วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 10 สิ่งของที่เหลืออยู่ของแม่



บทที่ 10 สิ่งของที่เหลืออยู่ของแม่

จิ่งเสี่ยวหย่าทำตัวไม่ถูก แววตาเธอแฝงไปด้วยความไม่ พอใจ

“พี่คะ พี่พูดอย่างนี้ได้ยังไง? ”

หยูซิ่วเหลียนก็ฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “จิ่งหนิง น้องก็แค่ หวังดี ทั้งสองคนลองไปคุยกันดูสิ บางทีเรื่องเข้าใจผิด เล็กๆน้อยๆ อาจจะคลี่คลายลงบ้างก็ได้ ยังไงพวกเราก็เป็น ครอบครัวเดียวกัน”

“ครอบครัวอย่างนั้นเหรอคะ? ขอโทษนะคะ นอกจาก คุณสองคนแล้ว ในบ้านนี้ทุกคนเป็นครอบครัวของฉัน ยกเว้นพวกคุณ! ! !

“อ้อ แล้วก็แม่ฉันมีลูกสาวแค่คนเดียว ฉันมีน้องสาวตั้งแต่ เมื่อไหร่กัน? อย่ามาตัดสินความสัมพันธ์มั่วๆได้ไหมคะ ไม่ กลัววิญญาณของแม่จะมาเข้าฝันพวกคุณตอนกลางคืนเห

รอ? !

“ว้าย! ! ! ”

จึงเสี่ยวหย่าตกใจจนกรีดร้องเธอซุกหน้าไปที่อกของหยู

ซิ่วเหลียน

ขณะนั้นเองที่บันไดก็มีเสียงเรียกขึ้น

“จิ่งหนิง! ”

จิ่งหนิงหันหลังกลับไปก็พบว่าหวังเสว่เหมยเดินลงมาพร้อมกับถือไม้เท้าไว้ในมือ

แม้ว่าหญิงชราจะอายุมากแล้ว แต่เธอก็ยังมี สติสัมปชัญญะที่ครบถ้วน แววตาอันเฉียบคมใบหน้าสงบ นิ่ง มีกลิ่นอายของความโกรธแทรกเข้ามา

แต่จริงหนิงไม่ได้กลัวเธอแม้แต่น้อย แววตาอันเยือกเย็น มองไปที่เธอไร้ซึ่งความหวาดกลัว

หวังเสว่เหมยเกลียดท่าทางของเธอแบบนี้เป็นที่สุด ช่าง เย่อหยิ่งดื้อรั้น เช่นเดียวกับแม่ของเธอที่จากไป นิสัยแบบนี้ คงฝังลึกเข้าไปอยู่ในพันธุกรรมแล้วสินะจึงไม่เห็นใครสัก คนในสายตา

เธอดูออกมาว่า “เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไรนะ? ”

จึงหนิงไม่อยากไปต่อล้อต่อเถียงกับเธอ เพราะเรื่องบาง เรื่องต่อให้พูดเป็นร้อยเป็นพันรอบก็ไม่มีความหมาย ถ้าเป็นเมื่อหลายปีก่อนเธอคงจะทะเลาะกับพวกเขาเรื่อง

แม่

แต่ตอนนี้เธอรู้สึกว่าคนในบ้านไม่ได้ให้ความสำคัญกับ แม่ของเธอแม้แต่น้อย เธอไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปถูก เถียงกับพวกเขา

หวังเสว่เหมยเห็นเธอเงียบไปจึงคิดว่าเธอกลัว แววตา ของหญิงชราจึงได้ผ่อนคลายลง

จากนั้นมองไปยังจิ่งเสี่ยวหย่าที่ตัวสั่นเทาอยู่ในอ้อมอกห ยูซิ่วเหลียน ใบหน้าเล็กๆที่บอบบางของเธอเหมือนกับกวาง ที่ตกใจกลัวช่างน่าสงสาร
“เอาล่ะในเมื่อกลับมาแล้ว เรื่องที่ผ่านมาก็อย่าไปพูดถึง มันอีก ไปกินข้าวก่อน”

พูดจบเธอก็เดินนำไปยังห้องอาหาร จึงหนิงขมวดคิ้วขึ้นแต่สุดท้ายก็เดินตามไป

“พอรู้ว่าเธอจะกลับมาก็เลยกำชับให้ป้าทำอาหารที่เธอ ชอบมากที่สุด รีบมาชิมดูซิว่าอร่อยไหม? ”

หยูซิ่วเหลียนตักอาหารให้เธอ

จึ่งหนิงรู้สึกสะอิดสะเอียนจากก้นบึ้งของหัวใจ เธอไม่

หยิบตะเกียบและไม่พูดอะไร

เมื่อจิ่งเซี่ยวเต่อเห็นเธอนั่งนิ่งไม่ขยับก็รู้สึกโมโห

“ทำไม? ก็แค่ให้กินข้าวมันหนักหนามากตรงไหน? น้า เหลียนยังไงก็เป็นผู้ใหญ่ เธอตักข้าวให้พูดว่าขอบคุณสัก คำจะเป็นยังไง?

จึงหนิงยังคงไม่พูดอะไร

แม้เธอไม่อยากจะใส่ใจกับเรื่องที่ผ่านมา แต่ก็ไม่อาจจะ ร่วมโต๊ะอาหารกับผู้หญิงคนที่บีบบังคับจนแม่เธอต้องจาก

ไปได้

เธอวางตะเกียบลงแล้วพูดว่า “ไม่จำเป็นค่ะ ฉันไม่หิวและ ไม่อยากกิน ในวันนี้ที่พวกคุณเรียกฉันกลับมามีเรื่องอะไร

พูดมาตามตรงเถอะ”

หวังเสว่เหมยมองไปที่เธอ

แต่ในครั้งนี้หญิงชรากลับไม่ได้โมโห พูดด้วยเสียงต่ำทุ้มว่า “มองดูแล้วเธอคงจะอาฆาตแค้นบ้านนี้มากสินะ ก็จริง อยู่ไม่มีใครบังคับเธอได้ ในวันนี้ที่เรียกกลับมาก็เพียงแค่ อยากจะบอกให้รู้

อีกสองวันเป็นวันเกิดของน้องสาวเธอ เราจะจัดงานเลี้ยง เล็กๆขึ้นภายในตระกูล พวกเราปรึกษาหารือกับตระกูลมู่ แล้วว่าจะประกาศความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองคนใน งานเลี้ยง เมื่อถึงเวลานั้นเธอต้องมาร่วมด้วย

ถ้ามีใครถามขึ้นก็บอกว่าคู่หมั้นของมู่ยั่นเจ๋อนั้นคือน้อง สาวเธอ นี่ก็เพื่อตัวของเธอเองด้วย ในเมื่อทุกอย่างได้ผ่าน พ้นไปแล้วก็ปล่อยมันไปเถอะ”

จิ่งหนิงมองไปยังหวังเสว่เหมยด้วยความตกตะลึง คิดไม่ถึงจริงๆว่าที่พวกเขาพยายามทุกวิถีทางเพื่อจะ

เรียกเธอกลับมาด้วยสิ่งนี้

เธอมองไปยังหวังเสว่เหมยอย่างเนิ่นนาน ในที่สุดก็ หัวเราะออกมาว่า

“คุณหมายความว่าจะให้ฉันไปเป็นเกราะกำบังให้พวก เขา ให้พวกเขาได้ประกาศความสัมพันธ์กันอย่างนั้นเห รอ?

หวังเสว่เหมยวางตะเกียบลง สายตาแสดงออกถึงความ ไม่พอใจแล้วพูดว่า “พูดอะไรออกมา เรื่องนี้ไม่ใช่เพื่อนน้อง สาวเธอคนเดียว แต่ก็เพื่อตัวเธอเองด้วย!

เมื่อคิดอยู่ชั่วครู่ก็พูดเสริมมาว่า “ยังไงซะเธอก็เป็นผู้หญิง และต้องแต่งงานเข้าในสักวันหนึ่ง หากเรื่องที่ถูกทิ้งได้ยินถึงหูคนอื่นเข้าจะเป็นยังไง? ”

“ถ้าฉันบอกว่าไม่ล่ะ? ! ”

“เรื่องนี้ไม่ว่าเธอจะยอมรับหรือไม่ แต่พวกเราตัดสินใจ แล้วเธอไม่อาจคัดค้านได้! ”

“ถ้าฉันยังยืนยันว่าไม่ไปล่ะ? ”

หวังเสว่เหมยหัวเราะออกมาแล้ว มองไปอย่างเย้ยหยัน

“เธอต้องไปแน่ นอกเสียจากว่าไม่ต้องการของที่แม่แกทิ้ง เอาไว้ให้แล้ว? ”

ในห้องอาหารเงียบสงัด ได้ยินแม้แต่เสียงหายใจ จึ่งหนิงลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างรวดเร็ว

สีหน้าของเธอเคร่งขรึมแล้วจ้องไปยังหญิงชรา

เนิ่นนานทีเดียวเธอจึงได้หัวเราะออกมา

“ฮ่าๆๆ พวกคุณอาจจะข่มขู่ฉันได้ในตอนนี้ แต่ไม่ข่มขู่ฉัน ไปได้ตลอดชีวิต!

“แค่ตอนนี้ก็เพียงพอแล้ว!

หวังเสว่เหมยวางตะเกียบลงแล้วพูดกับเธอ

“อีกสองวัน สองทุ่มตรงโรงแรมจวอย่าสายล่ะ”

จึงหนิงออกมาจากคฤหาสน์ตระกูลจึงเป็นเวลาสองทุ่ม

แล้ว
สายลมในช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงทำให้รู้สึกหนาว แต่ ความโกรธแค้นในใจของเธอไม่ได้ถูกพัดให้หายไปด้วย

เธอรู้มาตลอดว่าหวังเสว่เหมยลำเอียงรักเพียงจึ่งเสี่ยว หย่า แต่ไม่คิดจริงๆว่าจะเป็นถึงขั้นนี้

พวกเขาใช้สิ่งของที่แม่เหลือเอาไว้มาข่มขู่! ! ! เพื่อให้จิ่งเสี่ยวหย่าก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง

คิดแล้วมันช่างน่าขันที่สุด

ก่อนที่แม่ของเธอจะเกิดอุบัติเหตุ ได้จัดการให้ทนาย เขียนพินัยกรรมเอาไว้

เนื้อหาภายในพินัยกรรมเรียบง่ายมาก เธอเขียนเพียง ว่าที่ธนาคารมีตู้เซฟอยู่ตู้หนึ่ง ถ้าวันไหนเธอจากไปของทุก อย่างให้ตกอยู่ในการดูแลของจิ่งหนิง

แต่ภายใต้เงื่อนไขคือจะต้องรอให้เธอแต่งงานเสียก่อน ระหว่างนี้จะมีทนายความพิเศษคอยดูแลแทนเธอ

จึงหนิงไม่เข้าใจว่าทำไมแม่ของเธอจะต้องทิ้งพินัยกรรม เช่นนี้เอาไว้ และไม่รู้จริงๆว่าในตู้เซฟมีอะไรอยู่

เพียงแต่หลายปีมานี้ ตระกูลจึงพยายามหว่านล้อมเธอให้ เธอสละมรดกชิ้นนี้เสีย

แน่นอนว่าเธอไม่ยินยอมเด็ดขาด อย่าว่าแต่ของที่อยู่ใน ตู้เซฟเลย เพียงแค่ของใช้ที่แม่ของเธอเหลือเอาไว้เธอก็จะ ไม่ให้มันตกอยู่ในมือของคนอื่นแม้แต่ชิ้นเดียว

เธอเพียงรู้สึกว่าของที่อยู่ในตู้เซฟนั้นคงไม่ใช่ของธรรมดาแน่

ไม่อย่างนั้นตระกูลจิ่งที่มั่งคั่งจะจ้องด้วยตาเป็นมันได้ยัง

ไง?

ขณะที่เธอกำลังครุ่นคิด ก็มีรถออดี้สีดำขับมาจอดที่ด้าน

หน้าประตูใหญ่ของคฤหาสน์ตระกูลจิ่ง

จึงหนิงขมวดคิ้วด้วยความงุนงง ต่อมามีเสียงผู้ชายที่คุ้น เคยดังขึ้น

“จิ่งหนิงคุณอยู่ที่นี่ได้ยังไง? ”

จิ่งหนิงมองไปยังมู่ยั่นเจ่อที่อยู่ในชุด Armani สีน้ำเงิน เข้ม รูปร่างสูงใหญ่เต็มไปด้วยความสง่างาม

เธอยิ้มแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “ นายหมู่มีเรื่องต้องจัดการ

หลาย อย่างคงลืมไปแล้วสิคะว่าฉันนามสกุลอะไร? ”

มู่ยั่นเจ๋อตกตะลึงเล็กน้อย ใบหน้าของเขาเคร่งขรึม

แน่นอนว่าเขารู้ดีเธอใช้นามสกุลจิ่ง และที่แห่งนี้ควรจะ เป็นบ้านของเธอ

เพียงแต่หลายปีมานี้เธอตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูล จึ่งและไม่เคยเหยียบมาที่นี่อีก ในวันนี้เขาเห็นเธออยู่ที่นี่จึง ทำให้รู้สึกประหลาดใจ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ