะกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรมเพื่อรักษาหน้าทุก ฝ่ายถึงเมื่อไหร่กันแน่ ในใจเธอไม่มีคุณเลยสักนิด ยิ่งกว่านั้นยังเกลียดคุณจนหมดเปลือกคุณดูไม่ออกหรือไง ความลบหลู่ดูหมิ่น ที่คุณได้รับครั้งก่อนก็แสดงออกมาทุกอย่างแล้ว ทำไมยังจะไป หาความอับอายเข้าตัวเองอีกล่ะ

ซูหวานนั่งงงงันอยู่ตรงนั้นอย่างตะลึง สายตาที่มองเขาเหมือน กับเด็กน่าสงสารคนหนึ่งที่สับสนอยู่


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ