วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 895 อย่าโกรธ



บทที่ 895 อย่าโกรธ

เยวหลิงยิ้มจาง ๆ

“แน่นอน คุณไม่เจออะไรหรอก เพราะแท้จริงแล้วในตัวมันเอง ก็เป็นน้ำมันหอมระเหย

“น้ำเปลี่ยนจิตจะไม่แสดงผลอะไร เมื่อไม่มีคนที่เจาะจงทำการ เคลื่อนไหวที่เจาะจง ยิ่งไปกว่านั่น ขวดที่ฉันให้คุณเอาไปตรวจ สอบตอนแรก มันก็เป็นแค่น้ำมันหอมระเหยธรรมดา และไม่ใช่ ขวดก่อนหน้าที่ฉันให้คุณใช้

เฉียวฉีตกใจมาก

เธอเพิ่งจะมาค้นพบว่า ตอนแรกตัวเองไว้ใจเสี่ยวเยว่ไปมาก

ถึงแม้เธอจะสงสัยเสี่ยวเยว่ แต่กลับตรวจสอบอย่างสะเพร่า พอเห็นว่าไม่มีอะไรก็ไว้ใจเธอมาก

อีกฝ่ายใช้ความไว้ใจ มาฆ่าเธออย่างเงียบๆ

ดวงตาของเฉียวเย็นชาลง แต่เยวหลังกลับไม่สนใจ

เธอนั่งอยู่ที่นั่นอย่างไร้คำพูด ไม่ว่าคำพูดหรือการกระทำของ เธอ แม้แต่บรรยากาศรอบตัวที่ไม่แยแสของเธอ ทุกอย่างแตก ต่างจากตอนที่อยู่ในปราสาทอย่างโดยสิ้นเชิง

เธอมองไปที่เฉียวฉี และยกขนมปังที่ยังกินไม่เสร็จในมือของเธอ
“ยังกินอยู่ไหม?”

เดียวไม่ได้พูด

เยวหลังยิ้ม

“เธออย่าโกรธฉัน ฉันบอกไปแล้ว ฉันเป็นแค่คนที่ทําตามคำ สั่ง และถึงแม้จะโกรธ เธอก็ควรทําให้ตัวเองอิ่มท้องก่อนนะ ฉัน ว่าเหตุผลข้อนี้เธอรู้ดีกว่าฉัน

เฉียว จ้องมองเธออย่างเย็นชา และหลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ พูดเสียงขรึมว่า “เอามานี่

เยวหลิงหยิบขนมปัง และให้เธอต่อไปทีละน้อย

แม้ว่าท่าทางของการให้อาหารด้วยวิธีนี้ จะดูน่าขายหน้าเล็ก น้อย เฉียวไม่ได้ขอให้เธอปล่อยมือ

เธอรู้ดีว่าต่อให้เธอจะขอร้อง คนพวกนี้ก็ไม่เห็นด้วยหรอก อย่างไรเสีย ทักษะฝีมือของตัวเองเป็นอย่างไร ใจเธอก็รู้ สภาพดี คนพวกนี้ก็ต้องรู้ด้วย

หากปล่อยเธอไปจริงๆ มันจะง่ายที่จะเกิดตัวแปร ไม่ว่า อย่างไรพวกเขาก็ไม่เห็นด้วยกับมันอยู่ดี

เฉียว ขี้เกียจจะเปลืองพลังงาน และเมื่อเธอกินขนมปัง ในมือ เสร็จ เธอก็ให้เยวหลิงป้อนน้ำ ให้เธอจิบ ก่อนที่ตัวเองจะพิง กําแพงรถอีกครั้ง

เธอมองไปที่เยวหลิง ดวงตาของเธอเย็นชา แต่ก็ไม่มีความหนาวเย็นเงินก่อน

เธอทำเพียงถามเสียงเบา “พวกเธอจะพาฉันไปไหน”

เยวหลิงขันฝาขวดน้ำ วางลงแล้วพูดว่า “ถ้าฉันบอกว่าไม่รู้ คุณเชื่อไหม?”

เฉียวถอนหายใจอย่างเย็นชา

เยวหลงกล่าวเสียงขรึม “ฉันไม่รู้จริงๆ

หลังจากหยุดอยู่ครู่หนึ่ง ก็เกลี้ยกล่อมเธอว่า “แต่ฉันขอแนะนำ ว่าทางที่ดีอย่าคิดที่จะหนี ในเมื่อพวกเขาจับคุณ พวกเขาก็ได้ เตรียมการอย่างละเอียดถี่ถ้วนมาแล้ว ถ้าหากต่อต้าน คุณอาจจะ ได้รับบาดเจ็บ”

เฉียวหัวเราะเย้ยหยัน “เธอคิดว่าฉันกลัวบาดเจ็บ”

เยว่หลิงซะงัก

เธอถอนหายใจ “เอาละ ฉันแค่แนะนำด้วยความหวังดี สำหรับ รายละเอียดมันก็เป็นธุระของคุณ”

หลังจากพูดเสร็จ เธอก็หันไปอีกด้าน เอียงศีรษะพิงร่างกายลง กับผนัง ก่อนจะหลับตาลงเพื่อพักผ่อน

เมื่อเฉียวเห็นว่าเธอไม่พูดอะไรแล้ว ก็ขี้เกียจจะพูดอีก อย่างไรที่สิ่งที่เธอหลอกถามเยาหลิงเธอก็รู้แล้ว ส่วนที่เหลือ ไม่ ว่าเธอจะไม่ยอมหรือไม่รู้จริงๆ อย่างน้อยที่สุดตอนนี้ตัวเองก็ไม่ สามารถหลอกถามจากปากเธอได้อีก
รถยังคงโคลงเคลงไปมา เธอหลับตา ก่อนจะเป็นตัวพิงผนังรถ เพื่องีบหลับ

ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่แล้ว

รถเบรกกะทันหัน จากนั้นจึงเร่งความเร็ว

เฉียว ตื่นขึ้นจากการเบรกรถอย่างกะทันหัน เธอลืมตาขึ้น

เยวหลังฝั่งตรงข้ามก็ลืมตาตื่น เธอยืนขึ้นและเดินไปยังด้าน หน้าเพื่อเปิดหน้าต่างเล็กๆ ที่เชื่อมต่อกับที่นั่งคนขับ ก่อนจะถาม ว่า “เกิดเรื่องอะไร?

“ไม่มีอะไร แค่เจอแมวตัวหนึ่ง”

คนขับไม่เหลียวหลังกลับมามอง เพียงตอบอย่างแผ่วเบา

เมื่อได้ยิน เขาหลังก็มองไปรอบๆ อย่างระมัดระวังอีกครั้ง เมื่อแน่ใจว่าไม่มีอะไรผิดปกติ จึงค่อยนั่งลงอย่างสบายใจ

รถยังคงขับต่อไป

บนทางหลวงที่กว้างขวาง รถยนต์ที่วิ่งก็ค่อยๆหาได้ยาก และ เห็นได้ว่ารถกำลังขับไปในเส้นทางที่ห่างไกลมากขึ้น

แสงที่ลอดผ่านเข้ามาในรถค่อยๆมืดลง ทำให้เฉียวรู้ว่าใกล้ จะค่าแล้ว และอีกไม่นานก็คงจะเป็นเวลากลางคืน

เธอเหลือบมองเยวหลิงและถามว่า “ฉันสงสัยมาตลอด ทำไม เธอถึงพยายามจับฉันขนาดนั้น?

เยวหลิงชะงัก
เธอเม้มปากและสายหัว “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน

เธอพูดพลาง หัวเราะกับตัวเอง

“บอกตามตรงนะ เมื่อก่อนฉันเคยคิดว่าพวกเขาต้องการจะฆ่า คุณ ฉันจึงดิ้นรนอยู่นานว่าจะทำหรือไม่ทำ

“แต่ภายหลังพวกเขากลับให้ฉันพาคุณออกมา ดังนั้นตอนนี้ ฉันก็ไม่รู้ว่าพวกเขาต้องการทําอะไรกับคุณ

เฉียวหัวเราะอย่างเย็นชา

พัวพัน? ทำไมต้องพัวพัน

เธอจับรูโหว่ที่เยว่หลิงบังเอิญพูดออกมาได้อย่างแม่นยำ และ อีกฝ่ายก็หยุดนิ่งไปในทันใด

มีบางสิ่งที่ปิดบังมาโดยตลอด กล่าวอีกนัยหนึ่ง สิ่งที่ไม่

ต้องการที่จะยอมรับ ถูกลากออกมาทันทีเพราะสองคำนี้

เฉียวฉพูดเสียงเบา “เสี่ยวเยว่ ไม่ใช่สิ ตอนนี้ต้องเรียกว่าเยว่ หลิง ที่จริงแล้วเธอคงไม่เหมือนสิ่งที่แสดงออกมาภายนอก อยาก ให้ฉันตายขนาดนั้น? ช่วงเวลาที่อยู่ในปราสาท ถึงแม้จะเป็นการ แสดง แต่บางทีเคยใจอ่อนกับฉัน?”

“ฉันถือว่าเธอเป็นเพื่อนเสมอ ฉันไม่เชื่อว่าเธอจะไม่รู้สึกเลย เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาเอาสิ่งที่เธอห่วงใยมาข่มขู่เธอ? หรือเธอ มีปัญหาอื่นที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

เยวหลิงเงียบไป
เธอไม่ตอบ แต่เฉียว ได้พบคำตอบที่เธอต้องการจากความ เงียบแล้ว

เธอหัวเราะเบาๆ “ฉันเข้าใจแล้ว”

ทันใดนั้นเยวหลิงก็เงยหน้าขึ้น

“เข้าใจอะไร?”

ดูเหมือนว่ามีใครบางคนเข้าใจความลับที่ลึกที่สุดในใจ แวว ตาเย็นชาไม่สบายใจ

เฉียวฉีพูดเสียงเบาว่า “เธอไม่มีทางเลือกอื่น ฉันไม่โทษเธอ เยวหลิงกำมือแน่น

ชั่วขณะหนึ่ง เธอยังเห็นการประชดประชันลึกๆ และดูถูกเธอ ในดวงตาที่อ่อนโยนและสงบจากเฉียวฉี

ใช่ มันไม่ใช่ความเห็นอกเห็นใจ มันไม่สงสาร มันเป็นแค่การ

เยาะเย้ยลึกๆ

เธอกัดฟัน และพูดว่า “คุณไม่ต้องใช้คำเหล่านี้มาหยอกเย้า ฉัน ฉันรู้ว่าตอนนี้คุณเกลียดฉันมาก เพราะฉันหักหลังคุณ และ หลอกเล่นกับความรู้สึกคุณ แต่ว่านะเฉียว บนโลกนี้ มีหลาย เรื่องที่ไม่มีผิดและถูก พวกเรามีจุดยืนที่ไม่เหมือนกัน สิ่งที่ฉันทำ ฉันจะไม่เสียใจทีหลัง

“ดังนั้น ฉันไม่ต้องการการให้อภัยจากคุณ และฉันหวังว่าคุณ จะไม่คิดเข้าข้างตัวเอง ว่าฉันจะเสียใจกับสิ่งที่ฉันทำลงไป
หลังจากที่พูดจบ เธอดูโกรธเล็กน้อย และหันศีรษะไปอีกด้าน อย่างโกรธเคือง

เฉียว เลิกคิ้วขึ้น เมื่อเห็นท่าทาง น

ในดวงตาที่เคยประกายความเฉยชา มีรอยยิ้มที่ประสบความ สำเร็จก็ฉายแววจางๆอยู่ด้วย ในเวลานี้

แต่การทะเลาะทางคำพูดของสองคนก็ดำเนินต่อไปได้ไม่นาน

เพราะหลังจากรถสั่นสะเทือน ก็ค่อยๆจอดลง

เมื่อรู้สึกว่ารถหยุดลง ความสนใจของเดียวก็ประเดประดัง ขึ้นมาทันที เธอเงี่ยหูเพื่อฟังความเคลื่อนไหวภายนอก


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ