บทที่ 2 แม่เป็นยังไงลูกเป็นอย่างนั้น
จิ่งเซียเต๋อที่ยืนอยู่ด้านหลังหวังเสว่เหมยก็ตะคอกขึ้น มาด้วยความโมโหว่า “นังลูกอกตัญญู! แกพูดอะไรออกมา
กัน? ”
จิ่งหนิงหัวเราะออกมาแล้วพูดว่า “มันเป็นความจริงนี่คะ”
จึงหนิงคิดไม่ถึงจริงๆว่าผู้หญิงคนที่อยู่กับมู่ยั่นเจอก็คือ จึงเสี่ยวหย่า
เดิมที่เธอคิดว่ามีเพียงแค่มู่ยั่นเจ๋อที่ทรยศหักหลังเธอ จึง ได้คิดแผนนี้ขึ้นมาและต้องการทำให้เขาต้องอับอาย
คิดไม่ถึงจริงๆว่ายิงปืนนัดเดียวจะได้นกสองตัว ไม่เพียง แค่คู่หมั้นของเธอจะนอกใจ อีกทั้งผู้หญิงคนที่อยู่กับคู่หมั้น เธอนั้นคือน้องสาวคนละแม่ของเธอนั่นเอง! ! !
ช่างน่าตลกจริงๆ!
“แก!
หญิงชราโมโหสุดขีด เธอยกไม้เท้าในมือขึ้นและทำท่า จะฟาดลงไป แต่หยูซิ่วเหลียนรีบเข้าไปห้ามไว้
“แม่คะ มีอะไรก็พูดกันดีๆอย่าใช้แรงและอารมณ์ เดี่ยวจะ ส่งผลต่อสุขภาพค่ะ”
เมื่อพูดจบก็หันหลังมาตักเตือนจิ่งหนิงว่า “จิ่งหนิงอย่า ทำให้คุณย่าต้องโมโหมากกว่านี้เลย เรื่องนี้จริงอยู่ที่เสี่ยว หย่าหักหลังเธอ เมื่อกลับบ้านไปจะดุด่าสั่งสอนเธอยังไงก็ตามใจ แต่ว่าคุณย่าอายุมากแล้ว อย่าเถียงคุณย่าอีกเลย
นะ”
ท่าทางที่ดูใจดีและอ่อนหวานนั้น หากไม่รู้จักเธอคงคิดว่า เธอเป็นคนมีเมตตาจริงๆ
จึ่งหนิงยิ้มขึ้นมาด้วยท่าทางเจ้าเล่ห์
จิ่งเซียเต๋อเห็นเธอทำท่าทางอย่างนั้นก็ยิ่งโมโห
“สะใจมากนักใช่ไหมที่ทำให้น้องสาวแกและคู่หมั้นเข้า คุกไปได้? และยังทำให้ตระกูลจึงต้องอับอายขายหน้าไป ด้วย รู้ตัวหรือเปล่าว่าตัวเองใช้นามสกุลอะไรอยู่?
“น้องสาวแกเป็นถึงดารา การที่แกทำอย่างนี้ถ้าข่าวแพร่ ออกไปน้องสาวแกจะทำยังไง? จะอยู่ในวงการต่อไปได้ หรือเปล่า? ตระกูลจิ่งและตระกูลมู่จะมองหน้ากันติดได้ยัง ไง เรื่องพวกนี้เคยคิดก่อนจะทำลงไปไหม? ”
จึงหนิงมองดูเขาด้วยสายตาเย็นชาแล้วพูดว่า “คุณคิด ได้แต่เรื่องพวกนี้เหรอ?
จิ่งเซียเต๋อเธอจ้องมองไปที่เธอ
“พวกเขาเล่นชู้กัน พวกเขาหักหลังหนูก่อน! แต่คุณ กลับมายืนตำหนิหนูอยู่คนเดียวอย่างนั้นเหรอ? คุณอยาก จะให้หนูทำยังไงกัน? ให้หนูไม่สนใจการกระทำของพวก เขาอย่างนั้นเหรอ?
หรือให้ก้าวเข้าไปแสดงความยินดีและอวยพรให้พวกเขา
กัน? ”
จึงเชี่ยวเต่อพูดไม่ออก เขาตกตะลึงอยู่ชั่วครู่แล้วตะโกน ออกมาว่า “ตัวเองไม่มีปัญญาที่จะรั้งผู้ชายของตัวเองเอาไว้ ได้ ยังกล้ามาโทษว่าผู้หญิงคนอื่นแย่งไป อีก! ถ้าแกดีจริง เขาจะทิ้งแล้วไปชอบน้องสาวแกได้ยังไง? เรื่องมาถึง ขนาดนี้แล้วยังไม่รู้จักสำนึก ได้แต่โทษคนอื่นไปวันๆ แกมัน ไม่ต่างจากแม่ที่ไร้ความสามารถของแกเลย! ”
จิ่งหนิงคล้ายกับถูกสายฟ้าฟาด
เธอมองดูผู้ชายตรงหน้าที่เธอเรียกว่าพ่อด้วยอย่างเหลือ
เชื่อ
เมื่อห้าปีก่อนวิ่งเซี่ยวเต่อนอกใจแม่ของเธอ เขาพาหยูซิ่ว เหลียนและจิ่งเสี่ยวหย่าเข้ามาในบ้าน จึงได้รู้ว่าแท้จริงแล้ว เธอมีน้องสาวที่อายุมากกว่าเธอครึ่งปีอยู่อีกคนหนึ่ง
แม่ของเธอรับไม่ได้กับเรื่องนี้ จึงได้ขับรถพุ่งลงไปใน แม่น้ำและจมสู่กันบึ้ง
ตระกูลจึงกลัวว่าเธอจะก่อเรื่อง จึงส่งเธอไปอยู่ต่าง ประเทศและไม่สนใจไยดีอีก
หลายปีมานั้นหากไม่ใช่เพราะว่าแม่ของเธอทิ้งมรดกเอา
ไว้เธอก็คงจะตายอยู่ที่ต่างประเทศแล้ว
เธอรู้ตัวมาตลอดว่าพ่อของเธอและคุณย่าไม่ชอบแม่เธอ เท่าไหร่นัก คิดไม่ถึงว่าแม้แต่แม่เธอจากไปแล้วเธอยังต้อง มารับกรรมนี้
ตอนนี้เธอสั่นสะท้านไปทั้งตัวแล้วหัวเราะออกมาด้วย ความเยาะเย้ยถากถาง
“ใช่! ฉันมันไม่ได้เรื่อง แม่ของฉันไม่ได้เป็นพวกมารยา สาไถย ฉันจึงไม่มีคุณสมบัติพอที่จะไปอ่อยผู้ชาย แต่แม่ ของคนบางคน…จิ่งเสี่ยวหย่ามีตัวอย่างที่ดี จึงได้ทำตาม แบบ ในที่สุดฉันก็เข้าใจสักที! ”
หยูซิ่วเหลียนสีหน้าซีดเผือดทันที
จึงเซี่ยวเต่อตะคอกออกมาว่า “พูดจาไร้สาระ! ”
“หนูพูดอะไร คุณน่าจะรู้อยู่แก่ใจ”
“แก! ! !
“พอได้แล้ว!
หญิงชราที่อยู่ข้างๆตะโกนออกมา จริงเชี่ยวเต่อโมโหและ อ้าปากจะพูดบางอย่าง แต่หยูซิ่วเหลียนที่อยู่ข้างๆจับแขน เขาไว้
เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบว่าที่ทางเดินมู่ยั่นเจ๋อและจิ่งเสี่ยว หย่ากำลังออกมาจากห้องสอบสวน
มู่เทียนหงสีหน้าไม่ดีเท่าไหร่นัก ส่วนมู่ยั่นเจ๋อและจิ่ง เสี่ยวหย่าก็ไม่ต่างกัน
จึงเสี่ยวหย่าจับแขนมู่ยั่นเจอไว้แน่น ใบหน้าของเธอเต็ม ไปด้วยความรู้สึกถูกรังแกและกดดัน ตาแดงน้ำตาคลอเบ้า มองไปแล้วช่างน่าสงสาร
ทุกคนที่อยู่ ณ ตรงนั้นเข้าไปถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง “เสี่ยวหย่าไม่เป็นอะไรใช่ไหม? ”
จึงเสี่ยวหย่าส่ายหัวแล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงต่ำทุ้มว่า”หนูไม่เป็นไรค่ะ”
เมื่อพูดจบก็หันไปทางจิ่งหนิง
“พี่คะ….”
เธอพูดออกมาเบาๆแล้วเดินตรงไปยังจิ่งหนิงด้วยสายตา
อ้อนวอน “ขอโทษค่ะ ฉันไม่คิดว่าพี่จะมา….ฉันและพี่อา
เจ๋อ….พวกเราไม่ได้ตั้งใจ ขอให้พี่ยกโทษพวกเราด้วย” จึ่งหนึ่งมองไปยังเธอด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
มู่เทียนหงก็ถอนหายใจออกมาแล้วพูดว่า “เรื่องนี้ตระกู ลมู่ของเราทำผิดต่อคุณ แต่ในเมื่อเรื่องมันเกิดไปแล้วก็ไม่ สามารถแก้ไขได้ ถ้าต้องการให้ชดเชยเพียงแค่พูดออกมา พวกเราจะต้องให้คำตอบที่พอใจกับคุณ”
จิ่งหนิงหัวเราะอย่างเยือกเย็นแล้วพูดว่า “ชุดเชยอย่าง นั้นเหรอคะ? คุณคิดจะเอาเงินมาปิดปากฉันอย่างนั้นเห รอ? ”
มู่เทียนหงสีหน้าเปลี่ยนไปทันที แววตาของเขาแฝงไป ด้วยความเสียใจ
เขาหันกลับไปมองมู่ยันเจอแล้วพูดด้วยความโมโหว่า “ไอ้ลูกไม่รักดี เรื่องนี้แกก่อขึ้นมาเองแท้ๆ แกไม่คิดจะ อธิบายอะไรเลยหรือไง? ”
มู่ยั่นเจ๋อทำสีหน้าไม่พอใจ เขามองไปที่จิ่งหนิงแล้วเดิน หน้าออกมาตามคำสั่งของพ่อ
“จิ่งหนิง พวกเราไปกันไม่ได้ ยกเลิกงานแต่งเถอะ” จึ่งหนิงตกใจจนตัวสั่นสะท้าน
คล้ายกับถูกมีดบาดเข้ากลางใจ
ถึงเธอจะรู้ว่าสุดท้ายเรื่องราวจะเป็นเช่นนี้ แต่เมื่อเธอ ได้ยินคำนี้จากหูของตัวเองก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจ
เธอมองดูผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า จากนั้นยิ้มขึ้นจนมองเห็น เลือดที่มุมปาก
“มู่ยั่นเจ๋อพวกเราอยู่ด้วยกันมากี่ปีแล้ว? ”
“6 ปี”
“6ปีเหรอ! หึๆ”
คิดไม่ถึงว่าเวลา 6 ปีที่เสียไปจะแลกมาได้เพียงจุดจบ
เช่นนี้….
เธอจับได้ว่าเขาเล่นชู้คาหนังคาเขาบนเตียง แต่เขาก็ยัง ไม่รู้สึกละอายใจและไม่คิดจะขอโทษ มีแต่พูดออกมาด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่าพวกเราเข้ากันไม่ได้?
หัวใจของเธอแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เธอพยายามยิ้มและ พูดด้วยความไม่ลังเลว่า “ค่ะ ฉันตกลง”
มู่ยั่นเจ๋อตกตะลึง เขาคาดเดาผิดไป
เขาขมวดคิ้วขึ้นมองไปที่เธอแล้วถามว่า “เธอพูดจริงหรือ เปล่า? ”
“จะยกเลิกงานแต่งก็ได้ แต่จะต้องยกบริษัทสามบริษัทย่อยที่มู่ชื่อกรุ๊ปเพิ่งซื้อมาให้ฉัน เป็นการชดเชย” “อะไรนะบ้าไปแล้วหรือไง? ”
มู่เทียนหงและมู่ยั่นเจอยังไม่ทันพูดอะไรออกมา จึ่งเชี่ยว เต่อก็ตะคอกออกมาทันควัน
จิ่งหนิงมองไปที่เขาด้วยแววตาดูถูกแล้วพูดว่า “ยังไม่ได้ เป็นครอบครัวเดียวกันสักหน่อย เป็นเดือดเป็นร้อนแทนเขา แล้วเหรอ? มันไม่น่าเกลียดไปหน่อยเหรอ? ”
“แก! ”
“เอาล่ะ”
มู่เทียนหงโบกมือเป็นสัญญาณให้จิ่งเชี่ยวเต๋อสงบลงแล้ว
มองไปยังจิ่งหนิง
“ข้อเสนอของคุณพวกเราตกลง คุณนำหนังสือสัญญา แต่งงานมาเมื่อไหร่ผมก็จะมอบโอนถ่ายโอนบริษัทไปให้ คุณทันที”
“พูดคำไหนคำนั้นนะคะ!
มู่เทียนหงพาทีมทนายของเขาจากไป จิ่งเชี่ยวเต๋อโมโน และจ้องไปยังจิ่งหนิงตาเขม็ง หยูซิ่วเหลียนประคองหญิง ชราเดินจากออกไป
ที่ทางเดินอันกว้างใหญ่เหลือไว้เพียงจิ่งหนิง มู่ยั่นเจ๋อและ จิ่งเสี่ยวหย่าเพียงสามคน
จึ่งหนิงไม่อยากจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกแล้ว เธอจึง ได้หันหลังเดินจากออกไปเหลือไว้แต่เพียงเสียงของจิ่งเสี่ยวหย่าที่ตะโกนตามหลังมา
” พี่คะ! ”
จึ่งเสี่ยวหย่าเข้าไปขวางเธอไว้
หน้าตาขาวผ่องเต็มไปด้วยรอยน้ำตาของจิ่งเสี่ยวหย่า มีอของเธอคว้าแขนของจิ่งหนิงไว้แล้วพูดว่า “พี่คะ ฉัน ขอโทษ! ไม่ได้ตั้งใจที่จะตกหลุมรักพี่อาเจ๋อ พี่อย่าโกรธ พวกเราได้ไหมคะ? ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของฉันเอง ถ้า พี่จะโกรธจะเกลียดก็มาลงที่ฉันเถอะ!
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ