วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 40 เขาคือปีศาจ



บทที่ 40 เขาคือปีศาจ

สุดท้าย ก็พยายามพูดอย่างใจเย็นว่า: “ถ้างั้นรอเดี๋ยว ฉันใส่ เสื้อผ้าก่อน”

ขณะพูด ก็เปิดตู้เสื้อผ้า และค้นหาเสื้อผ้า

เพราะลู่จิงเซินอยู่ตรงนี้ เธอก็ไม่กล้าบอกว่าจะเปลี่ยนชุด นอน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้มีคนคิดว่า เธอจงใจใส่ชุดนอน เซ็กซี่แบบนี้ และจงใจเปลี่ยนชุดนอน เพื่อดึงดูดความสนใจ หรือจะปิดบังอำพรางอะไรไว้

แม้ว่าชุดนี้จะไม่ใช่ชุดที่เธออยากใส่ แต่เขาจะไม่รู้เลยเห

รอ

จึงหนิงรีบหาเสื้อคลุมอาบน้ำที่เข้าชุดกันในตู้เสื้อผ้าและ สวมทับไว้อย่างรวดเร็ว

เสื้อคลุมอาบน้ำขนาดพอดีตัว ความยาวคลุมยาวถึงเข่า รอบเอวถูกผูกมัดไว้ หน้าอกก็ถูกปิดมิด ท่าให้เธอรู้สึกขึ้นมา บ้าง

สู่จิงเซินที่ไม่ได้พูดอะไรเลยตลอดเวลา เพียงแค่รูม่านตา ของเขาเล็กลง และไวน์ที่เหลืออยู่ก็ดื่มไปหมดแก้วแล้ว ก็ ถามขึ้นว่า

“เรียบร้อยหรือยัง”
จึงหนิงพยักหน้าตอบ

“ถ้างั้นนอนกันเถอะ!”

เขาลุกขึ้นยืน และเดินก้าวยาวๆไปข้างเตียง ทันใดนั้นก็

เริ่มถอดเสื้อออก

เปลือกตาของจิ่งหนิงกระตุก และถาม

“คุณทำอะไร”

ลู่จิงเซินเมื่อเห็นท่าทางตกอกตกใจของเธอ ขมวดคิ้วเล็ก น้อยและตอบ “จะนอนไม่ใช่เหรอ”

จึงหนิงได้สติ ตระหนักได้ว่าปฏิกิริยาของตัวเองดูเกินจริง

ไปหน่อย เธอจึงยิ้มแบบฝืนๆ และถาม

“แล้วคุณจะอาบน้ำก่อนไหม”

ลู่จิ่งเซินมองไปที่เธอครู่หนึ่ง ก็หยุดชะงัก ตอบ

“ได้”

เขาหันหลังเดินเข้าไปในห้องน้ำ

ในที่สุดจึงหนิงถอนหายใจด้วยความโล่ง และหลับตาลง เหมือนกับทั้งร่างได้ผ่อนคลายกับการออกไปจากตรงนี้ของ ฝ่ายชาย และจึงล้มลงบนเตียง

แต่จู่ๆ ก็มีเสียงฝ่ายชายดังออกมาจากห้องน้ำว่า
“คุณภรรยา ช่วยเอาชุดนอนมาให้ผมหน่อย”

จึงหนิง: ๆ.

ตัวเองไปอาบน้ำแต่ไม่เอาเสื้อผ้าไปหมายความว่ายังไง

เธอไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากลุกขึ้นช้าๆเพื่อเอาชุดนอน ไปให้เขา

เสื้อผ้าผู้ชายวางอยู่ในช่องที่สองของตู้เสื้อผ้า

เมื่อเปรียบเทียบกับของเธอ เสื้อผ้าของลู่จิ่งเซินนั้นดู ธรรมดาซ้ำซากมาก

มีแค่โทนสีดำขาวเทา น้อยมากที่จะมีสีอื่นผสมมา แม้ กระทั่งชุดนอนก็เป็นสีเทาเข้มที่เรียบง่ายที่สุด

เธอหยิบมาหนึ่งชุด เดินไปและที่ประตูห้องน้ำ

ประตูเปิดออกอย่างรวดเร็ว แตกต่างจากที่เธอเปิดออกแค่ ให้เป็นช่องว่าง แต่ครั้งนี้คือการเปิดประตูออกหมดจริงๆ

ลู่จิงเซินยืนเปลือยกาย มีน้ำหยดอยู่ทั่วตัว บนมือยังเต็ม ไปด้วยโฟมแชมพูที่วางไว้บนหัว

หยดน้ำจำนวนนับไม่ถ้วนไหลลงมาที่หน้าอก ไหลผ่านไปที่ กล้ามหน้าท้อง และไหลลงไปยังโซนที่เซ็กซี่นั้น

จึงหนิงทำตาโตโพล่งขึ้นทันที

“อ้า| ”
เสียงกรีดร้องด้วยความตกใจสั้นๆ เธอรีบปิดปากลรอย่าง

รวดเร็ว

วินาทีต่อมาก็โยนเสื้อผ้าให้เขา และปิดประตูเสียงดัง

“ปัง ” และพูด

“ลู่จิ่งเงิน! ทำไมไม่ใส่เสื้อผ้าหะ”

สู่จึงเชิน: .? ? ? ?

เสียงของฝ่ายชายที่ดูลำบากใจดังมาจากห้องน้ำว่า “คุณ ภรรยา ผมกำลังอาบน้ำ ทำไมต้องใส่เสื้อผ้าด้วยละ

จึงหนิง

อ้า! จะบ้าตาย!

เธอสาบานได้ว่า ผู้ชายคนนี้ตั้งใจ!

ช่างเป็นคนเปิดเผยจริงๆ!

ในห้องน้ำ ฝ่ายชายก็ปิดปากเงียบ

มองดูชุดนอนที่อยู่ในมือ ก็ไม่ได้พูดอะไรวางชุดนอนไว้ บนราว และอาบน้ำต่อ

จึงหนิงกลับไปที่ห้องนอน และนั่งบนเตียง เวลาผ่านไปสัก พักก็ยังรู้สึกได้ถึงอุณหภูมิความร้อนที่หน้าอกตัวเอง

ภาพที่ฉันเพิ่งเห็นก็แวบเข้ามาในสมองตลอดเวลา
เธอพบว่า ตัวเองข่างน่าอายจริงๆ ที่รู้ชื่นชมและใจเต้น

ถุย! ลุย! ถุย!

ผู้ชายคนนี้เป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ นิ่งไว้! ต้องนึ่งเข้าไว้ัน

แต่ยิ่งคิดแบบนี้ ภาพความเซ็กซี่และมีเสน่ห์ก็ยังวนเวียน อยู่ในหัว ทำยังไงก็ไม่สามารถกำจัดมันออกไปได้

จึงหนิงกุมหน้าครุ่นคิดหนัก

จะบ้าตายแล้วจริงๆ

ไม่นาน ลู่จิ่งเซินก็ออกมาจากห้องน้ำ

ชุดนอนสีเทาเข้มที่สวมอยู่บนตัวเขา เดิมที่มันเป็นสไตล์ที่ เรียบง่าย แต่คงเป็นเพราะชายคนนี้หุ่นสูงขายาว เป็นหุ่นที่ ไหล่กว้างและเอวคอดมีรูปร่างเป็นมาตรฐานที่สุด ดังนั้นแค่ เพียงชุดนอนธรรมดาๆ เมื่อเขาสวมใส่ก็ให้ความรู้สึกถึง ความเป็นแฟชั่นได้

ขาที่เรียวยาวและแข็งแรงเผยออกมาข้างนอก แค่มอง ผ่านแวบเดียว ก็ดูเซ็กซี่มากจริงๆ

จึงหนิงสงสัยว่าสมาธิของตัวเองแย่ลงเรื่องๆแล้วละ!

เธอขยับตามองอย่างอึดอัด จึงหันหลังและดึงผ้าห่มมาปิด เพื่อแกล้งหลับ เพื่อปกปิดความเขินหน้าแดงและความ ประหม่าของตัวเอง
ไฟในห้องดับลง เหลือเพียงแสงจากโคมไฟติดผนังที่มุม

ห้อง

มองจากไกลๆ ดูเหมือนไข่แดงสุกหนึ่งใบในที่มีด ไม่เจิด จ้า แต่ให้ความรู้สึกอบอุ่นกับคนได้จริงๆ

รู้สึกว่าฟูกด้านหลังยุบลงเล็กน้อย และฝ่ายชายก็นอนลง

ตัวเธอแข็งที่อ โชคดีที่ลู่วิ่งเซ็นไม่ได้ทำอย่างอื่น เหมือน กับเคารพความยินยอมของเธอ เมื่อคืนวานก็เป็นอย่างนี้ เหมือนกัน ยกเว้นที่ทั้งสองคนนอนที่นอนเดียวกัน เขาทำตัว เป็นสุภาพบุรุษมาก และไม่เคยทำเรื่องเกินเลยใดๆเลย

จึงหนิงค่อยๆปล่อยใจให้โล่ง เปลือกตาของเธอหนักขึ้น เรื่อยๆ ผ่านไปไม่นานเธอก็เข้าสู่ห้วงนิทรา

วันรุ่งขึ้น หวังเสว่เหมยโทรหาเธอตั้งแต่เช้าบอกว่า เจอ ทนายความที่รับรองเอกสารเรื่องมรดกของแม่เธอแล้ว และ ให้เธอไปที่ธนาคารตอนสิบโมง

เมื่อเธอออกไป ลู่จิ่งเซินก็ไม่ได้รู้สึกวาง เขาจึงส่งซูมู่ให้ไป กับเธอด้วย

จึงหนิงไม่ได้ปฏิเสธน้ำใจของเขา และตกลงรับน้ำใจนี้ไว้ เมื่อทั้งสองมาถึงธนาคาร คนตระกูลจิงก็ยังไม่มา แต่

ทนายความมาถึงนานแล้ว

ทนายแซ่หวาง ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนมหาวิทยาลัยของโม่ไฉ่เวย และเนื่องจากมีความสัมพันธ์ที่ดี กับ โม่ไฉ่เวย เขาจึงได้รับความไว้วางใจจากโม่ไฉ่เวย ด้วย เหตุนี้เขาจึงได้รับมอบให้เป็นผู้ดูแลเรื่องมรดกที่สำคัญเช่นนี้

เมื่อจึงหนิงได้เจอเขา ก็ได้ทักทายพูดคุยกันง่ายๆสองสาม

คำ

เธอมีความสงสัยอยู่เล็กน้อย จึงถามว่า “ทนายหวาง แม่ ของฉันทิ้งมรดกอะไรไว้ ทำไมไม่ให้โดยตรงเลย แต่ต้องรอ ให้หลังจากที่ฉันแต่งงานแล้วละ”

นี่เป็นคำถามที่เธอสงสัยมากที่สุดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่น่าเสียดายที่มีคนตายไปเหมือนไฟดับ เลยยังหาคำตอบ ไม่ได้มาโดยตลอด

ทนายหวางยิ้มและตอบ “จริงๆแล้วฉันก็ไม่รู้หรอก แต่คิด ว่าต้องคงมีจุดประสงค์ของเธอแน่นอน! ส่วนของด้าน

ใน….อีกสักครู่คุณก็จะรู้เอง”

เมื่อเห็นว่าเขาไม่อยากพูดไปมากกว่านี้ จิงหนิงก็ไม่ สามารถบังคับได้

ผ่านไปสิบกว่านาที คนตระกูลจิ่งก็มาถึง

หลังจากเรื่องในงานเลี้ยง ความเกลียดชังของคนตระกูล จึงที่มีต่อจึงหนิงพูดได้ว่าคงเกลียดเข้าไปในกระดูกแล้ว

ดังนั้นที่พวกเขายินยอมให้ความร่วมมือ จะคืนมรดกของแม่ให้เธอ จึงทำให้เธอประหลาดใจอย่างยิ่ง

แต่จึงหนิงก็ไม่ได้พูดอะไรมาก ธนาคารดำเนินการตามที่ นัดกันไว้ล่วงหน้า และได้รับตู้เซฟมาแล้ว

ภายใต้การรับรองเป็นพยานของทนายหวาง ในที่สุดหวัง เสว่เหมยก็เป็นคนเปิดด้วยตัวเอง

สิ่งที่อยู่ในตู้เซฟไม่ใช่เช็คขนาดใหญ่ หรือเงินสดจาก อสังหาริมทรัพย์

แต่มันเป็นสร้อยคอธรรมดาๆเส้นหนึ่ง

ทุกคนต่างตะลึง

จึงหนิงเองก็ยังประหลาดใจ

สร้อยคอเส้นนี้ เธอจำได้รางๆว่าเคยเห็นครั้งหนึ่งเมื่อเธอ ยังเป็นเด็ก แต่จำรายละเอียดไม่ได้ จำได้แค่ว่าแม่ของเธอ หวงมันมาก

เธอเอื้อมมือไปหยิบสร้อยคอขึ้นมา ทนายหวางยิ้มและพูด ว่า “คุณหนูจิ่ง นี่คือสิ่งที่แม่ของคุณทิ้งไว้ให้คุณ ตอนนี้ได้ส่ง ให้คุณเหมือนเดิมแล้ว ฉันหวังว่าคุณจะเก็บรักษาอย่างดี”

จึงหนิงพยักหน้า

แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าทำไมแม่ของเธอจึงทิ้งสร้อยคอเส้นนี้ที่ ดูธรรมดามาก ให้เป็นของขวัญชิ้นสุดท้ายกับเธอ แต่คิดว่าน่าจะมีจุดประสงค์ของเธอ

และไม่ว่าจะเป็นของอะไร ตราบใดที่เป็นสิ่งที่แม่ทิ้งไว้ให้ ก็มีความหมายที่ไม่เหมือนกันแน่นอน

เธอจะทะนุถนอม และรักษามันไว้อย่างดีต่อไป

ชูมู่ใส่สร้อยคอลงในตู้เซฟที่เขานำมา จากนั้นเจ้าหน้าที่ ธนาคารก็เดินออกจากประตูไป

เมื่อพวกเขาจะแยกย้ายกัน หวังเสว่เหมยก็มองลึกมาที่เธอ

เธอพูดอย่างเย็นชาว่า: “จิ่งหนิงได้เป็นคุณนายลู่แล้ว ตอน นี้แกคงภูมิใจมากสินะ”

จึงหนิงมองดูเธออย่างเฉยเมย พูดอย่าไม่แสดงตัวต่ำต้อย และไม่แสดงตัวโอหังว่า “รู้ว่าฉันกำลังมีชีวิตรุ่งเรือง ทำไม นายหญิงจึงต้องมาทำให้ตัวเองขายหน้าละ

หวังเสว่เหมยหัวเราะเยาะ และพูด

“ไม่ช้าก็เร็วแกจะต้องเสียใจ เมื่อถึงเวลานั้น แกจะต้องมา คุกเข่าและขอร้องฉัน”

เธอพูดจบ ก็พาคนกลุ่มนั้นขึ้นรถ และขับออกไป

จึงหนิงยืนขมวดคิ้ว อยู่ตรงนั้น

ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ความรู้สึกไม่สบายใจก็เกิดขึ้นในใจ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ